กรุงเทพ--29 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2547 นาย Lakshman Kadirgamar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา ได้เข้าพบและหารือกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ และภายหลังการหารือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาให้ความสนใจโครงการ ต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาชนบทและแสดงความชื่นชมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และ SME ของประเทศไทย พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือจากประเทศไทยในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาได้เสนอที่จะส่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรุ่นใหม่ของศรีลังกาที่สนใจเรื่อง การเกษตรและการพัฒนาชนบทมาศึกษาดูงานในประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ การต่างประเทศได้แจ้งว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลไทยอยู่แล้วที่จะร่วมมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน จึงได้ให้ความเห็นชอบกับข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาดังกล่าว โดยขอให้ฝ่ายศรีลังกาส่งเจ้าหน้าที่มาพบกับ กรมวิเทศสหการ เพื่อเตรียมการจัดโครงการเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรศรีลังกามาศึกษา ดูงานและรับการฝึกอบรมต่อไป
2. ฝ่ายศรีลังกาแสดงการสนับสนุนประเทศไทยเต็มที่ในเรื่อง ACD และแจ้งว่า ศรีลังกาจะเข้ามามีส่วนร่วมในคณะทำงานสาขาต่างๆ ของ ACD
3. ฝ่ายศรีลังกาต้องการให้มีความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างศรีลังกา-ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางจังหวัดภูเก็ต และได้สอบถามนโยบายของไทยด้านการ ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งว่า ตรงกับนโยบายของไทยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาทั้งในกรอบทวิภาคีกับศรีลังกา และในกรอบ BIMST-EC ด้วย เพราะในความเป็นจริงแล้วสมาชิก BIMST-EC หลายประเทศ คือ ศรีลังกา อินเดีย เนปาล ภูฏาน พม่า และไทย เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา และแม้แต่ บังกลาเทศก็มีพุทธสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง จึงสามารถจัดการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา แบบ Package Tour ในกลุ่มประเทศ BIMST-EC ได้
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายศรีลังกาแจ้งว่า ศรีลังกาได้ประกาศนโยบายน่านฟ้าเสรี ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ไทยยินดีจะร่วมมือในด้านนี้โดยให้สายการบินของศรีลังกาสามารถบินมายังเมืองหลักๆ ของไทยได้เสรีเช่นกัน เพราะไทยต้องการให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาระหว่างกันให้มากที่สุด ทั้งนี้ ฝ่ายศรีลังกาต้องการให้แอร์เอเชีย หรือนกแอร์บินไปศรีลังกา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะจัดให้ฝ่ายศรีลังกาได้พบกับผู้บริหารของสายการบินดังกล่าว รวมทั้ง สายการบินอื่นๆ ของไทยด้วย เช่น การบินไทย และภูเก็ตแอร์ เนื่องจากขณะนี้ไทยมีสายการบินเอกชนเพิ่มขึ้นหลายราย ดังนั้น ถ้าฝ่ายศรีลังกาเปิดน่านฟ้าให้ไทยตลอดและไทยเปิดน่านฟ้าให้ศรีลังกาตลอดก็จะสะดวก โดยไม่ต้องการเจรจากันเรื่องจำนวนเที่ยวบิน และจำนวนที่นั่งระหว่างกันอีก และจะเป็นโอกาสให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจการบินของไทยและประเทศข้างเคียงขยายไปยังศรีลังกามากขึ้น
5. ทั้งสองฝ่ายตกลงจะดำเนินการต่อเนื่องในเรื่องความร่วมมือทางด้าน วัฒนธรรมและศาสนา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก
6. ฝ่ายศรีลังกาสนใจที่จะทำความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทย-ศรีลังกา โดยอาจทำล่วงหน้าก่อนการทำความตกลงเขตการค้าเสรีในกรอบ BIMST-EC ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะศรีลังกามีประชากร 20 ล้านคน และในเรื่องการค้านั้น ศรีลังกาซื้อสินค้าจากไทยจำนวนมาก ถ้ามีการลดภาษีระหว่างกันแล้ว โอกาสที่สินค้าของไทยจะส่งไปขายยังศรีลังกาย่อมเพิ่มมากขึ้น
7. ต่อคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพ ศรีลังกานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาได้แจ้งว่า รัฐบาลศรีลังกายังต้องการให้มีการเจรจาหารือเพื่อให้เกิด สันติภาพต่อไป ซึ่งนโยบายของไทยก็ยินดีที่จะเป็นสถานที่ให้ฝ่ายศรีลังกาจัดประชุมสันติภาพไปตลอดจนกว่าการเจรจาสันติภาพจะประสบความสำเร็จ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2547 นาย Lakshman Kadirgamar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา ได้เข้าพบและหารือกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ และภายหลังการหารือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาให้ความสนใจโครงการ ต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาชนบทและแสดงความชื่นชมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และ SME ของประเทศไทย พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือจากประเทศไทยในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาได้เสนอที่จะส่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรุ่นใหม่ของศรีลังกาที่สนใจเรื่อง การเกษตรและการพัฒนาชนบทมาศึกษาดูงานในประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ การต่างประเทศได้แจ้งว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลไทยอยู่แล้วที่จะร่วมมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน จึงได้ให้ความเห็นชอบกับข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาดังกล่าว โดยขอให้ฝ่ายศรีลังกาส่งเจ้าหน้าที่มาพบกับ กรมวิเทศสหการ เพื่อเตรียมการจัดโครงการเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรศรีลังกามาศึกษา ดูงานและรับการฝึกอบรมต่อไป
2. ฝ่ายศรีลังกาแสดงการสนับสนุนประเทศไทยเต็มที่ในเรื่อง ACD และแจ้งว่า ศรีลังกาจะเข้ามามีส่วนร่วมในคณะทำงานสาขาต่างๆ ของ ACD
3. ฝ่ายศรีลังกาต้องการให้มีความเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างศรีลังกา-ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางจังหวัดภูเก็ต และได้สอบถามนโยบายของไทยด้านการ ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งว่า ตรงกับนโยบายของไทยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาทั้งในกรอบทวิภาคีกับศรีลังกา และในกรอบ BIMST-EC ด้วย เพราะในความเป็นจริงแล้วสมาชิก BIMST-EC หลายประเทศ คือ ศรีลังกา อินเดีย เนปาล ภูฏาน พม่า และไทย เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา และแม้แต่ บังกลาเทศก็มีพุทธสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง จึงสามารถจัดการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา แบบ Package Tour ในกลุ่มประเทศ BIMST-EC ได้
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายศรีลังกาแจ้งว่า ศรีลังกาได้ประกาศนโยบายน่านฟ้าเสรี ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ไทยยินดีจะร่วมมือในด้านนี้โดยให้สายการบินของศรีลังกาสามารถบินมายังเมืองหลักๆ ของไทยได้เสรีเช่นกัน เพราะไทยต้องการให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาระหว่างกันให้มากที่สุด ทั้งนี้ ฝ่ายศรีลังกาต้องการให้แอร์เอเชีย หรือนกแอร์บินไปศรีลังกา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะจัดให้ฝ่ายศรีลังกาได้พบกับผู้บริหารของสายการบินดังกล่าว รวมทั้ง สายการบินอื่นๆ ของไทยด้วย เช่น การบินไทย และภูเก็ตแอร์ เนื่องจากขณะนี้ไทยมีสายการบินเอกชนเพิ่มขึ้นหลายราย ดังนั้น ถ้าฝ่ายศรีลังกาเปิดน่านฟ้าให้ไทยตลอดและไทยเปิดน่านฟ้าให้ศรีลังกาตลอดก็จะสะดวก โดยไม่ต้องการเจรจากันเรื่องจำนวนเที่ยวบิน และจำนวนที่นั่งระหว่างกันอีก และจะเป็นโอกาสให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจการบินของไทยและประเทศข้างเคียงขยายไปยังศรีลังกามากขึ้น
5. ทั้งสองฝ่ายตกลงจะดำเนินการต่อเนื่องในเรื่องความร่วมมือทางด้าน วัฒนธรรมและศาสนา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก
6. ฝ่ายศรีลังกาสนใจที่จะทำความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทย-ศรีลังกา โดยอาจทำล่วงหน้าก่อนการทำความตกลงเขตการค้าเสรีในกรอบ BIMST-EC ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะศรีลังกามีประชากร 20 ล้านคน และในเรื่องการค้านั้น ศรีลังกาซื้อสินค้าจากไทยจำนวนมาก ถ้ามีการลดภาษีระหว่างกันแล้ว โอกาสที่สินค้าของไทยจะส่งไปขายยังศรีลังกาย่อมเพิ่มมากขึ้น
7. ต่อคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพ ศรีลังกานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาได้แจ้งว่า รัฐบาลศรีลังกายังต้องการให้มีการเจรจาหารือเพื่อให้เกิด สันติภาพต่อไป ซึ่งนโยบายของไทยก็ยินดีที่จะเป็นสถานที่ให้ฝ่ายศรีลังกาจัดประชุมสันติภาพไปตลอดจนกว่าการเจรจาสันติภาพจะประสบความสำเร็จ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-