1. ฐานเงินและปริมาณเงิน
-ฐานเงินและปริมาณเงินขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 อยู่ที่ระดับ 673.0 พันล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 2.7 พันล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.4
การเปลี่ยนแปลงของฐานเงินจากเดือนก่อนที่สำคัญได้แก่ (1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น (2) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่รัฐบาลลดลงตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาครัฐที่ ธปท. (3) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตรและในพันธบัตรของ ธปท.เพิ่มขึ้น
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ในเดือนมิถุนายน 2547 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.8 6.8 และ 5.8 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอจากเดือนก่อนหน้าตามการลดลงของเงินฝาก
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
-เงินบาทอ่อนค่าลง เนื่องจากมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.จากผู้นำเข้าและผลจากปัจจัยลบในประเทศ
-อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า
-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางและระยะยาวปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนมิถุนายน 2547 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.80 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงจากเดือนพฤษภาคมที่มีค่าเฉลี่ย 40.57 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.โดยเป็นผลจากปัจจัยสำคัญ คือ (1) ความกังวลของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจไทยจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ (2) การขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ไทย (3) ความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.จากบริษัทน้ำมันและ (4) ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สำหรับค่าเงินบาทเฉลี่ยในช่วงวันที่ 1-26 กรกฎาคม 2547 อ่อนค่าลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 40.84 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. โดยในช่วงครึ่งแรกของเดือน เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ อย่างไรก็ดี เงินบาทได้อ่อนค่าลงในช่วงครึ่งหลังของเดือน เนื่องจากมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.จากผู้นำเข้าและบริษัทน้ำมันค่อนข้างมาก รวมทั้งได้รับปัจจัยลบจากข่าวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในไก่อีกครั้ง
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนมิถุนายน 2547 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.00 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคม โดยสภาพคล่องในช่วงครึ่งแรกของเดือนตึงตัวขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์หลายแห่งยังคงมีการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2546 และมีการเตรียมเงินให้กระทรวงการคลังกู้ยืมเพื่อการไถ่ถอนพันธบัตร อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องในช่วงปลายเดือนได้ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งได้รับเงินค่าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ สำหรับอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.02 ต่อปี
สำหรับในช่วงวันที่ 1-26 กรกฎาคม 2547 อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.03 และ 1.07 ต่อปี ตามลำดับ เป็นผลจากสภาพคล่องที่ตึงตัวขึ้น โดยเฉพาะช่วงใกล้สิ้นปักษ์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนมิถุนายน 2547 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวยังคงปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มอย่างแน่นอน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน ส่งผลให้นักลงทุนในประเทศส่วนใหญ่หันมาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
ในช่วงวันที่ 1-26 กรกฎาคม 2547 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทุกระยะปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ธปท.และธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งแรกของเดือนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและยาวได้ปรับลดลงเล็กน้อยตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลงภายหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ แถลงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
-สินเชื่อเร่งตัวขึ้น ขณะที่เงินฝากชะลอตัวลง
-อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ไม่เปลี่ยนแปลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนมิถุนายน 2547 ขยายตัวร้อยละ 3.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนพฤษภาคม ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการลดยอดเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพื่อคำนวณค่าธรรมเนียมนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ รวมทั้งมีการถอนเงินฝากเพื่อนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลของภาคเอกชน
สินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน) ของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 6.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเป็นการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามยอดคงค้างของสินเชื่อในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากมีการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์ 2 แห่ง
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งในเดือนมิถุนายนและในช่วงวันที่ 1-26 กรกฎาคม 2547 คงอยู่ระดับเดิมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ออยู่ที่ร้อยละ 1.00 และ 5.69 ต่อปี ตามลำดับ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ดพ-
-ฐานเงินและปริมาณเงินขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 อยู่ที่ระดับ 673.0 พันล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 2.7 พันล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.4
การเปลี่ยนแปลงของฐานเงินจากเดือนก่อนที่สำคัญได้แก่ (1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น (2) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่รัฐบาลลดลงตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาครัฐที่ ธปท. (3) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตรและในพันธบัตรของ ธปท.เพิ่มขึ้น
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ในเดือนมิถุนายน 2547 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.8 6.8 และ 5.8 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอจากเดือนก่อนหน้าตามการลดลงของเงินฝาก
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
-เงินบาทอ่อนค่าลง เนื่องจากมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.จากผู้นำเข้าและผลจากปัจจัยลบในประเทศ
-อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า
-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางและระยะยาวปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนมิถุนายน 2547 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.80 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงจากเดือนพฤษภาคมที่มีค่าเฉลี่ย 40.57 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.โดยเป็นผลจากปัจจัยสำคัญ คือ (1) ความกังวลของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจไทยจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ (2) การขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ไทย (3) ความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.จากบริษัทน้ำมันและ (4) ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สำหรับค่าเงินบาทเฉลี่ยในช่วงวันที่ 1-26 กรกฎาคม 2547 อ่อนค่าลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 40.84 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. โดยในช่วงครึ่งแรกของเดือน เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ อย่างไรก็ดี เงินบาทได้อ่อนค่าลงในช่วงครึ่งหลังของเดือน เนื่องจากมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.จากผู้นำเข้าและบริษัทน้ำมันค่อนข้างมาก รวมทั้งได้รับปัจจัยลบจากข่าวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในไก่อีกครั้ง
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนมิถุนายน 2547 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.00 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคม โดยสภาพคล่องในช่วงครึ่งแรกของเดือนตึงตัวขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์หลายแห่งยังคงมีการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2546 และมีการเตรียมเงินให้กระทรวงการคลังกู้ยืมเพื่อการไถ่ถอนพันธบัตร อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องในช่วงปลายเดือนได้ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งได้รับเงินค่าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ สำหรับอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.02 ต่อปี
สำหรับในช่วงวันที่ 1-26 กรกฎาคม 2547 อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.03 และ 1.07 ต่อปี ตามลำดับ เป็นผลจากสภาพคล่องที่ตึงตัวขึ้น โดยเฉพาะช่วงใกล้สิ้นปักษ์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนมิถุนายน 2547 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวยังคงปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มอย่างแน่นอน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน ส่งผลให้นักลงทุนในประเทศส่วนใหญ่หันมาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
ในช่วงวันที่ 1-26 กรกฎาคม 2547 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทุกระยะปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ธปท.และธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งแรกของเดือนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและยาวได้ปรับลดลงเล็กน้อยตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลงภายหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ แถลงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
-สินเชื่อเร่งตัวขึ้น ขณะที่เงินฝากชะลอตัวลง
-อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ไม่เปลี่ยนแปลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนมิถุนายน 2547 ขยายตัวร้อยละ 3.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนพฤษภาคม ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการลดยอดเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพื่อคำนวณค่าธรรมเนียมนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ รวมทั้งมีการถอนเงินฝากเพื่อนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลของภาคเอกชน
สินเชื่อภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน) ของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 6.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเป็นการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามยอดคงค้างของสินเชื่อในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากมีการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์ 2 แห่ง
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งในเดือนมิถุนายนและในช่วงวันที่ 1-26 กรกฎาคม 2547 คงอยู่ระดับเดิมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ออยู่ที่ร้อยละ 1.00 และ 5.69 ต่อปี ตามลำดับ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ดพ-