สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร                      การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย                            ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘                             วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๗                การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๑ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๗ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) เวลา ๐๙.๔๕ นาฬิกา เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาครบองค์ประชุม นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร  คนที่หนึ่ง  เป็นประธานการประชุม  จากนั้นที่ประชุมได้มีการพิจารณาในมาตรา ๘ โดยสมาชิกได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางดังนี้                 นายจุติ   ไกรฤกษ์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก  พรรคประชาธิปัตย์  อภิปรายแปรญัตติขอปรับลดในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศลง  ๖๕  ล้านบาท  โดยให้ถึงเหตุผลที่ขอปรับลดบนหลักเกณฑ์ที่ว่าผลงานของกระทรวงการต่างประเทศสามารถทำได้ตามที่มีการคาดหมายไว้หรือเปล่าและ  สำนักงบประมาณมีแต่ดัชนีชี้วัดในเชิงปริมาณ แต่ไม่มีดัชนีชี้วัดในเชิงคุณภาพ นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่าการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศนั้นถือว่าสอบผ่าน  แต่ความสามารถในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศในเชิงเศรษฐกิจยังล้มเหลวไม่ว่าจะเป็นการเจราจาเขตการค้าเสรีหรือการทำข้อตกลง   เขตการค้าเสรี  ซึ่งมีผลให้คนจนโดยเฉพาะเกษตรกรสูญเสียประโยชน์ ส่วนคนที่ได้ประโยชน์จะเป็นคนกลุ่มเดียวคือ คนรวย พ่อค้านายทุนต่าง ๆ อีกทั้งยังได้อภิปรายถึงอุปสรรคของกระทรวงการต่างประเทศที่มีปัญหาในเรื่อง  ค่าจ้าง ลูกจ้างในต่างประเทศ ซึ่งอัตราเงินเดือนไม่เป็นที่จูงใจบุคลากรที่มีคุณภาพ  และยังได้อภิปรายถึงนโยบาย  ๔  ตา  ซึ่งเป็นข้อบกพร่องของกระทรวงการต่างประเทศที่ปล่อยให้ผู้นำ  ๒ ประเทศคุยกันโดยไม่มีเอกอัครราชทูตอยู่ด้วย  ซึ่งเป็นการเจรจาแบบนักธุรกิจ  สุดท้ายได้อภิปรายถึงการรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยในต่างแดน  ที่ไทยได้ให้ความช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น  ลาว  พม่า  เขมร  แต่วันนี้ประเทศไทยยังไม่ได้รับการ    ตอบแทนอะไรเลย                นายศิริศักดิ์   อ่อนละมัย  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร  พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายแปรญัตติปรับลดงบประมาณ มาตรา ๘ กระทรวงการต่างประเทศ  โดยให้เหตุผลที่ปรับลดเพราะคณะกรรมาธิการไม่แสดงรายละเอียดในแต่ละโครงการว่ามีความเหมาะสมสอดคล้องกับความเป็นจริงอย่างไร       และการปรับลดนั้นได้ปรับลดในส่วนที่ตรงตามความต้องการหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้อภิปรายอีกว่าสถานกงสุลไทยในต่างประเทศนั้นถือได้ว่าเป็นหน้าตาของไทยในต่างประเทศ   บางครั้งต้องทำหน้าที่ต้อนรับหรือให้บริการแก่คณะต่าง  ๆ   ที่มาจากประเทศไทย   แต่ว่าเราได้ให้ความสำคัญกับสถานกงสุลเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด งบประมาณที่ให้ไปเพียงพอหรือไม่  จึงอยากตั้งข้อสังเกตไว้  และได้อภิปรายว่ามีงบประมาณรายจ่ายอื่น ๆ ของ                                                                                                                                                                กระทรวงต่างประเทศตั้งไว้สูง เช่น งบค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศชั่วคราว งบค่าใช้จ่ายในการเจรจาธุรกิจเป็นต้น                จากนั้น  นายปกิต   พัฒนกุล  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ  พรรคไทยรักไทย ในฐานะกรรมาธิการได้ตอบชี้แจงว่าจากการปรับลดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ ตั้งไว้  ๕,๖๐๐  กว่าล้านบาทเศษ  และขอปรับลดลง  ๖๕  ล้านบาท  ในขณะเดียวกันได้มีขอปรับลดอีก  ๘๔๘  ล้านบาทเศษ ในเรื่องการปรับลดดังกล่าวนี้  คณะกรรมาธิการได้มีการพิจารณาจากวิสัยทัศน์ พันธกิจที่ฝ่ายบริหารกระทรวงการต่างประเทศได้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ รวมทั้งได้วิเคราะห์เหตุผลการปฏิบัติงานของกระทรวงการต่างประเทศแล้วเห็นว่าสามารถปรับลดลงให้เพียง ๕,๓๗๔,๐๐๐ บาท และไม่สามารถปรับลดลงได้อีกแล้ว                จากนั้น  นายชัย  ชิดชอบ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ  พรรคชาติไทย  ในฐานะกรรมาธิการได้ชี้แจงว่าค่าเสียหายที่ได้รับจากประเทศกัมพูชานั้น  และรัฐบาลกัมพูชาต้องดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายให้กับรัฐบาลไทย  จำนวน  ๑๗  ราย ขณะนี้สามารถเจรจาตกลงกับรัฐบาลกัมพูชาและได้รับค่าเสียหายแล้ว  ๗  ราย   คิดเป็นเงินงบประมาณ  ๑๗,๘๐๕,๖๓๓   ดอลล่าร์สหรัฐ   (สิบเจ็ดล้านแปดแสนห้าพันหกร้อยสามสิบสามดอลล่าร์)                 ต่อจากนั้น  นางผุสดี   ตามไท    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ   พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในเรื่องของโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกว่า ได้มีการพิจารณากันหรือไม่เพราะยังไม่มีความคืบหน้าเลย  ซึ่งในความเป็นจริงโครงการดังกล่าวนี้  น่าจะเป็นโครงการที่ทำให้ประชาชนสามารถส่งสินค้าการเกษตรตลอดจนทำให้ประชาชนคนไทยมีงานทำด้วย  แต่ปรากฏว่าได้สร้างความลำบากให้กับคนไทยที่จะไปทำงานยังต่างประเทศเป็นอย่างมาก                จากนั้น  นายวิทยา  บุรณศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคไทยรักไทย ในฐานะกรรมาธิการได้ตอบชี้แจงว่ากรรมาธิการได้มีการพิจารณาในทุก ๆ ด้าน ปัจจุบันการทำหน้าที่เอกอัครราชทูตใน แต่ละประเทศได้เปลี่ยนแปลงไป บางสถานที่มีกงสุล บางสถานที่มีเอกอัครราชทูต และในแต่ละสถานที่นั้น มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงแรงงานและแรงงานไทยในต่างประเทศ กรรมาธิการได้มีการสอบถามในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ด้วยแล้ว                เมื่อสมาชิกฯ ได้อภิปรายพอสมควรแล้วที่ประชุมได้ลงมติในมาตรา ๘ เห็นชอบกับกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน ๒๔๐ เสียง                ต่อมาเป็นการพิจารณาในมาตรา ๙ ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง                นายศิริศักดิ์  อ่อนละมัย  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร  พรรค ประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายถึงงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในส่วนของ      งบประมาณอื่น ๆ เรื่องค่าใช้จ่ายในการเจรจาธุรกิจและการประชุมนานาชาติ  จำนวน  ๓๐  ล้านบาท  ซึ่งเป็นการจัดสรรงบประมาณโดยไม่มีความจำเป็น  เนื่องจากการพัฒนาทางด้านกีฬาภายในประเทศยังต้องได้รับการปรับปรุงและแก้ไขอีกมาก  รัฐบาลจึงควรศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคแนวทางในการพัฒนากีฬาของชาติให้มีความพร้อมเสียก่อน   จึงจะไปพัฒนาในระดับนานาชาติ                นายสุพัฒน์  ธรรมเพชร  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง  พรรค         ประชาธิปัตย์  ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติในมาตรา ๙  ซึ่งมีการขอปรับลดลงร้อยละ ๕ โดยกล่าวถึงความไม่สอดคล้องกันของยุทธศาสตร์แผนกีฬาชาติ  ในการนำเอาการท่องเที่ยวและกีฬามาไว้ด้วยกัน  นอกจากนี้ยังขอให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง  โดยให้สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการกับศูนย์การกีฬาและนันทนาการมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อให้เกิดเอกภาพในการทำงานและเป็นการปรับแผนยุทธศาสตร์ให้มีประสิทธภาพมากยิ่งขึ้น                นายสุวรรณ  กู้สุจริต  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์  ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ  โดยขอปรับลดลงร้อยละ ๑๐ เพื่อนำไปเพิ่มปริมาณโรงเรียนกีฬาให้มากขึ้น  เนื่องจากโรงเรียนกีฬาส่วนใหญ่ในประเทศเป็นโรงเรียนแบบประหยัด  ซึ่งไม่มีความสะดวกในการเรียนและมีเพียง  ๑๐  แห่งทั่วประเทศเท่านั้น   ทั้งยังได้งบประมาณเพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอต่อการพัฒนาการกีฬาให้แก่เยาวชนไทย นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้แก่สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและกีฬาโอลิมปิคให้มากขึ้น  เพื่อการเตรียมความพร้อมสู่ความเป็นเลิศในด้านกีฬาของไทย                นายวิชัย  ตันศิริ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ  พรรคประชาธิปัตย์  ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติโดยขอปรับลดลง ๑๐  ล้านบาท  ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องจากยังไม่มีผลการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ยังไม่ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณในการพัฒนาศักยภาพการทำงาน  เช่น  ความรู้ด้านประวัติศาสตร์และภาษา  ซึ่งเป็นสื่อกลางที่ใช้ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมของไทย                นางลาวัณย์  ตันติกุลพงศ์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร  พรรคไทยรักไทย  ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ชี้แจงถึงการจัดสรรงบประมาณด้านการเจรจาธุรกิจและการประชุมนานาชาติว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเจรจาและประชุมนานาชาติของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของทั้ง  ๓  หน่วยงาน  คือ  สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ  และสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว  ซึ่งในปี  ๒๕๔๗ ได้จัดสรรงบประมาณเหล่านี้ไว้ ในส่วนการท่องเที่ยว  ซึ่งกระจายอยู่ตามโครงการต่าง ๆ ไม่ได้แยกรายการไว้ชัดเจน แต่ในปี ๒๕๔๘ ได้จัดสรรงบประมาณส่วนนี้รวมกัน  และตั้งชื่อใหม่อย่างเป็นกลางเช่นเดียวกับกระทรวงอื่น ๆ   และได้   ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการใช้งบประมาณในการพัฒนาการกีฬาและนันทนาการว่า มีการใช้งบประมาณในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การส่งเสริมกิจกรรมด้านกีฬาและนันทนาการให้กับนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และเยาวชน รวมทั้งผู้ด้อยโอกาส การปรับปรุงสนามกีฬาและศูนย์บริการด้านกีฬาต่าง ๆ และจัดสรรงบประมาณให้กับนักเรียน เยาวชนที่มีความสามารถทางด้านกีฬาในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาในโรงเรียนกีฬา ๑๐ แห่ง นอกจากนี้ยังใช้พัฒนาบุคลากรทางด้านพลศึกษา สุขศึกษาและวิทยาศาสตร์การกีฬา ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังครอบคลุมถึงการพัฒนาสนามกีฬา นักเรียนผู้มีความชำนาญพิเศษ และบุคลากรด้านการกีฬาให้เป็นไปตามแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติ                 นายจาตุรงค์  เพ็งนรพัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ พรรคไทยรักไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ชี้แจงถึงงบประมาณในปี ๒๕๔๘ ที่ได้น้อยกว่าในปี ๒๕๔๗ แต่แท้จริงแล้วได้เพิ่มจากปี ๒๕๔๗ ประมาณร้อยละ ๘ เนื่องจากมีการโอนงบประมาณการจัดตั้งการประชุมและนิทรรศการขององค์กรมหาชนของปี ๒๕๔๗ เข้ามาไว้ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลาด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้น  เป็นโครงการที่สำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในลุ่มน้ำทะเลสาปด้านการอนุรักษ์แบบบูรณาการ  จึงได้ตั้งงบประมาณไว้เพื่อใช้ในการดำเนินการดังกล่าวให้สัมฤทธิ์ผล                นายจุติ ไกรฤกษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ โดยขอปรับลดลง ๔๐๐ ล้านบาท เนื่องจากการทำงานของรัฐบาลยังไม่มีคุณภาพและไม่คุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชน นอกจากนี้ยังบริหารงานล้มเหลวในโครงการอิลิท การ์ด ซึ่งต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังดำเนินงานโดยขาดการตรวจสอบในกระบวนการต่าง ๆ อีกด้วย                นางสาวเฉลิมลักษณ์   เก็บทรัพย์    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต   พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายตัดงบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาลงร้อยละ ๑๐ เพื่อขอให้นำงบส่วนนี้ไปดำเนินการจัดสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ จังหวัดภูเก็ต และที่รัฐบาลเข้าใจว่ามีความขัดแย้งเรื่องพื้นที่การจัดสร้างนั้นได้ข้อยุติแล้ว โดยชาวภูเก็ตเห็นชอบกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ต้องการสร้าง ณ ตำบลสะพานหิน อำเภอเมือง  จังหวัดภูเก็ต   ทั้งนี้จะตั้งเป็นงบของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรืองบกลางก็ได้                นายลาภศักดิ์ ลาภาโรจน์กิจ อภิปรายปรับลดงบลงร้อยละ ๑๕ โดยขอให้จัดงบปรับปรุงและพัฒนาดังนี้                ๑.  ขอให้มีการพัฒนาสนามกีฬาเฉลิมนคร  อำเภอหาดใหญ่  จังหวัดสงขลาจะได้หรือไม่                ๒.  แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวดำเนินการเป็นอย่างไร ๒.๑ โครงการบัตรอิลิท การ์ด มีผู้ซื้อบัตรมากน้อยเพียงใด คุ้มค่ากับการดำเนินการหรือไม่                      ๒.๒  มีการวางระบบรักษาสวัสดิภาพความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวหรือไม่      ๒.๓  มีแผนการเพิ่มจำนวนมัคคุเทศก์โดยเฉพาะสาขาภาษา ขาดแคลนบ้างหรือไม่                ๓.  การแก้ปัญหานักท่องเที่ยวลดจำนวนลงเพราะสถานการณ์ภาคใต้ควรดำเนินการสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวมากขึ้น                ๔. ขอให้เร่งเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวให้มากขึ้นโดยเร็วเพราะส่งผลต่อรายได้ของประชาชน                นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช  พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายงบประมาณเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนว่า มีการดำเนินการเป็นอย่างไรและก้าวหน้าไปเพียงใด โดยเฉพาะ                ๑.  โครงการอิลิท การ์ด คุ้มการลงทุนหรือไม่                ๒.  การจัดตั้งบริษัท Home stay คุ้มต้นทุนการดำเนินการหรือไม่                ๓.  ขอให้รัฐบาลจัดทำแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชัดเจน                นายสุพัฒน์   ธรรมเพชร   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง  พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในส่วนของการบริหารงานบุคคลด้านการกีฬามีการวางแผนงานที่ระดับอำเภอ จังหวัดและระดับชาติอย่างไร และขอให้โอนแผนกิจกรรมกีฬาไปไว้สำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อสะดวกต่อการบริหารจัดการงบประมาณได้หรือไม่                นายชัย    ชิดชอบ   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ  พรรคชาติไทย ในฐานะกรรมาธิการตอบชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้                ๑. คณะกรรมาธิการฯ  ได้สอบถามผู้บริหารโครงการอิลิท  การ์ด  และได้มีการปรับย้ายผู้บริหารโครงการแล้ว                ๒. การของบประมาณจัดสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ จังหวัดภูเก็ต และพัฒนาสนามกีฬาหาดเฉลิมนคร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ของรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่                ๓.การที่ขอให้มีการโอนแผนกิจกรรมกีฬาไปอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬานั้น                นายศิริศักดิ์   อ่อนละมัย  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร  พรรคประชาธิปัตย์  อภิปรายปรับลดงบประมาณลงร้อยละ ๑๐ เนื่องจากเห็นว่าโครงการการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มุ่งเน้นการก่อสร้างมากกว่าการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ และขอให้เร่งสร้างศูนย์สวัสดิการผู้สูงอายุในทุกจังหวัดเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกระทรวงด้วย                นางผุสดี  ตามไท  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  อภิปรายขอให้เพิ่มงบประมาณให้กับสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เนื่องจากสตรีมีบทบาทสำคัญต่อสังคมในฐานะแม่ ภรรยา  และผู้ดูแลทุกคนในครอบครัว  ซึ่งรัฐบาลตั้งงบประมาณให้น้อยเกินไป  เมื่อเปรียบเทียบกับภารกิจหน้าที่                นายวิชัย ตันศิริ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  อภิปรายปรับลดงบประมาณร้อยละ ๑๐ โดยขอให้เพิ่มงบประมาณในโครงการสนับสนุนองค์กรเอกชน เพื่อสาธารณะและเพิ่มเงินอุดหนุนกิจกรรมเฉพาะให้มากขึ้นจะได้หรือไม่                นายวิฑูรย์  นามบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในประเด็น                ๑.  เนื่องจากเป็นกระทรวงที่ตั้งขึ้นใหม่ ประชาชนยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ในการติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้มากเท่าที่ควร เช่น ประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำมาหากินในกรุงเทพฯ ซึ่งมีความลำบากทั้งด้านที่อยู่อาศัย และการประกอบอาชีพ จึงขอให้คำนึงถึงประชาชนในกลุ่มนี้ด้วย                ๒.  การช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการ ยังกระจายไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่                ๓.  การช่วยเหลือฟื้นฟูอาชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยในปีที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนบ้าง แต่ก็ไม่ทั่วถึง ในปีนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น จึงอยากขอให้จัดงบประมาณไปช่วยให้ทั่วถึงและขอให้ช่วยเหลือเฉพาะพื้นที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ                ซึ่ง  นายวิทยา  บุรณศิริ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  พรรคไทยรักไทย ได้ตอบชี้แจงว่า ในกรณีการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงดังกล่าวว่า ปัญหาสังคมเป็นเรื่องที่เปราะบาง แต่อย่างไรก็ตามได้สอบถามไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แล้ว และได้รับ     คำตอบชี้แจงเป็นที่น่าพอใจ โดยขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ประสานไปยังหน่วยงานรับผิดชอบได้เลย และจะเพิ่มข้อสังเกตนี้ในกรรมาธิการให้ด้วย                นายพิเชษฐ   พันธุ์วิชาติกุล   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกระบี่   พรรค ประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในประเด็นความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งสมควรได้รับการดูแลจากรัฐบาลให้ มากกว่านี้   โดยอยากให้นำข้อสังเกตเหล่านี้มาพูดกันในที่ประชุม  และเมื่อพิจารณาจากเนื้องานของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แล้วพบว่า งบประมาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับกรมเพียงกรมเดียวของกระทรวงอื่น ๆ                 นายพีระพันธุ์   สาลีรัฐวิภาค  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร   พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในประเด็นที่สงวนคำแปรญัตติไว้ในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากยอดงบประมาณทั้งหมด ๔,๗๐๗,๐๖๔,๐๐๐ บาท (สี่พันเจ็ดร้อยเจ็ดล้านหกหมื่นสี่พันบาท) ขอปรับลดลงจำนวน ๔๙๔  ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ ๑๐                 โดยได้อภิปรายให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนของการใช้เงินในงบอุดหนุนทั่วไปของ ๒ หน่วยงาน คือ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ สำหรับงบประมาณในส่วนของเงินอุดหนุนทั่วไปขององค์กรเอกชนและสาธารณประโยชน์  ยังไม่ทราบรายละเอียดของภารกิจ และเป้าหมายของการดำเนินการว่าเป็นอย่างไร นอกจากนี้เงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับผู้ประสบปัญหาสังคมกรณีฉุกเฉิน รวมถึงประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ที่ประสบปัญหาจะสามารถขอความช่วยเหลือได้หรือไม่อย่างไร                ต่อจากนั้นได้อภิปรายถึงงบประมาณของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ที่ปีนี้ได้รับงบประมาณ ๓๐๐ ล้านบาท เมื่อปีที่แล้วได้รับ ๑๘๐ ล้านบาท โดยปี ๒๕๔๗ ได้รับเงินงบประมาณในหมวดเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อใช้ส่งเสริมศักยภาพองค์กรชุมชน ๑๐,๐๐๐ องค์กร และในปีนี้ก็ยังได้รับเงินอุดหนุนเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นค่าใช้จ่ายกิจกรรมบูรณาการโดยไม่มีการกำหนดองค์กรที่จะเข้าไปดูแลมีกี่แห่งจะเกิดภารกิจซ้ำซ้อนและสอดคล้องต่อเนื่องกันอย่างไรกับปี ๒๕๔๗                ในส่วนของโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในชุมชนแออัด ซึ่งได้มีหลักเกณฑ์นิยามคำ "ชุมชน" ไว้ว่า                 ๑.  ต้องมีการรวมกลุ่มกันตั้งแต่ ๒๐๐ ครัวเรือน                ๒.  สมาชิก ๒๐๐ ครัวเรือน เท่ากับ ๑ ชุมชน                ๓.  ต้องไปจดทะเบียนที่เขตและเขตจะส่งเรื่องให้ กทม. และ กทม. ก็จะประกาศเป็นชุมชน ซึ่งในขณะนี้ กทม. มีชุมชนอยู่ถึง ๑,๔๐๐ กว่าชุมชน จึงอยากทราบว่างบอุดหนุนทั่วไปที่ใช้ดูแลชุมชนจะได้รับการดูแลเช่นเดียวกับชุมชนในต่างจังหวัดหรือไม่                จากนั้นได้อภิปรายถึงเหตุผลในการตัดงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กเยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ เนื่องจากในปัจจุบันเกิดปัญหาเด็กถูกยิงตาย  เด็กยกพวกตีกัน  การใช้แรงงานเด็ก  การซื้อ-ขายเด็ก สิ่งเหล่านี้ควรจะเป็นหน้าที่ของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการฯ ไม่ใช่โยนให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการแต่เพียงกระทรวงเดียว ควรมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว                ในปัจจุบันสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และ       ผู้สูงอายุ เข้าไปดูแลด้านสวัสดิภาพของกลุ่มเป้าหมายยังไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะคนพิการประเภทพิเศษ (ออทิสติก)   ที่ยังขาดแคลนโรงเรียน เพราะไม่ได้รับการเหลียวแลและการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพียงพอเท่าที่ควร       จึงกลายเป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องช่วยกันบริจาคเงินเพื่อสร้างโรงเรียนให้กับเด็กพิเศษกลุ่มนี้                จากนั้น นายจาตุรงค์  เพ็งนรพัฒน์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ  พรรคไทยรักไทย  ได้ชี้แจงว่า ในปัจจุบันกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น   ซึ่งกรรมาธิการเห็นถึงความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณให้ โดยในส่วนของหมวดเงินอุดหนุนทั่วไปที่ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทุกจังหวัด เพื่อเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนที่สุดและจะส่งเรื่องต่อให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือต่อไป                 ส่วนสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนนั้นได้จัดตั้งเพื่อสนับสนุนองค์กรชุมชนให้พัฒนารายได้ อาชีพ    ที่อยู่อาศัย โดยมีการดำเนินงาน ๒ แผนงาน คือ                ๑.  ให้พัฒนาศักยภาพของชุมชน ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือแล้ว ๖,๐๐๐ องค์กร                ๒.  แผนงานบ้านมั่นคง ซึ่งขณะนี้มีประชาชนมาขอรับความช่วยเหลือ  ๒๘๕,๐๐๐  หน่วย แต่สามารถทำได้เพียง ๑,๕๐๐ หน่วย                ทั้งนี้ นายพีระพันธุ์  สาลีรัฐวิภาค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอให้กรรมาธิการมอบเอกสารรายละเอียดของการให้ความช่วยเหลือประชาชนของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วย                เมื่อสมาชิกได้อภิปรายในมาตรา  ๑๐  พอสมควรแล้ว  ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน  ๒๗๗  เสียง                จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณามาตรา  ๑๑  ซึ่งเป็นงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  โดยสมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขว้าง ดังนี้                คุณหญิงกัลยา   โสภณพนิช   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ  พรรคประชาธิปัตย์  ในฐานะกรรมาธิการได้ขอแปรญัตติตัดงบประมาณลงร้อยละ ๑๐ โดยอภิปรายถึงกรมวิชาการเกษตร ในเรื่องการจำแนกงบประมาณตามโครงสร้างแผนงาน มีข้อสังเกตที่อยากจะถามกรรมาธิการว่า โครงสร้างแผนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและพลังงาน มีแผนงานที่เกี่ยวข้องกับแผนงานอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี ๒๕๔๗ ตั้งไว้ ๑๓.๒ ล้าน แต่ในปี ๒๕๔๘ ไม่มี จึงอยากจะสอบถามว่า รัฐบาลหรือกรรมาธิการได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากประเทศหนึ่ง เหตุใดจึงไม่มีการตั้งงบประมาณในปี ๒๕๔๘ และสำหรับแผนงานวิจัย การใช้งบประมาณของกรมวิชาการเกษตรที่ได้รับงบประมาณ ๒,๘๔๒,๔๓๖,๘๐๐ บาท (สองพันแปดร้อยสี่สิบสองล้านสี่แสนสามหมื่นหกพันแปดร้อยบาท) ในปัจจุบันนี้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้วิชาการ งานวิจัย เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการเกษตรของไทย  เช่น  งานวิจัยเรื่องของการตกแต่งพันธุกรรมหรือที่เรียกว่า  GMO ซึ่งงานวิจัยนั้นได้ดำเนินการด้านพันธุศาสตร์อย่างไร  การวิจัยดังกล่าวเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรวมถึงผู้บริโภค  ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนงบประมาณในการวิจัยดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะเป็นการส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจเรื่องการส่งออกและการเกษตร นอกจากนี้ควรจะมีนโยบายในการป้องกันการตกแต่งพันธุกรรมด้านการเกษตรด้วยการตรวจสอบว่าปลอดภัยจากการตกแต่ง      พันธุกรรมก่อนการบริโภค หรือก่อนที่จะส่งออกสินค้าทางด้านการเกษตรนั้น                 นายวิฑูรย์  นามบุตร  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี  พรรคประชาธิปัตย์  ได้อภิปรายงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในส่วนของกรมชลประทาน ซึ่งงบประมาณที่ได้รับการ จัดสรรจำนวน ๒๘,๐๖๖,๒๒๓,๑๐๐ บาท (สองหมื่นแปดสิบหกสิบหกล้านสองแสนสองหมื่นสามพันหนึ่งร้อยบาท) ซึ่งเป็นงบประมาณที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยแผนงานของกรม    ชลประทานที่ได้รับงบประมาณมากที่สุดคือ แผนงานการส่งเสริมการผลิตการเกษตร เช่น งานจัดการน้ำชลประทาน  และขอตั้งข้อสังเกตว่า กรมชลประทานเป็นหน่วยงานที่ผลักดันเรื่องของการเกษตร การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นการจัดทำแหล่งน้ำทั่วไปประเทศไทย โดยเอาเรื่องการจัดการน้ำรวมถึงเรื่องการจัดการน้ำของกระทรวงอื่น ๆ มารวมในกรมชลประทานด้วย ตลอดระยะเวลา ๓ ปีที่ผ่านมามีการตั้งงบประมาณไว้สูง โดยเอางานของปีงบประมาณก่อนมาสานต่อ เช่น โครงการโขง ชี มูล เป็นการก่อสร้างฝายน้ำล้นหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขื่อนขนาดเล็ก โดยใช้งบประมาณเป็นพันล้าน ซึ่งกรมชลประทานมีหลายโครงการที่ทำการก่อสร้างไม่เป็นระบบ ใช้เวลาระยะเวลาในการก่อสร้างนาน อีกทั้งบางโครงการแล้วเสร็จ  แต่ยังไม่มีการเปิดใช้งาน  มีโครงการหนึ่งซึ่งขอตั้งข้อสังเกตคือ โครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ไม่สามารถกระจายแหล่งน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด ๓ ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีการตั้งสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าแม้แต่สถานีเดียว                นางสาวรังสิมา   รอดรัศมี   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสงคราม  พรรคประชาธิปัตย์   ขอกล่าวถึงในเรื่องของกรมชลประทานและกรมพัฒนาที่ดิน โดยให้ข้อสังเกตว่า  จังหวัดสมุทรสงคราม  มีคลองมากถึง  ๓๕๖  คลอง  แต่ไม่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณ สำหรับพัฒนาแหล่งน้ำเลย ซึ่งจากจำนวน  ๗๖  จังหวัด  ได้รับอนุมัติงบประมาณพัฒนาเพียง ๖๘  จังหวัด เหตุใดจังหวัดสมุทรสงคราม จึงไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ  อีกเรื่องหนึ่งคือถนนที่ชำรุดเสียหาย  เนื่องจากการขนวัสดุของผู้รับเหมาเหตุใดกรมชลประทานจึงต้องเป็นผู้จ่ายเงินค่าซ่อมแซมเอง  ผู้รับเหมาไม่ต้องรับผิดชอบจ่ายเงินค่าซ่อมแซม