บังคาลอร์ (Bangalore) เป็นเมืองหลวงของรัฐกรณาฏกะ (Karnataka) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 6.5 ล้านคน และมีชื่อเสียงในการผลิตซอฟต์แวร์ การเขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์ การออกแบบชิพ และการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที (Information Technology: IT) จนได้รับฉายาว่าเป็นซิลิคอนวัลเลย์ของเอเชีย (ซิลิคอนวัลเลย์ถือเป็นศูนย์กลางธุรกิจไอทีของโลก ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา) สินค้าส่งออกอันดับหนึ่ง คือ ซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวข้องกับไอทีซึ่งมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2546/47 (1 เมษายน 2546 - 31 มีนาคม 2547) มีมูลค่าส่งออกสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 จากปีก่อน เทียบกับตลาดซอฟต์แวร์รวมทั่วโลกที่ขยายตัวอยู่ระดับประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ คือ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น
ปัจจุบันมีบริษัทซอฟต์แวร์และบริษัทไอทีมากกว่าพันบริษัทในบังคาลอร์ นอกจากจะเป็นบริษัทสัญชาติอินเดียเองแล้ว อาทิ Infosys Technologies, Wipro และ Microland ยังมีบริษัทข้ามชาติจากทั่วโลกจำนวนมากเข้าไปลงทุนอาทิ HSBC, Dell, Microsoft, GE, Hewlett Packard, Motorola และ Sony โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทข้ามชาติหลายแห่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทจากสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตกต้องการลดต้นทุนค่าจ้างแรงงานจึงย้ายธุรกิจในส่วน Customer-service ไปดำเนินการในบังคาลอร์ จนทำให้บังคาลอร์เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะเป็นแหล่ง “Offshoring Outsourcing”
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บังคาลอร์เป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และไอทีของเอเชีย ได้แก่
1. ความพร้อมของบุคลากรด้านไอทีทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ปัจจุบันบังคาลอร์มีวิศวกรด้านไอทีถึง 150,000 คน มากกว่าซิลิคอนวัลเลย์ซึ่งมีเพียง 120,000 คน เนื่องจากเป็นศูนย์รวมมหาวิทยาลัยจำนวนมากซึ่งเน้นการสอนด้านไอที โดยในแต่ละปีสามารถผลิตวิศวกรด้านไอทีได้กว่า 14,000 คน นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ซึ่งสะสมมาเป็นเวลานาน โดยบังคาลอร์เริ่มมีการพัฒนาด้านไอทีมาตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากกองทัพอากาศของอังกฤษเข้ามาตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานในระหว่างการทำสงครามกับญี่ปุ่น ทำให้แรงงานมีทักษะทางด้านเทคโนโลยีสูง ประกอบกับสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และค่าจ้างยังไม่สูงนักเมื่อเทียบกับประเทศในแถบตะวันตก ทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Programmer) ของบังคาลอร์มีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ ในการสื่อสารกับผู้ว่าจ้างและกับลูกค้าของบริษัทผู้ว่าจ้าง อาทิ บริการ Call Center ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาติตะวันตกที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก จึงทำให้ธุรกิจต่างประเทศจำนวนมากนิยม Outsource งานซอฟต์แวร์มายังบังคาลอร์
2. ชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ บริษัทไอทีในบังคาลอร์จำนวนมากได้รับใบรับรองคุณภาพระดับสากล อาทิ ISO 9000, SEI-CMM Model ซึ่งหลายบริษัทได้รับ SEI—CMM Level 5 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดสำหรับการผลิตซอฟต์แวร์ เป็นต้น
3. รัฐบาลอินเดียมีนโยบายส่งเสริมให้บังคาลอร์เป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญของประเทศ อาทิ พยายามสร้างแบรนด์ให้เป็นซิลิคอนวัลเลย์ของอินเดีย รวมถึงพยายามแก้ไขปัญหาลิขสิทธิ์และความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล โดยรัฐบาลอินเดียตั้งเป้าหมายที่จะให้บังคาลอร์เป็นเมืองแรกในอินเดียที่ปลอดจากการละเมิดลิขสิทธิ์
4. นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ (Software Technology Park) จะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ บริษัทต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 100% และการได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น สำหรับเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่สำคัญ อาทิ
The International Technology Park จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับบริษัทที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านไอที การพัฒนาซอฟต์แวร์ อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม R&D และการให้บริการทางการเงินElectronics City เป็นสวนอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัททางด้านอิเล็กทรอนิกส์กว่าร้อยบริษัท อาทิ Motorola, Infosys, Siemens และ Wipro เป็นต้น
5. ระบบโครงสร้างพื้นฐานดี รัฐบาลอินเดียเร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในบังคาลอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อาทิ มีการเชื่อมต่อของสายเคเบิลใยแก้วทั่วทั้งเมือง สามารถเชื่อมต่อกับสายเคเบิลใต้น้ำที่สำคัญ และมีช่องสัญญาณดาวเทียมระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สิงหาคม 2547--
-พห-
ปัจจุบันมีบริษัทซอฟต์แวร์และบริษัทไอทีมากกว่าพันบริษัทในบังคาลอร์ นอกจากจะเป็นบริษัทสัญชาติอินเดียเองแล้ว อาทิ Infosys Technologies, Wipro และ Microland ยังมีบริษัทข้ามชาติจากทั่วโลกจำนวนมากเข้าไปลงทุนอาทิ HSBC, Dell, Microsoft, GE, Hewlett Packard, Motorola และ Sony โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทข้ามชาติหลายแห่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทจากสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตกต้องการลดต้นทุนค่าจ้างแรงงานจึงย้ายธุรกิจในส่วน Customer-service ไปดำเนินการในบังคาลอร์ จนทำให้บังคาลอร์เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะเป็นแหล่ง “Offshoring Outsourcing”
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บังคาลอร์เป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และไอทีของเอเชีย ได้แก่
1. ความพร้อมของบุคลากรด้านไอทีทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ปัจจุบันบังคาลอร์มีวิศวกรด้านไอทีถึง 150,000 คน มากกว่าซิลิคอนวัลเลย์ซึ่งมีเพียง 120,000 คน เนื่องจากเป็นศูนย์รวมมหาวิทยาลัยจำนวนมากซึ่งเน้นการสอนด้านไอที โดยในแต่ละปีสามารถผลิตวิศวกรด้านไอทีได้กว่า 14,000 คน นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ซึ่งสะสมมาเป็นเวลานาน โดยบังคาลอร์เริ่มมีการพัฒนาด้านไอทีมาตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากกองทัพอากาศของอังกฤษเข้ามาตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานในระหว่างการทำสงครามกับญี่ปุ่น ทำให้แรงงานมีทักษะทางด้านเทคโนโลยีสูง ประกอบกับสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และค่าจ้างยังไม่สูงนักเมื่อเทียบกับประเทศในแถบตะวันตก ทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Programmer) ของบังคาลอร์มีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ ในการสื่อสารกับผู้ว่าจ้างและกับลูกค้าของบริษัทผู้ว่าจ้าง อาทิ บริการ Call Center ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาติตะวันตกที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก จึงทำให้ธุรกิจต่างประเทศจำนวนมากนิยม Outsource งานซอฟต์แวร์มายังบังคาลอร์
2. ชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ บริษัทไอทีในบังคาลอร์จำนวนมากได้รับใบรับรองคุณภาพระดับสากล อาทิ ISO 9000, SEI-CMM Model ซึ่งหลายบริษัทได้รับ SEI—CMM Level 5 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดสำหรับการผลิตซอฟต์แวร์ เป็นต้น
3. รัฐบาลอินเดียมีนโยบายส่งเสริมให้บังคาลอร์เป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญของประเทศ อาทิ พยายามสร้างแบรนด์ให้เป็นซิลิคอนวัลเลย์ของอินเดีย รวมถึงพยายามแก้ไขปัญหาลิขสิทธิ์และความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล โดยรัฐบาลอินเดียตั้งเป้าหมายที่จะให้บังคาลอร์เป็นเมืองแรกในอินเดียที่ปลอดจากการละเมิดลิขสิทธิ์
4. นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ (Software Technology Park) จะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ บริษัทต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 100% และการได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น สำหรับเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่สำคัญ อาทิ
The International Technology Park จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับบริษัทที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านไอที การพัฒนาซอฟต์แวร์ อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม R&D และการให้บริการทางการเงินElectronics City เป็นสวนอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัททางด้านอิเล็กทรอนิกส์กว่าร้อยบริษัท อาทิ Motorola, Infosys, Siemens และ Wipro เป็นต้น
5. ระบบโครงสร้างพื้นฐานดี รัฐบาลอินเดียเร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในบังคาลอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ อาทิ มีการเชื่อมต่อของสายเคเบิลใยแก้วทั่วทั้งเมือง สามารถเชื่อมต่อกับสายเคเบิลใต้น้ำที่สำคัญ และมีช่องสัญญาณดาวเทียมระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สิงหาคม 2547--
-พห-