สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎรการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ฉบับที่ ๕

ข่าวการเมือง Thursday September 9, 2004 11:22 —รัฐสภา

ฉบับที่ ๕ สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ วันพุธที่ ๑ กันยายน ๒๕๔๗ เวลา ๑๓.๓๐ - ๑๔.๓๐ นาฬิกา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในประเด็นที่สงวนความเห็นไว้ในมาตรา ๔ โดยขอปรับลดงบกลางของ ปี ๒๕๔๘ ในรายการที่ ๑๐ โดยมีเหตุผลสนับสนุน ๓ ประเด็น ดังนี้ ๑. การไม่มีเอกสารของสำนักงบประมาณประกอบเป็นการจัดงบแบบไร้ทิศทาง ไร้ยุทธศาสตร์ จากการพิจารณาการใช้งบกลางของปี ๒๕๔๖ มีการนำเงินไปใช้ในโครงการต่าง ๆ มากมาย เช่น การพัฒนาเส้นทางไทย - กัมพูชา โครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค การประชุมเอเปค โครงการไทยพรีวิเลจ การ์ด ส่วนในปี ๒๕๔๗ มีการนำงบประมาณไปใช้แบบตามใจ จัดสรรงบประมาณให้กับคนใกล้ชิด เช่น การจัดมหกรรมพืชสวนโลกที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้งบประมาณถึง ๕๑๘ ล้านบาท และโครงการเชียงใหม่ ซาฟารีไนท์ ที่ใช้งบประมาณสูงถึง ๓๑๔ ล้านบาท ส่วนโครงการจัดหา เครื่องบินลำเลียงขนาดกลางแบบแอร์บัส ๑,๑๐๐ ล้านบาท ไม่เห็นว่าจะเป็นการใช้งบประมาณเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศตรงไหน สุดท้ายกลายเป็นเครื่องบินส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และบางโครงการไม่สมควรที่จะดึงเงินงบประมาณจากงบกลางนี้ไปใช้ เช่น การจัดซื้อปืนใหญ่ขนาดเบาให้กระทรวงกลาโหม โดยตั้งงบประมาณผูกพันไปจนถึงปี ๒๕๔๙ จำนวน ๒,๔๐๐ กว่าล้านบาท หรือการขอไปเป็นค่าใช้จ่ายในการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ (FTA) จำนวน ๑๘๕ ล้านบาท๒. เอางบกลางตั้งเป็นหัวเชื้อแล้วผูกพันงบประมาณต่อไปอีก ๓-๔ ปีข้างหน้า สภาฯไม่ได้ตรวจสอบว่าในอนาคตจะมีผลกระทบอย่างไร เช่น นำไปจัดซื้อดาวเทียม ทีออส ระหว่างรัฐบาลไทยและบริษัทเอกชนของฝรั่งเศส (SAS) โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เร่งจัดหาดาวเทียม ซึ่งเรียกโครงการนี้ว่า Remote Sensing โดยแลกกับการส่งออกสินค้าเกษตรเช่น ไก่ต้มสุก กุ้งแช่แข็ง ฯลฯ ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มบริษัทใหญ่เท่านั้น โดยงบกลางตั้งโดยไม่ผ่านสภาและคณะกรรมาธิการในปี ๒๕๔๗ จำนวน ๑,๔๒๑ ล้านบาท และผูกพันไปอีก ๔ ปี รวมแล้ว ๖,๐๘๘ ล้านบาท๓. งบประมาณที่ตั้งไว้เป็นการหวังผลทางการเมืองและมีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจากการไปตรวจราชการตามจังหวัดต่าง ๆ ของนายกรัฐมนตรี และได้อนุมัติงบประมาณให้แต่ละจังหวัดมีกระบวนการกลั่นกรองอย่างไร เท่าที่ทราบ นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองขึ้นมา ๑ ชุด จึงอยากทราบว่า- กรรมการเป็นใคร มาจากไหน จึงสามารถพิจารณางบประมาณได้- เป็นการโกหกชาวบ้านหรือไม่ และมีโครงการที่ผ่านการพิจารณาคณะกรรมการ ชุดนี้ไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์นายสาทิตย์จึงสรุปว่า การจัดงบประมาณนี้ไร้ยุทธศาสตร์ ไร้ทิศทาง และขาดการบูรณาการ จึงขอปรับลดงบประมาณลงทั้งหมดนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรีพรรคชาติไทย ในฐานะกรรมาธิการที่ขอสงวนความเห็น ได้อภิปรายในมาตรา ๔ งบกลาง จำนวนเงิน ๒๐๐,๑๘๙ ล้านบาท ซึ่งขอปรับลดลงร้อยละ ๑๐ และได้อภิปรายเฉพาะในรายการที่ ๑๐ เรื่อง ค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวนเงิน ๒๓,๔๐๐ ล้านบาท โดยได้อภิปรายว่าส่วนดีของการตั้งงบกลาง คือ๑. สามารถทำให้ประเทศตั้งงบประมาณแบบสมดุลได้๒. เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจราชการยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ จึงสามารถแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งทำให้ทุกจังหวัดได้รับประโยชน์จากงบประมาณนี้ส่วนที่ไม่ดีคือจากการที่คณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณฯ ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน ๓ คณะ ได้แก่๑. คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจัดสรรงบประมาณฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ และค่าจ้างที่ปรึกษาของส่วนราชการต่าง ๆ๒. คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อ จัดจ้าง คอมพิวเตอร์ของส่วนราชการต่าง ๆ๓. คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสิ่งก่อสร้างของส่วนราชการต่าง ๆ ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการทั้ง ๓ คณะ ไม่สามารถพิจารณาปรับลดงบกลางในส่วนของ ค่าใช้จ่ายในการเสริมสร้างศักยภาพฯ ได้ เนื่องจากไม่มีโครงการรองรับ โอกาสที่สภาฯ จะได้ตรวจสอบโครงการต่าง ๆ จึงไม่มี นายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายเกี่ยวกับงบกลางจำนวน ๒๐๐,๑๘๙ ล้านบาท ดังนั้น ๑. ค่าใช้จ่ายในการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐในปีนี้ ๔๕,๒๕๕ ล้านบาท มีเหตุผลหรือไม่ ๒. ค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ไม่มีรายละเอียด จึงอยากให้กรรมาธิการเสนอรายละเอียดต่อสภาฯ เพื่อให้ทราบ ๓. เงินอุดหนุนให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในปี ๒๕๔๘ ไม่มี ๔. ค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งตั้งมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ ขณะนี้มีหนี้ทั้งหมดกี่ล้าน และต้องตั้งงบประมาณเพื่อใช้หนี้ธนาคารออมสิน จำนวนเท่าไร และอีกกี่ปี จึงจะใช้หนี้หมด ๕. ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเมื่อเฉลี่ยดูแล้วจะเห็นเป็น ๒ มาตรฐาน คือ ประชาชนที่ใช้บัตรทอง ๓๐ บาท เฉลี่ย ๑,๕๐๐ บาท ต่อคน ต่อปี ขณะที่ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ เฉลี่ย ๓,๕๐๐-๔,๐๐๐ บาท ต่อคน ต่อปี ซึ่งแตกต่างกันถึง ๒ เท่า ๖. ค่าใช้จ่ายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท เมื่อมี เหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ รัฐใช้เงินเข้าไปแก้ปัญหา เป็นการสมควรหรือไม่ เพราะผู้ก่อการร้ายอาจใช้เป็นเงื่อนไขในการของบประมาณเพื่อต่อรองกับประชาชน นายตรีพล เจาะจิตต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายว่า การใช้งบกลางของรัฐบาลโดยการที่นายกรัฐมนตรีไปตรวจราชการยังจังหวัดต่าง ๆ และได้อนุมัติงบประมาณให้จังหวัดนั้นไม่เหมาะสม เพราะแต่ละจังหวัดต่างก็มียุทธศาสตร์ของ ตัวเองอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้ตั้งคำถามว่า มีการตรวจสอบกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล ในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้หรือไม่ ๑. การใช้งบกลางไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงหรือไม่ ๒. การจัดสรรงบกลางไม่ยุติธรรม ในแต่ละจังหวัดได้มากน้อยไม่เท่ากัน รัฐบาลมีวิธีการจัดสรรงบประมาณอย่างไร ๓. งบกลางบางอย่างทำไมไม่นำไปใช้ในโครงการที่เร่งด่วน แต่กลับนำไปใช้ในโครงการที่ไม่เร่งด่วนจริง เช่น การปรับปรุงถนน และสร้างถนน ๔. อำนาจฝ่ายบริหารก้าวก่ายอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ เพราะมีการตั้งงบประมาณผูกพันเอาไว้ทั้งที่ยังไม่ได้ขออนุมัติจากสภา ๕. การใช้งบกลางในโครงการต่าง ๆ มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ นายตรีพล จึงสรุปว่าการจัดสรรงบประมาณแบบนี้ไม่เป็นรูปแบบ จึงเห็นสมควรตัด งบกลางทั้งหมด จนกว่าคณะกรรมาธิการฯ จะได้ชี้แจงในรายละเอียด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ