ฉบับที่ ๒๔ สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๗ เวลา ๑๗.๓๐ - ๑๘.๓๐ นาฬิกา นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ กรรมาธิการ ได้ตอบชี้แจงในเรื่องงบประมาณ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ที่ได้รับงบประมาณ ๒,๖๓๗,๕๕๒,๕๐๐ บาท ( สองพันหกร้อยสามสิบเจ็ดล้านห้าแสนห้าหมื่นสองพันห้าร้อยบาท) และกรรมาธิการได้ปรับลดลง ๑๖๑ ล้านบาท โดยกล่าวว่า เนื่องจากการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่ได้กำหนดไว้ และตามที่ได้มีสมาชิกอภิปรายถึงการใช้งบประมาณในการขุดลอกคลองถึง ๑๓๘ ล้านบาท โดยหากกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีดำเนินการขุดลอกเองจะใช้ งบประมาณเพียง ๓๘ ล้านบาทเท่านั้น ขอชี้แจงว่า เนื่องจากมีข้อจำกัดในด้านเครื่องมือ เครื่องจักร ค่าเสื่อมราคา และความยากลำบากในพื้นที่ดำเนินการ จึงจำเป็นต้องจ้างเหมาตามงบประมาณดังกล่าว นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ตอบชี้แจงประเด็น การตั้งงบประมาณในโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษสายสมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-อำเภอชะอำ (สะพานทะเล) ที่ตั้งงบประมาณถึง ๖,๔๐๐ ล้านบาท ดังนี้ ๑. โครงการนี้รัฐบาลได้ดำเนินการเป็นขั้นตอนเริ่มตั้งแต่รับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ที่ได้ทำการพิจารณาศึกษาถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อม และความเป็นไปได้ในทุกด้านตลอดจนข้อมูลด้านเทคนิคและความคุ้มทุนแล้วจึงส่งข้อมูลให้กับกรมทางหลวงไปตั้ง งบประมาณ เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเห็นชอบ ๒. กรณีการก่อสร้างสะพานลงในทะเล ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้แสดงความคิดเห็นว่า ควรจะสร้างบนบกดีกว่านั้น จากการพิจารณาศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความคุ้มทุนในทุกด้านของ สนข. แล้วพบว่า การก่อสร้างในทะเลเหมาะสมที่สุด ๓. กรณีการตั้งงบประมาณล่วงหน้าร้อยละ ๑๕ ให้กับบริษัทเอกชนที่จะเข้ามาทำงานนั้นอาจจะก่อให้เกิดการทุจริตขึ้นได้ ขอชี้แจงว่า ได้มีหลักเกณฑ์ป้องกันไว้ด้วยการให้บริษัทเอกชนทำหนังสือ ค้ำประกันในการเบิกจ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ ๑๕ ไว้ด้วย เพื่อให้บริษัทเอกชนสามารถมีกำลังจะดำเนินงานได้ และถ้าจะมองว่าการทำงานโครงการใหญ่ ๆ จะต้องมีการทุจริตเสมอนั้น ก็อาจจะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศได้ แต่ก็จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของกรรมาธิการเสียงข้างน้อยไปพิจารณา ๔. กรณีที่อาจจะไม่สามารถใช้เงินงบประมาณได้ทันกรมทางหลวงได้ชี้แจงมาแล้วว่าสามารถดำเนินการได้ทันโดยในเดือนมีนาคม ๒๕๔๘ จะสามารถออกแบบได้แล้วเสร็จ เดือนเมษายนจะดำเนินการประกวดราคา เดือนมิถุนายนลงนามในสัญญาและเดือนกรกฎาคม เริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ซึ่งบริษัทเอกชนที่เข้ามาดำเนินการจะได้รับเงินในการก่อสร้างงวดแรกในเดือนสิงหาคมด้วย นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ได้อภิปรายในกรณีมีบางประเด็นเรื่อง วิธีการประมูลงาน โดยไม่อยากให้มีการยื่นซองประมูลแบบ ๒ ซอง และควรเปิดซองพร้อมกันทั้งหมด และในโครงการใหญ่ ๆ หลายโครงการควรจะมีการปรับลดเงินล่วงหน้าให้เหลือเพียงร้อยละ ๕ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงเรื่อง การประมูลแบบ ๒ ซองนั้นเป็นไปตามระเบียบของทางราชการที่จะต้องนำไปปฏิบัติ นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายประเด็นการก่อสร้างทางหลวงพิเศษสายสมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-อำเภอชะอำ (สะพานทะเล) ขณะนี้เกิดความวิตกกังวลของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ๆ โดยรอบและใกล้เคียงว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็มีทางเลือกแล้ว คือ การขยายถนนเพชรเกษมและถนนพระราม ๒ ซึ่งก็ใช้งบประมาณน้อยกว่าด้วย จึงอยากทราบว่ามีความจำเป็นอะไร ที่จะต้องสร้างสะพานทะเล เมื่อสมาชิกฯ ได้อภิปรายและกรรมาธิการได้ตอบชี้แจงในมาตรา ๑๒ พอสมควรแล้วที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบกับกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน ๒๖๑ เสียง จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาต่อในมาตรา ๑๓ ซึ่งเป็นงบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีสมาชิกฯ ได้อภิปรายอย่างกว้างขว้างดังนี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้แปรญัตติตัดงบประมาณลงร้อยละ ๑๐ เนื่องจากเห็นว่าเกิดความไม่โปร่งใสดังนี้ ๑. โครงการที่จะสร้างโรงกลั่นน้ำมันคอนแดนเซทที่ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี ชาวบ้านได้มีการคัดค้านโครงการดังกล่าว ซึ่งต่อมาจังหวัดเพชรบุรีได้ประกาศนโยบายกำหนดให้อำเภอบ้านแหลมเป็นเขตปลอดการก่อสร้างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี แต่ภายหลังเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีและคณะกรรมการบางคน การศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกลับเห็นชอบให้ก่อสร้างได้จึงอยากทราบว่า กรรมาธิการมีการสอบถามถึงประเด็นนี้หรือไม่ เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป ๒. โครงการดูแลป่าชายเลน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในหมู่ที่ ๑ ตำบลแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริและเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์ แต่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติกลับไปปลูกต้นแสมดำ และป่าโกงกาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการบริหารจัดการงบประมาณที่ส่งผลลบให้แก่ชุมชน และราษฎรได้ร้องเรียนมาจึงขอปรับลดงบประมาณลงร้อยละ ๑๐ นายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอปรับลดงบประมาณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงร้อยละ ๑๐ ในหน่วยงานดังนี้ ๑. กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งพบว่าไม่ได้ใส่ใจเข้าไปกำกับดูแลและการนำเข้าสารพิษจากต่างประเทศ โดยพบว่ามีการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง ในพืชผลการเกษตรเพิ่มมากขึ้นทุกปีและเกษตรกรต้องรับภาระในขณะเดียวกันสารพิษต่าง ๆ เหล่านี้ก็ซึมเข้าไปในพืชผล เมื่อนำไปบริโภคก็ได้รับสารพิษเข้าไปด้วย กรมควบคุมมลพิษไม่ได้เข้าไปตรวจสอบหรือรณรงค์ให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมีแต่อย่างใด ๒. กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อยากทราบเหตุผลที่กรรมาธิการปรับลดงบประมาณของหน่วยงานนี้ลงร้อยละ ๑๐ เนื่องจากเป็นกรมที่ตั้งขึ้นใหม่ น่าจะได้รับงบประมาณมากกว่านี้และในหน่วยงานนี้ก็มีประเด็นปัญหาประชาชนที่อาศัยทำมาหากินในพื้นที่เขตแนวป่าอุทยานถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่จนเกิดกรณีพิพาทกันขึ้นนั้น อยากให้รัฐบาลเพิกถอนเขตป่าสงวน เพื่อประชาชนได้อยู่อาศัยทำมาหากิน และให้เร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่ประชาชน เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สำหรับการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติค่อนข้างสูง อยากจะให้มีการปรับลดลง รวมทั้งการกันแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกายังไม่ชัดเจน ก่อให้เกิดปัญหา ในช่วงฤดูฝนที่ประชาชนจะต้องนำสัตว์ไปเลี้ยง บริเวณเขตอุทยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปจับกุมและนำสัตว์เลี้ยงไปเก็บไว้เป็นของกลางแล้วสัตว์เกิดหายไป ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน จึงอยากให้มีการผ่อนปรนแนวเขตอุทยานในช่วงฤดูฝน นายวินัย เสนเนียม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในประเด็นที่สงวนความเห็นไว้ ในส่วนของกรมป่าไม้และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้ ๑. กรมป่าไม้ ในด้านอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ ขณะนี้กำลังประสบปัญหาไม่มีงานทำ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงมีงานอยู่มากมาย เช่น การแปรรูป การนำไม้เคลื่อนที่ ซึ่งรัฐบาลไม่สนใจที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ๒. สำนักงานนโยบายและแผนฯ ขอปรับลดงบประมาณลงร้อยละ ๑๐ เนื่องจากความไม่พร้อมของหน่วยงานและการดำเนินงานที่ไม่มีวิสัยทัศน์ โดยขณะนี้มีหน่วยงานท้องถิ่นเกิดขึ้นมากมายที่ไม่มีประสบการณ์ในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักนโยบานและแผนฯ ควรเข้าไปทำหน้าที่เป็นที่เลี้ยงในการรักษาสิ่งแวดล้อม สำหรับแผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ในเรื่องระบบการกำจัดขยะมูลฝอยและการกำจัดน้ำเสียที่มีการของบประมาณมากมาย ทำให้เกิดปัญหา เมื่อก่อสร้างแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ถึงร้อยละ ๕๐ โดยปีนี้ยังได้รับอนุมัติงบประมาณอีกถึง ๒๙ โครงการ ไม่ทราบว่ากรรมาธิการได้สอบถามถึงเรื่องในอดีตที่ทำมาแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือไม่ จึงขอเสนอแนะว่า ควรจะมีการจัดเก็บรายได้ จากผู้ที่ก่อมลพิษ เพื่อนำมาเป็นค่าใช้บริหารจัดการภายในชุมชน