สาร ส.ส. ฉบับที่ ๘๗ วันที่ ๖-๑๒ กันยายน ๒๕๔๗ (ต่อ)

ข่าวการเมือง Wednesday September 15, 2004 12:27 —รัฐสภา

                ๒.  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  ขาดความเอาใจใส่และการพัฒนาในการแก้ปัญหาสังคม เนื่องจากปัจจุบันยังมีปัญหาอบายมุขต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมอยู่มาก
๓. คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ตั้งงบไว้ ๑๐๐,๙๑๒,๐๐๐บาท (หนึ่งร้อยล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นสองพันบาท) และคณะกรรมาธิการฯ ได้ปรับลดลงบางส่วนคงเหลือ ๘๔,๗๘๗,๐๐๐ บาท (แปดสิบสี่ล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นเจ็ดพันบาท) ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวนี้ มีแผนงานในการ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ แต่เหตุใดจึงไม่ดูแลในเรื่องอุปโภคบริโภคของประชาชน จากการตรวจสอบไปยังกระทรวงพาณิชย์ ได้รับคำตอบว่า กรมการค้าภายในไม่มีอำนาจและภารกิจในการเข้าไปควบคุมดูแลเรื่องราคาสินค้า แต่มีหน้าที่ในการดูแลความต้องการของตลาด กระบวนการผลิตต่อตลาดว่า เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคหรือไม่
๔. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เป็นหน่วยงานที่เสนองบประมาณเพียง
๑,๐๐๐ ล้านบาท และไม่มีการนำเสนอผลงานรวมทั้งไม่มีขอเพิ่มงบประมาณเลย ทั้งที่เป็นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยทำให้เห็นว่าสำนักงานนี้ไม่มีประสิทธิภาพจึงขอปรับลดงบประมาณลง
ต่อจากนั้น นายวิชัย ตันศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายว่า เห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะ
๑. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ มีโครงสร้าง กฎระเบียบต่าง ๆ
การปรับลดจำนวนข้าราชการลงร้อยละ ๕ นั้น ควรมีกลยุทธ์และมาตรการในการบริหาร โดยปรับปรุงเงินเดือนข้าราชการ เพราะการลดจำนวนข้าราชการลงเป็นการบั่นทอนจิตใจ ขวัญ และกำลังใจ ของ ข้าราชการมาก
๒. การปรับโยกย้ายข้าราชการระดับสูง โดยการย้ายข้ามกระทรวง และไม่ตรงกับ
ความชำนาญการของข้าราชการ ทำให้เกิดการสูญเสียคุณธรรมของข้าราชการ เพราะข้าราชการไม่มีความผิด รวมทั้งมีความชำนาญการและเป็นข้าราชการมืออาชีพ
๓. ความสำคัญในการต่อเนื่องของระบบราชการ ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบบผสมระหว่างการเมืองและข้าราชการ ดังนั้นการทำงานจึงต้องมีความต่อเนื่องระหว่างกัน
๔. การลดขนาดข้าราชการลง ซึ่งในส่วนนี้เห็นด้วย แต่ควรมีการแยกข้าราชการครู
ออกจากข้าราชการพลเรือน
๕. การหารายได้ของรัฐบาลมาใช้จ่ายในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ไม่ควรเกินร้อยละ ๑๘ และควรเน้นคุณภาพของการศึกษา
๖. การปรับกระทรวงใหม่ เป็น ๒๐ กระทรวง นั้น มีการลงตัวมากน้อยเพียงใด
เกิดปัญหาในการประสานงานและมีประสิทธิภาพหรือไม่
ต่อจากนั้น นายสุวโรช พะลัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายว่า มาตรา ๕ ของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้ปรับลด งบประมาณลง ๙,๗๒๑,๕๐๐ บาท (เก้าล้านเจ็ดแสนสองหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยบาท) และมีการแปรญัตติเพิ่มเป็น ๙,๕๓๐,๔๒๔,๑๐๐ บาท (เก้าพันห้าร้อยสามสิบล้านสี่แสนสองหมื่นสี่พันหนึ่งร้อยบาท) นั้น ไม่เห็นด้วยในส่วนที่คณะกรรมาธิการฯ ได้เพิ่มงบประมาณ จึงขอปรับลดงบประมาณในส่วนที่แปรเพิ่มลดลงทั้งหมด ๑,๑๙๑,๓๐๓,๐๑๓ บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยเก้าสิบเอ็ดล้านสามแสนสามพันสิบสามล้านบาท) โดยเฉพาะในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เกี่ยวกับแผนงานบริหารการพัฒนาในโครงการพัฒนาดัชนีชี้วัด การพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย คือ นโยบายในการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยเฉพาะเกษตรกร การปล่อยเงินกู้ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อซื้อสินค้าที่ฟุ่มเฟือย ในเรื่องดังกล่าวนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต้องเข้าไปดูแล
จากนั้น นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ตอบชี้แจงว่า
๑. มาตรการในการลดอัตรากำลังคนลงร้อยละ ๕ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เสนอมานั้น ในส่วนของสำนักงาน กพร. เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ การทำงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการปฏิรูปราชการ การกำหนดแผนยุทธศาสตร์ระบบราชการ ในปี ๒๕๔๖ - ๒๕๕๐ มีระบบการบริหารที่มุ่งหวังผลสัมฤทธิ์ของส่วนราชการ โดยมีกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงยุติธรรมเป็นกระทรวงนำร่อง โดยทำคำรับรองกับนายกรัฐมนตรีว่า จะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ใดขึ้น และจะต้องทำให้หน่วยงานเหล่านั้นเกิดผลสัมฤทธิ์ รวมถึงการให้คะแนนต่าง ๆ ด้วย
๒. ส่วนมาตรการที่ ๓ เรื่อง การปรับลดกำลังคนลงร้อยละ ๕ นั้น ก.พ.ร. ไม่ได้เป็น ผู้ดำเนินการ แต่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นผู้ดำเนินการ และได้รับการชี้แจงจาก ก.พ. ว่า วัตถุประสงค์ของการทำมาตรการที่ ๓ เป็นมาตรการที่ต้องการให้ข้าราชการตื่นตัวและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้มีการประเมินว่า ข้าราชการใดอยู่ในระดับทำงานได้ดีมาก ปานกลาง และค่อนข้างไม่ดี โดยจะมีการพิจารณาจากกลุ่มเป้าหมายร้อยละ ๕ ว่ามีจำนวนเท่าใด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทุกหน่วยงานจะต้องมีคนร้อยละ ๕ สุดท้าย บางหน่วยงานที่ร้อยละ ๕ สุดท้าย มีประสิทธิภาพก็ยังคงสามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องออกก็ได้ในเรื่องดังกล่าวนี้เป็นการกระตุ้นให้ข้าราชการทำงานอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ
๓. การประชุมคณะรัฐมนตรีต่างจังหวัดบางครั้งอาจใช้งบประมาณมาก แต่กรรมาธิการได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า โดยเฉลี่ยใช้งบประมาณครั้งละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านบาท) ดังนั้น ในหนึ่งปีจะใช้งบประมาณ ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สิบสองล้านบาท) ซึ่งวัตถุประสงค์ของการประชุมคณะรัฐมนตรีนั้น เพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้เห็นความเป็นอยู่ของประชาชนในต่างจังหวัดและได้พบกับปัญหาที่แท้จริง
๔. งบประมาณของสำนักงานพัฒนาองค์ความรู้ที่ได้ตั้งไว้ ๑๒๐,๐๐๐,๐๐๐, บาท (หนึ่งร้อยยี่สิบล้านบาท) นั้น จากการตรวจสอบพบว่า หน่วยงานดังกล่าวนี้เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗ จึงอยู่ในระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ซึ่งในระยะแรกงบประมาณที่ตั้งไว้จึงเป็นงบดำเนินการและเตรียมขอใช้งบกลางของปี ๒๕๔๘ ในการดำเนินการตามแผน
ยุทธศาสตร์ต่อไป
๕. ในส่วนขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนั้นได้ดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือ ซึ่งไม่สอดคล้องกับหน้าที่ของหน่วยงานนั้นได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าการสร้างท่าเรือทั้งสองแห่งนั้นเป็นการดำเนินการตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ รวมทั้งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
๖. การใช้จ่ายงบประมาณในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรีที่ได้มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนคนละ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สิบล้านบาท) นั้น มีหลักเกณฑ์ในการใช้จ่ายงบประมาณชัดเจนว่า เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการเดินทางไปตรวจราชการเพื่อกำกับติดตามงาน เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลของคณะผู้ปฏิบัติงานรองนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณให้รองนายกรัฐมนตรีผ่านสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติในการดำเนินการเบิกจ่ายการใช้งบประมาณดังกล่าว และเป็นงบที่มีลักษณะไม่ผูกพันข้ามปี ไม่เป็นการจัดหาคุรุภัณฑ์หรือสิ่งก่อสร้าง ไม่เป็นการอุดหนุนทั่วไปให้แก่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ต้องไม่เป็นการเพิ่มงบบุคลากรภาครัฐในการจ้างลูกจ้างชั่วคราว ดังนั้นการเบิกจ่ายงบประมาณจึงเป็นไปตามระเบียบทางราชการ การควบคุมการเบิกจ่าย สำนักงบประมาณจะติดตามผลการดำเนินงานและผลการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการ เพื่อการกำกับและติดตามปฏิบัติราชการ โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีต้องจัดทำและรายงานผลการปฏิบัติราชการและการใช้จ่ายงบประมาณให้สำนักงบประมาณทราบด้วย
นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี พรรคชาติไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ชี้แจงถึง กรณีการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และยานพาหนะนั้น คณะกรรมาธิการได้ตระหนักถึงความจำเป็นและความเหมาะสมของการจัดสรรงบประมาณ จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา ในด้านต่าง ๆ จำนวน ๓ คณะ และคณะทำงานอีก ๑ คณะ ทำให้งบประมาณค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ลดลงเป็นจำนวนมาก
นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้อภิปรายชี้แจงในส่วนของงบอุดหนุนของรองนายกรัฐมนตรีทั้ง ๗ คน จำนวน ๗๐ ล้านบาท ว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่จัดสรรขึ้นเพื่อให้รองนายกรัฐมนตรีได้ใช้สำหรับการตรวจราชการในส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ และได้ชี้แจงถึงความจำเป็นของการจัดซื้อรถตู้จำนวน ๕ คัน ของสำนักงบประมาณ เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องเดินทางไปร่วมประชุมหารือกับจังหวัดต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ได้พิจารณาจัดซื้อตามราคามาตรฐานทุกประการ
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ
กรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ชี้แจงเพิ่มเติมในกรณีงบอุดหนุนของรองนายกรัฐมนตรีจำนวน ๗๐ ล้านบาทว่า เป็นงบประมาณที่มีความจำเป็น สำหรับการรับผิดชอบดูแลพื้นที่ในจังหวัดต่าง ๆ และมีการ
เบิกจ่าย ตามความเป็นจริงและถูกต้องตามระเบียบราชการ
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ
กรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ชี้แจงในกรณีงบอุดหนุนจำนวน ๗๐ ล้านบาทว่า เป็นการใช้จ่ายตามจริง และ ที่จัดไว้ในงบอุดหนุน เนื่องจากรองนายกรัฐมนตรีทั้ง ๗ คน ไม่ได้สังกัดกระทรวงใด ๆ จึงต้องอนุมัติงบอุดหนุนเพื่อความสะดวกในการดำเนินงานของรองนายกรัฐมนตรี และทำให้เกิดการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สำหรับค่าใช้จ่ายเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการในกรณีการจัดสัมมนานั้น ตามปกติไม่สามารถเบิกจ่ายได้ แต่หากเป็นภารกิจที่รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายแล้วก็สามารถเบิกจ่ายได้
เมื่อสมาชิกฯ ได้อภิปรายพอสมควรแล้วที่ประชุมได้ลงมติในมาตรา ๕ เห็นชอบกับ
กรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน ๒๘๓ เสียง
ต่อมา ที่ประชุมได้พิจารณามาตรา ๖ งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงกลาโหมที่ ตั้งไว้จำนวนกว่า ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายอย่างกว้างขวางดังนี้
นางสาวรังสิมา รอดรัศมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในส่วนของงบประมาณด้านการพยาบาลของทั้ง ๓ เหล่าทัพที่มี
ค่าตอบแทนไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ในขณะที่มีภาระในการทำงานมากขึ้น จากมาตรการร้อยละ ๕ ดังนั้นจึงขอปรับลดงบประมาณในส่วนอื่น ๆ ของกระทรวงกลาโหมลงร้อยละ ๑๖ เพื่อนำมาเพิ่มงบประมาณให้กับผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายแปรญัตติโดยขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมลง ๖,๐๐๐ กว่าล้านบาท เนื่องจากการจัดสรรงบประมาณไม่เป็นไปตามรูปแบบที่ควรจะเป็น อีกทั้งยังจัดงบประมาณซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น เช่น แผนงานแก้ไขปัญหายาเสพติด ในขณะที่แผนงานวิจัยทาง การทหารมีงบประมาณลดลง และงบประมาณในส่วนของการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนั้น ก็น้อยมาก ทำให้ขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายการตัดลดงบประมาณส่วนของกระทรวงกลาโหมร้อยละ ๑๐ เนื่องจากมองไม่เห็นการพัฒนาในเรื่องกำลังพลชั้นผู้น้อย แต่มีการเพิ่มอัตรานายพลจำนวนมาก และการพัฒนาอาวุธยุทธโทปกรณ์ให้ ทันสมัยไม่มีความชัดเจน
นายจุติ ไกรฤกษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายซักถามในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
๑. ใครเป็นผู้อนุมัติภาระหนี้การเพิ่มทุนในธนาคารทหารไทย
๒. การจัดซื้ออาวุธของทหารจำนวนเจ็ดหมื่นล้านบาท เพื่อการจัดซื้ออาวุธชนิดใดบ้าง มีความจำเป็นและคุ้มค่ากับความมั่นคงของประเทศเพียงใด ใครเป็นผู้อนุมัติงบประมาณส่วนนี้
นายวิทยา บุรณศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคไทยรักไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ ได้ตอบชี้แจงว่า
๑. ปัจจุบันนี้ทหารมีการปรับยุทธศาสตร์จากการรบเป็นการพัฒนาในประเทศและแนวชายแดน รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นหลัก
๒. กรอบอัตรากำลัง "นายพล" นั้น ได้ให้ผู้ชี้แจงจากกระทรวงกลาโหมไปทำการ
ปรับปรุงกรอบอัตรามาใหม่
๓. กรณีสถานีวิทยุของทหารนั้น มุ่งเน้นเรื่องการประชาสัมพันธ์ มิใช่มุ่งเน้นการ
หารายได้ ซึ่งจะมอบเอกสารเพิ่มเติมให้ผู้อภิปรายต่อไป
จากนั้นที่ประชุมมีมติให้คงร่างเดิมของคณะกรรมาธิการฯ ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ๒๙๘ เสียง
เมื่อสมาชิกได้อภิปรายแบบสมควรแล้วที่ประชุมได้ลงมติในมาตรา ๖ เห็นชอบด้วยกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนนเสียง ๒๙๘ เสียง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายตัดลดงบประมาณของกระทรวงการคลังลงร้อยละ ๕ เพราะนโยบายการแปรรูปยังไม่ชัดเจน และเป็นการเปลี่ยนการผูกขาดจากภาครัฐ มาเป็นการผูกขาดในภาคเอกชน ทำให้ไม่มีการแข่งขัน จึงไม่มีหลักประกันเรื่องประสิทธิภาพการบริการ
นายวิฑูรย์ นามบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี พรรค ประชาธิปัตย์ อภิปรายขอตัดลดงบประมาณส่วนของกระทรวงการคลังลงร้อยละ ๑๐ ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตกรณีการจัดเก็บภาษีรายได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างมาก การจัดเก็บภาษีที่ดินของ รัฐบาลนั้น เรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ดินสูงขึ้นมาก ทำให้การซื้อขายที่ดินหยุดชะงักไป ท้ายสุดได้เสนอขอให้ยกเว้นการเก็บภาษีกับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมไว้ก่อน สำหรับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะซึ่งดูแลงบจำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้หนี้สาธารณะ รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน เนื่องจากความเป็นจริงประเทศยังมีหนี้อยู่
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายการตัดลดงบประมาณลงร้อยละ ๑๐ ดังนี้
๑. การตั้งงบประมาณให้กับสำนักงานหนี้สาธารณะ ผูกพันถึงปี ๒๕๕๐ จำนวนหนี้
แสนสองหมื่นแปดพันล้านบาทนั้น เป็นเงินกู้จากต่างประเทศ และในประเทศส่วนใดบ้าง
๒. ขณะนี้รัฐบาลกำลังจะมีการกู้หนี้เพื่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และการรถไฟ
แห่งประเทศไทยจริงหรือไม่
๓. ภาวะการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น เป็นการทำให้บุคคลบางกลุ่ม
ที่เติบโต เป็นการเฉพาะหรือไม่
๔. ขอให้รัฐบาลปรับลดการเก็บภาษีจากการบริโภคภาคครัวเรือนลงอีกได้หรือไม่
นายตรีพล เจาะจิตต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรค ประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายมาตรา ๗ งบประมาณของกระทรวงการคลัง โดยขอปรับลดงบประมาณลง ร้อยละ ๒๕ สาเหตุเนื่องมาจาก
๑. รัฐบาลไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตได้ ๘% ตามที่ได้แถลงไว้ เพราะ
ปัจจุบันเศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตเพียงร้อยละ ๖ เท่านั้น อีกทั้งยังมีปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไม่เจริญเติบโต เช่น ไข้หวัดนก ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
๒. ขณะนี้ประชาชนเป็นหนี้กระจายไปทุกอาชีพและเป็นหนี้ซ้ำซาก เช่น
- เกษตรกร ร้อยละ ๙๕ เป็นหนี้ธนาคาร ธกส. อยู่แล้ว แต่รัฐบาลก็ยังนำเงิน
จากกองทุนหมู่บ้าน / ธนาคารเพื่อประชาชน ตลอดจนหนี้เอื้ออาทรต่างๆ มาให้ประชาชนกู้อีก ซึ่งก่อ ให้เกิดปัญหา ประชาชนต้องกู้เงินนอกระบบเพื่อมาใช้หนี้ในระบบหมุนเวียนซ้ำซาก
- ครู ร้อยละ ๙๐ เป็นหนี้โดยเฉลี่ย ๖-๗ แสนบาท/คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้สินเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
- ข้าราชการทุกระดับเป็นหนี้ ยิ่งระดับสูงยิ่งเป็นหนี้มาก โดยเฉลี่ยแล้วข้าราชการทั่วไปมีหนี้สินประมาณ ๔-๕ แสนบาท/คน
- ขณะนี้ธนาคารกรุงไทยมี NPL หรือมีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ
๓-๔ หมื่นล้านบาท โดยมีนักธุรกิจไปขอกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย และได้รับการอนุมัติเงินแล้ว งวด ที่ ๑ และ ๒ พอจะไปขอรับงวดที่ ๓ กลับไม่ได้ เพราะธนาคารบอกว่าขณะนี้กำลังถูกตรวจสอบ NPL อยู่ ดังนั้น จึงขอถามถึงความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ว่าเศรษฐกิจในระบบทักษิโนมิกส์ดีนั้น ดีเพียงแค่คนเฉพาะกลุ่มหรือไม่
นายจุติ ไกรฤกษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายขอปรับลดงบประมาณในมาตรา ๗ กระทรวงการคลังลง ๒๕๐ ล้านบาท โดยมีเหตุผล ดังนี้
การขาดวินัย ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่จะเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อลดหนี้สาธารณะอยู่แล้ว แต่กลับจะไปซื้อบริษัทเอกชน เช่น บริษัทรถไฟฟ้า BTS และบริษัทรถไฟฟ้ามหานคร ซึ่งเป็นการสวนทางในนโยบาย เพราะการไปซื้อบริษัทเอกชนเหล่านั้นจะต้องมีหนี้สินติดมาด้วย โดยรัฐบาลจะต้องรับสภาพการเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นล้านบาท
การขาดหลักธรรมาภิบาล เช่น ในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีรายได้มหาศาล ถึง ๓ ส่วนด้วยกัน คือ
๑. รายได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาลหลักที่จะต้องนำรายได้ในการจำหน่ายสลากส่งเข้า รัฐบาล ๖,๐๐๐ ล้านบาท/ปี
๒. รายได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาลการกุศล ซึ่งมีระเบียบว่าจะต้องนำรายได้ส่งกระทรวงการคลังแต่ไม่ถือว่าเป็นรายได้แผ่นดิน ประมาณ ๔,๒๐๐ ล้านบาท/ปี
๓. รายได้จากหวยออนไลน์ ที่มีรายได้ปีละประมาณ ๕,๐๐๐ ล้านบาท/ปี
โดยยังไม่มีการร่างระเบียบในการส่งเงินให้กระทรวงการคลัง เมื่อรวมรายได้ของการจำหน่ายสลากดังกล่าวแล้วมีรายได้ถึงปีละประมาณ ๑๕,๒๐๐ ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ แต่ส่งไปเป็นเงิน งบประมาณเพียง ๖,๐๐๐ ล้านบาท อยากถามว่าในส่วนที่เหลือ ๙,๒๐๐ ล้านบาท นั้น ไปอยู่ที่ไหน รัฐบาลควรชี้แจงให้เห็นถึงความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
การผลาญงบประมาณแผ่นดิน รัฐบาลเมื่อเก็บภาษีจากประชาชนคนยากจนแล้ว
ขอให้นำกลับมาสู่ประชาชนบ้าง ซึ่งกระทรวงการคลังควรจะต้องรักษาวินัยการเงินการคลังให้มากที่สุด ทุกคนยินดีเสียภาษี แต่กระทรวงการคลังก็ควรจะยึดหลักความคุ้มค่าของประชาชน และจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรเงินงบประมาณด้วย
อีกทั้งกรณีการให้เงินกู้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน เหมาะสมหรือไม่ โดยในปี ๒๕๔๘ ได้มีการจัดสรรเงินให้กองทุนเพื่อเศรษฐกิจเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศพม่า ที่รัฐบาลให้งบประมาณไปสร้างถนนถึง ๘๐๕ ล้านบาท และให้กู้ยืม เพื่อดำเนินการพัฒนาประเทศในอีก ๘ โครงการ โดยภาระผูกพันถึงปี ๒๕๕๑ ซึ่งรัฐบาลจะต้องจัดสรรเงินให้ประเทศเพื่อนบ้านถึง ๕๔,๖๙๘ ล้านบาท อยากทราบว่า รัฐบาลมีวิธีคิดอย่างไรหรือว่าเป็นเพียงวิธีการให้ต่างตอบแทน และในประเทศลาวรัฐบาลให้เงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำในอัตราร้อยละ ๑.๕ บาท/ปี โดยปลอดดอกเบี้ย ๑๐ ปี ระยะเวลา ถึง ๓๐ ปี ซึ่ง ในขณะเดียวกันคนไทยกู้เงินกองทุนหมู่บ้านเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๖ บาท/ปี จึงไม่สามารถให้เงิน งบประมาณแก่กระทรวงการคลังได้
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โดยได้อภิปรายขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงการคลังลงร้อยละ ๑๐ จากเหตุผล ดังนี้
๑. กรณีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) ปล่อย
เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ๔,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นการปล่อยให้กู้ตามนโยบายของรัฐบาล โดยประเทศพม่า ได้นำเงินกู้นั้นไปให้สัมปทานกับบริษัทบากัน ไซเบอร์ เท็กซ์ ที่เป็นเครือญาติกับผู้นำของพม่า อีกทั้งมีการกำหนดให้บริษัทดังกล่าว จะต้องซื้อสินค้าจากประเทศไทยเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรวัสดุ ก่อสร้าง หรือระบบบรอดแบรนด์ที่มีบริษัท ชินแซทเทิลไลต์ เป็นผู้จำหน่าย ถือว่าเป็นผลประโยชน์ ทับซ้อนหรือไม่
นายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โดยได้อภิปรายในประเด็น กรณีการตั้งงบประมาณชำระหนี้ของสำนักงานคณะกรรมการบริหาร หนี้สาธารณะที่ในปี ๒๕๔๘ ตั้งไว้ถึง ๑๒๘,๑๑๐,๕๐๕,๔๐๐ ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๔๗ ถึง ๘,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศว่าคนไทยเป็นไทแล้ว แต่ในความเป็นจริงกลับมีการตั้งงบประมาณเพื่อใช้หนี้เพิ่มขึ้นทุกปี จึงอยากทราบว่าหนี้ที่แท้จริงของประเทศไทยในปัจจุบันมีอยู่เท่าไร
นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรค ประชาธิปัตย์ โดยได้อภิปรายขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงการคลังลง ๑๐% จากเหตุผล
๑. การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าสามารถปรับลดได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๑๕ แต่ในความเป็นจริงกลับมีการตั้งงบประมาณรายจ่ายสูงขึ้นทุกปี
๒. กระทรวงการคลังมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบการจัดหารายได้และรักษาระเบียบวินัย
การเงินการคลัง และถึงแม้ว่าปัจจุบันกระทรวงการคลังจะไม่ได้กำกับดูแลสำนักงบประมาณแล้วก็ตาม
แต่กลับปล่อยให้สำนักงบประมาณจัดทำงบประมาณที่ผิดระเบียบและกฎหมาย กระทรวงการคลัง ไม่ได้ทำหน้าที่เลย โดยตลอดระยะเวลา ๔ ปี
๓. การจัดเก็บภาษีไม่เป็นกับประชาชนและไม่ได้นำเงินไปใช้อย่างคุ้มค่าและถูกต้อง
มีการตั้งงบประมาณอย่างไม่โปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน
- การตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้นทุกปี
- การตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายของทุกหน่วยงาน ในกำกับดูแลของกระทรวง
การคลังไม่จะเป็นกรมธนารักษ์ กรมบัญชีกลาง กรมศุลากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพกร สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ล้วนแต่สวนทางกับนโยบายองรัฐบาลและตั้งไว้มากเกินความจำเป็นจึงปรับลดลง
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ คนที่หนึ่ง ชี้แจงว่า ถ้าตอบคำถามทั้งหมดต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๑-๒ ชั่วโมง ดังนั้นจะขอตอบ แต่ประเด็นที่มีความสำคัญเพื่อใช้เวลาอันมีค่าของสภาฯ ให้เป็นประโยชน์ มาตรา ๗ กระทรวงการคลัง ขอตอบใน ๓ ประเด็น ได้แก่
๑. นโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
รัฐบาลมีนโยบายปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจจึงออกพระราชบัญญัติ ทุนรัฐวิสาหกิจ ตามมติ ๗ เมษายน ๒๕๔๗ ให้จัดตั้งองค์กรมหาชนและกระจายหุ้นให้แก่เอกชน ส่วนที่จะยกเลิกการแปรรูปรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่มีปัญหานั้น ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาและทำประชา-พิจารณ์ การจะซื้อรถไฟฟ้า BTS ยังไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัดและไม่ขัดแย้งกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะเป็นการปรับประสิทธิภาพ ถ้าสาธารณูปโภคที่เอกชนทำแล้วไม่ดีรัฐก็ต้องเข้ามาดูแลก่อน เมื่อ ดีแล้วจึงกระจายหุ้นคืนแก่เอกชน
๒. การบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวงการคลัง
๒.๑ เรื่อง การจัดเก็บภาษีรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายรีดจัดภาษี เพราะนโยบายแบบนี้ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลเลย แต่เป็นเรื่องของการปรับประสิทธิภาพ กลไก การปรับภาษี รัฐยังไม่มีการปรับอัตราภาษีเพิ่ม
๒.๒ รัฐวิสาหกิจที่มีรายได้เข้ามา เช่น กองสลาก ไม่มีการบริหารงานการเงินอย่างโปร่งใสทำอย่างไรบ้าง เงินที่ได้เอาไปทำอะไรบ้าง เงินที่กองสลากได้รับจะถูกแบ่งเป็น ๒ ส่วนคือ
๑ นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
๒ ให้นำไปรวมเป็นกองทุนสลากพิเศษ โดยมีหลักเกณฑ์การพิจารณาอย่างรัดกุม
- การออกสลากการกุศลมีมานานแล้ว แต่มีปัญหาควบคุมยาก คณะรัฐมนตรีมีมติให้โครงการแผนงานที่เสนอใช้เงินจากกองทุนสลากการกุศลจะต้องเป็นแผนงานโครงการที่ไม่มีในงบประมาณ
- หวยบนดิน คณะรัฐมนตรี มีมติให้นำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ยากไร้และให้เป็นเงินทุนการศึกษา
๒.๓ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (Exim Bank) การให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศเพื่อนบ้านมีมานานแล้ว แต่ครั้งนี้นำมาปรับเปลี่ยนใหม่ จึงมีบางคนคิดว่าทำเพิ่มขึ้นมาใหม่และบางคนบอกว่าถนนในประเทศยังชำรุด แต่ทำไมไปสร้างถนนในต่างประเทศ เราช่วยประเทศเพื่อนบ้านก็เหมือนช่วยประเทศตัวเองในระยะยาว ส่วนที่ขอความช่วยเหลือมาก็ไม่ได้ให้ทั้งหมด แต่เราก็ดูกำลังที่พอจะช่วยด้วย
๓. ประเด็นหนี้สาธารณะและหนี้ที่ใช้คืนแก่ IMF
ทำไมประกาศว่า เมืองไทยไม่มีหนี้สินแล้ว นายกรัฐมนตรีไม่ได้กล่าวว่า ใช้หนี้หมดแล้วหนี้ IMF นั้น อยู่ในบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในส่วนของกระทรวงการคลัง แต่หนี้ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการตั้งงบประมาณแบบขาดดุล และการใช้จ่ายเงินของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมา หนี้ที่ปรากฎนั้นไม่ใช่หนี้ IMF แต่เป็นหนี้ที่เกิดจากการขาดดุลงบประมาณสะสมหลายปี สำหรับการบริหารที่ผิดพลาดจะรีบไปตรวจสอบ เรื่อง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประชุมยังต่างประเทศ มีรายละเอียดชี้แจงได้ ถ้าสงสัยจะมอบเอกสารให้ตรวจสอบ
หลังจาก นายวราเทพ ชี้แจงแล้ว ประธานได้ขอมติที่ประชุม ที่ประชุมมีมติรับรอง ๒๙๙ เสียง ไม่รับรอง ๓๖ เสียง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน ๓๓๕ คน
ปิดประชุมเวลา ๒๓.๕๐ นาฬิกา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ