ฉบับที่ ๑ สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ วันพุธที่ ๑ กันยายน ๒๕๔๗ เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๐.๓๐ นาฬิกา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๑ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๗ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) เวลา ๐๙.๓๕ นาฬิกา เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาครบองค์ประชุม นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งต่อที่ประชุมเรื่องรับทราบ ซึ่งไม่ปรากฏในระเบียบวาระการประชุม คือ เรื่องการขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายภิญโญ นิโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครสวรรค์ พรรคชาติไทย ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๗ ดังนั้นสมาชิกภาพของนายภิญโญ นิโรจน์ จึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๑๘ (๓) จึงทำให้ปัจจุบันมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งหมด ๔๕๖ คน จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่สมาชิกฯ ได้เสนอขอเลื่อนระเบียบวาระเรื่องด่วน ขึ้นมาพิจารณาก่อน ดังนี้ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๓ ในประเทศไทย พ.ศ. …. (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว หลักการ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๓ ในประเทศไทย เหตุผล โดยที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิด สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๖ และโดยที่จะมีการประชุมภาคีอนุสัญญาฯ ครั้งที่ ๑๓ ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ดังนั้นเพื่อให้การประชุมดังกล่าวของสำนักงานเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์บรรลุ ตามความมุ่งประสงค์ สมควรให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เรื่องการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๓ ลงวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ต่อมาได้มีสมาชิกตั้งข้อสังเกตในเรื่องที่เกี่ยวกับเอกสิทธิ์และการใช้คำศัพท์ คือ (CITES) ในร่างมาตรา ๔ ในวงเล็บที่เป็นภาษาอังกฤษ ขอให้แปรญัตติในขั้นกรรมาธิการวิสามัญ โดยระบุรายละเอียดให้ชัดเจนด้วย เมื่อสมาชิกได้อภิปรายพอสมควรแล้วได้ลงมติในวาระที่ ๑ รับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติ ด้วยคะแนนเห็นชอบ ๒๗๐ เสียง กำหนดให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน ๓๕ คน ต่อมานายประกิต พัฒนกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรค ไทยรักไทย ได้ขอเสนอให้มีการแปรญัตติภายใน ๒ วัน เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้บังคับ เนื่องจากจะมีการประชุมอนุสัญญาในวันที่ ๒-๑๔ ตุลาคมนี้ และมีเพียง ๕ มาตรา เท่านั้น ซึ่งใน ๕ มาตรานี้ มีเพียงมาตรา ๔ และ ๕ เท่านั้นที่สำคัญ จากนั้นนายนริศ ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง พรรค ประชาธิปัตย์ ขอเสนอตั้งซ่อมกรรมาธิการการพาณิชย์ คือ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร และนายอลงกรณ์ พลบุตร แทนนายไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร และนายเรวัต สิรินุกูล ต่อจากนั้นได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยนายวราเทพ รัตนากร รองประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณารายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ชี้แจงผลการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังนี้คือ จากการที่สภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ได้มีมติรับหลักการแห่งร่าง พระราชบัญญัติดังกล่าวในวาระที่ ๑ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๘ แล้วนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาพระราชบัญญัติดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และได้สรุปรายละเอียดไว้ดังนี้ คือ จากการร่วมกันพิจารณารายละเอียดของ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของภาครัฐ ทั้งที่ได้รับงบประมาณและไม่ได้รับงบประมาณ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๒๘๑ หน่วยงาน และได้มีการปรับลดงบประมาณลงจำนวน ๑๗,๗๐๔,๗๓๓,๓๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยสี่ล้านเจ็ดแสนสามหมื่นสามพันสามร้อยบาท) การปรับลดนี้ได้พิจารณาจาก ๑. ข้อเท็จจริงผลการดำเนินงาน ผลการใช้จ่ายงบประมาณที่ผ่านมา ตลอดจนความจำเป็นและความเหมาะสมของวงเงินงบประมาณกับประมาณงาน รวมทั้งความพร้อมในการดำเนินงานและกรณีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ และคาดว่าจะไม่สามารถใช้จ่ายได้ทันปี ๒๕๔๘ หรือกรณีทราบผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้วต่ำกว่าราคาที่ตั้งวงเงินงบประมาณไว้ ๒. รายการรายจ่ายต่าง ๆ ที่สามารถประหยัดได้ เช่น ราคาคุรุภัณฑ์ให้เป็นตามเกณฑ์มาตรฐาน หรือราคาที่เคยจัดซื้อ ๓. รายจ่ายที่มีความซับซ้อน หรือเป็นรายการที่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และวิธีการในการดำเนินงาน เช่น ค่าใช้จ่ายในการอบรมและสัมมนา การประชาสัมพันธ์และการจ้างที่ปรึกษา สำหรับการพิจารณาและการเพิ่มเปลี่ยนแปลงงบประมาณ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณานำเสนอรายการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของภาครัฐ กองทุนและเงินทุนหมุนเวียนต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๖,๘๘๖,๓๖๓,๗๐๐บาท (สี่หมื่นหกพันแปดร้อยแปดสิบหกล้านสามแสนหกหมื่นสามพันเจ็ดร้อยบาท) คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ร่วมพิจารณาเปลี่ยนแปลงงบประมาณในส่วนของงานโครงการต่าง ๆ โดยปรับลดลงจำนวน ๑๗,๗๐๔,๗๓๓,๓๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยสี่ล้านเจ็ดแสนสามหมื่นสามพันสามร้อยบาท) และเพิ่มให้ในสาระสำคัญ ๒ ประการ คือ ๑. เป็นการจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๑๑,๕๘๑,๘๒๘,๗๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยแปดสิบเอ็ดล้านแปดแสนสองหมื่นแปดพันเจ็ดร้อยบาท) เท่ากับจำนวนที่ปรับลดได้ เพื่อคงสัดส่วนเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสัดส่วนร้อยละ ๒๓.๕ ของรายได้สุทธิของรัฐบาล ๒. เพิ่มให้กับหน่วยงานอื่น ๆ จำนวน ๖,๑๒๒,๙๐๔,๖๐๐ บาท (หกพันหนึ่งร้อยยี่สิบสองล้านเก้าแสนสี่พันหกร้อย) เป็นการเปลี่ยนแปลงงบประมาณ จำนวน ๒๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท (ยี่สิบสองล้านแปดแสนบาท) จากกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมจากจังหวัดไปตั้งที่สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านวัฒนธรรม ดังนั้นการพิจารณาเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าวได้มีการพิจารณา ดำเนินการให้อยู่ในกรอบที่จะทำให้วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ทั้งสิ้น ยังคงมีจำนวน ๑,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านสองแสนล้านบาท) ตามที่สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติรับหลักการในวาระที่ ๑ ไปแล้ว