ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. กองทุนฟื้นฟูฯ รอดูภาวะตลาดเพื่อขายหุ้นธนาคารให้ได้ราคาดีที่สุด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. ยังคงนโยบายการแปรรูปกิจการ ธ.พาณิชย์ ที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนา
ระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ให้เป็นธนาคารเอกชนเต็มรูปแบบ โดยขณะนี้ ธปท. กำลังรอดูภาวะตลาดหุ้น
ให้มีความเหมาะสมในการขายหุ้นธนาคารที่ถืออยู่อย่างแน่นอน เพื่อให้ได้ราคาดีที่สุด สำหรับผลการดำเนินงาน
ของกองทุนฟื้นฟูฯ พบว่าอัตราส่วนสูญเสียลดลงจากที่มีการประมาณการไว้ที่คาดว่าจะขาดทุน 1.7 ล้านล้านบาท
หากมีการยุบกองทุนฟื้นฟูฯ ทันที ซึ่งล่าสุดจากการประเมินเมื่อกลางปี 47 พบว่าความเสียหายได้ปรับลดลง 3
หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลจาก 2 ปัจจัย คือ กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ทยอยขายหุ้นในสถาบันการเงินที่ถืออยู่ออกไป ทั้ง
ธ.กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ไทยธนาคาร ซึ่งสร้างผลกำไรได้มาก และได้ทยอยขายสินทรัพย์ที่ได้รับ
โอนมาจากองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินทำให้มีกำไรเข้ามาอีก ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุน
ฟื้นฟูฯ จะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินที่ถือหุ้นอยู่ รวมทั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์
บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (ไทยรัฐ, ข่าวสด)
2. สินเชื่อธนาคารในไตรมาส 3 ปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 9.6 รายงานข่าวจากสายนโยบายการ
เงิน ธปท. รายงานว่า สินเชื่อและเงินฝากของระบบ ธ.พาณิชย์ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อภาคเอกชนที่รวม
การถือหลักทรัพย์ของเอกชนของ ธ.พาณิชย์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 47 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 5,296.5 พันล้าน
บาท ขยายตัวร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน และเร่งตัวขึ้นจากเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อจากภาคธุรกิจของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(ไอเอฟซีที) ที่ควบรวมกิจการกับ ธ.ทหารไทย และ ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ ซึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้สินเชื่อมีการ
ขยายตัวร้อยละ 6.9 ขณะที่เงินฝากของ ธ.พาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 3.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง
ชะลอลงจากเดือน ส.ค.ที่ขยายตัวร้อยละ 4.4 ส่วนอัตราดอกเบี้ยของ ธ.พาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ตั้งแต่
เดือน ก.ย. — ต.ค.47 ยังคงอยู่ในระดับเดิมทั้งเงินฝากและเงินกู้ โดยเงินฝากประจำ 12 เดือน เฉลี่ยอยู่ที่
ร้อยละ 1 และดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5.69 ต่อปี (ผู้จัดการราย
วัน)
3. ครม. มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจาการจัดทำ
FTA นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ครม. มีมติแต่งตั้งคณะ
กรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจาจัดทำ FTA เพื่อให้การเจรจาจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับ
ต่างประเทศหรือกลุ่มประเทศต่าง ๆ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีนaยสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง
เป็นประธาน ส่วนรองประธานเป็นรัฐมนตรีจาก ก.ต่างประเทศ ก.พาณิชย์ ก.เกษตรฯ ก.อุตสาหกรรม และ
กรรมการเป็นปลัดจากทั้ง 4 กระทรวง เลขาธิการ สศช. นายพันธ์ศักดิ์ วิญญูรัตน์ และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 3 คน มี
ตนเป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งจะต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อ นรม. โดยคณะกรรมการชุดอื่น ๆ ที่
ดูแล FTA ก่อนหน้านี้ต้องถือเป็นโมฆะ รวมถึงคณะทำงานประสานยุทธศาสตร์และนโยบายการเจรจาการค้า
ระหว่างประเทศ และคณะทำงานติดตามผลการเจรจาการค้าที่คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
(กนศ.) แต่งตั้งด้วย (ข่าวสด)
4. การขึ้นดอกเบี้ยอาจกระทบต่อสินเชื่อบุคคลที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ
ผอ.สำนักวิจัยและวางแผน ธ.ไทยธนาคาร เปิดเผยว่า หากดอกเบี้ยปรับขึ้นต่อเนื่องมากกว่าร้อยละ 2 จะส่งผล
ให้ศักยภาพในการชำระหนี้ของลูกค้าสินเชื่อบุคคลที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ลดลง และทำให้เกิดหนี้
เสียเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่ง ธปท. ต้องเร่งเข้ามากำกับดูแลให้เข้มงวดและชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากสินเชื่อ
บุคคลของนอนแบงก์เป็นการให้บริการสินเชื่อแก่ผู้มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 15,000 บาท ซึ่งไม่สามารถทำบัตร
เครดิต กู้เงิน หรือทำธุรกรรมการเงินอื่น ๆ กับ ธ.พาณิชย์ได้ ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามากู้เงินในระบบทำให้การ
ดูแลง่ายขึ้น ดังนั้น หาก พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินผ่านการพิจารณาเห็นชอบจาก ครม. จะทำให้ ธปท.
สามารถเข้าไปควบคุมการดำเนินกิจการของนอนแบงก์ได้เช่นเดียวกับ ธ.พาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หากนอน
แบงก์มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรืออัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินจริง ธปท. สามารถนำกฎหมายคณะปฏิวัติใน
มาตรา 58 หรือ ปว.58 มาดำเนินการได้ ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจสินเชื่อบุคคลจะมีการปล่อยกู้ 150,000 ล้านบาท
และมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่องในปีหน้าเพราะไม่ได้ถูกควบคุมโดยตรงจาก ธปท. อย่างไรก็ดี การปล่อยกู้
อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้เสียมากขึ้น เพราะปี 48 ธ.พาณิชย์และนอนแบงก์จะมีการปรับดอกเบี้ยทุกประเภทขึ้น
เฉลี่ยอีกร้อยละ 0.5-1 ตามต้นทุนการปล่อยกู้ที่สูงขึ้น รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยอาร์พีของ ธปท. (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษเติบโตลดลงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 47 รายงานจากลอนดอนเมื่อ
8 พ.ย.47 The Land Registry เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของราคาบ้านในอังกฤษ ในช่วงไตรมาสที่
3 ของปี 47 ลดลงที่ระดับร้อยละ 16.27 จากร้อยละ 16.98 ในไตรมาสก่อนหน้า สำหรับต้นทุนราคาบ้านต่อ
หน่วยมีมูลค่า 187,971 ปอนด์ (345,600 ดอลลาร์ สรอ.) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 161,665
ปอนด์ (297,300 ดอลลาร์ สรอ.) ขณะที่ปริมาณบ้านที่ขายได้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6.35 เป็นจำนวน
309,101 หลัง นอกจากนี้ ผลจากการสำรวจรายเดือนโดย Halifax bank and Nationwide Building
Society ก็พบว่า เดือน ต.ค.47 ราคาบ้านในอังกฤษลดลงเช่นกัน รวมทั้งมีการอนุมัติเงินกู้จำนองแต่ไม่มีการ
ก่อสร้างบ้านใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่ลดลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม จากรายงานของ Land
Registry พบว่าราคาบ้านยังคงเติบโตขึ้นในบางพื้นที่ของประเทศ อาทิเช่น ในเวลส์ราคาบ้านเพิ่มขึ้นในอัตรา
สูงสุดติดต่อกันถึง 2 ไตรมาสในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.26 อยู่ที่ระดับ 135,162 ปอนด์ (248,500
ดอลลาร์ สรอ.) เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ระดับราคาที่ลอนดอนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 9.7 ทั้งนี้ ธ.กลาง
อังกฤษได้คงอัตราดอกเบี้ยทางการไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว หลังจากที่มีการ
เข้มงวดนโยบายการเงินด้วยการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวมร้อยละ 1.25 นับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีก่อน จึงได้ส่ง
ผลให้ความต้องการใช้สินเชื่อของชาวอังกฤษลดลง (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน ก.ย.47 ลดลงอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 0.4 รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 5 พ.ย.47 สำนักงานสถิติอังกฤษ เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงผลผลิตของภาค
อุตสาหกรรมการผลิต ภาคสาธารณูปโภค และภาคเหมืองแร่ ของอังกฤษในเดือน ก.ย.47 ลดลงติดต่อกันเป็น
เดือนที่ 4 ที่ระดับร้อยละ 0.4 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ส่งผลให้
ผลผลิตในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาลดลงถึงร้อยละ 1.4 จากที่ประมาณการไว้ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 1.1 นอกจาก
นี้ หัวหน้านักสถิติเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษในไตรมาส 3 ปีนี้ขยายตัวในอัตราน้อยกว่า
ครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 0.05 จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นัก
วิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม คือ ร้อยละ 4.75 ไปให้นานที่
สุด แต่หากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยืดเยื้อไปถึงปีหน้า อาจเป็นสัญญาณใหอังกฤษมีการเคลื่อนไหวในเรื่อง
การลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 ติดต่อกันเป็นเดือนที่
3 แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราดอกเบี้ย ณ ระดับปัจจุบัน อาจเป็นระดับสูงสุดในรอบวงจรเศรษฐกิจ
ที่กำลังชะลอตัว ทั้งนี้ ผู้กำหนดนโยบายเห็นว่าการลดลงของผลผลิตอุตสาหกรรมในครั้งนี้มีสาเหตุสำคัญจากราคา
แก๊สและน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอันส่งผลต่องานบำรุงรักษานั้น เป็นสถานการณ์ปกติในช่วงฤดูร้อน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะ
สิ้นสุดเพียงแค่เดือน ก.ย.เท่านั้น (รอยเตอร์)
3. จีนยังคงนโยบายรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวน รายงานจากเชียงไฮ้ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 47
เจ้าหน้าที่อาวุโสธ.กลางจีนเปิดเผยว่า จีนจะยังดำเนินนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนต่อไป เพื่อให้
สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ ท่ามกลางการเก็งกำไรค่าเงินหยวน แต่ ธ.กลางจีนจะใช้นโยบายอัตรา
ดอกเบี้ยเพื่อกำหนดทิศทางตลาด โดยเมื่อเร็วๆนี้ จีนได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
ทำให้คาดว่าจีนกำลังเร่งก้าวไปสู่การปรับค่าเงินหยวนที่จากเคยผูกค่าไว้กับเงินดอลลาร์ สรอ.ที่ระดับ 8.28
หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ. มานับตั้งแต่ปี 40 — 41 เมื่อครั้งเกิดวิกฤตการณ์การเงิน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า
อาจจะมีการปรับค่าเงินหยวนได้ตลอดเวลา ธ.กลางจีนจำเป็นต้องมีนโยบายป้องกันวิกฤติค่าเงินโดยมีการวางพื้น
ฐานทางการเงินเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจจีนในอนาคต ผู้บริหารระดับสูงของธ.กลางจีนกล่าวว่าจีนต้อง
ดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรองรับหากจำเป็นต้องปรับค่าเงิน ที่ผ่าน
มาจีนได้รับแรงกดดันจากนานาชาติให้ปล่อยเสรีค่าเงินหยวนเนื่องจากการกำหนดค่าเงินหยวนไว้กับเงินดอลลาร์
สรอ. ทำให้ค่าเงินของจีนถูกกว่าความเป็นจริงส่งผลให้จีนได้เปรียบทางการค้ากับประเทศคู่ค้าซึ่งจีนได้แสดงจุด
ยืนการปฎิรูปนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนให้ยืดหยุ่นมากขึ้นด้วยตนเองโดยไม่สนใจแรงกดดันจากภายนอก (รอยเตอร์)
4. ภาคธุรกิจบริการของเกาหลีใต้หดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน รายงานจากโซล เมื่อ 5 พ.ย.47
ภาคธุรกิจบริการซึ่งมีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของ GDP ของเกาหลีใต้หดตัวร้อยละ 0.8 ในเดือน ก.ย.47
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนนับเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันหลังจากหดตัวร้อยละ 1.7
ในเดือน ส.ค.47 และร้อยละ 1.4 ในเดือน ก.ค.47 โดยเป็นการหดตัวในธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก การศึกษา
ธุรกิจบันเทิงและธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ธุรกิจขนส่งและโทรคมนาคมเช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรมและ
ภัตตาคารขยายตัวเพิ่มขึ้น การหดตัวของธุรกิจบริการซึ่งเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวได้สร้าง
ความลำบากใจให้ ธ.กลางเกาหลีใต้ซึ่งมีกำหนดจะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 11 พ.ย.47 นี้ในการตัดสิน
ใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหลังจากลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน ส.ค.47 เพื่อกระตุ้น
การใช้จ่ายในประเทศ และตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.และ ต.ค.47 เมื่อความกังวลเปลี่ยนเป็น
เรื่องเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เศรษฐกิจเกาหลีใต้ในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวจากการส่งออกซึ่งเริ่มชะลอตัว
จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่การใช้จ่ายในประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซามาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี
หลังจากการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทำให้ชาวเกาหลีใต้มีภาวะต้องผ่อนชำระหนี้ในเวลาต่อ
มา รัฐบาลตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5.0 แต่ทั้ง IMF และ Moody’s Ratings
Service กล่าวว่าเป้าหมายดังกล่าวสูงเกินไป ในขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะ
ขยายตัวร้อยละ 4.7 ในปีนี้และร้อยละ 4.4 ในปีหน้า (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 พ.ย. 47 5 พ.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.921 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7277/41.0165 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.7500-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 635.09/ 16.65 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,250/8,350 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.63 35.07 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.99*/14.59 21.99*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. กองทุนฟื้นฟูฯ รอดูภาวะตลาดเพื่อขายหุ้นธนาคารให้ได้ราคาดีที่สุด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. ยังคงนโยบายการแปรรูปกิจการ ธ.พาณิชย์ ที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนา
ระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ให้เป็นธนาคารเอกชนเต็มรูปแบบ โดยขณะนี้ ธปท. กำลังรอดูภาวะตลาดหุ้น
ให้มีความเหมาะสมในการขายหุ้นธนาคารที่ถืออยู่อย่างแน่นอน เพื่อให้ได้ราคาดีที่สุด สำหรับผลการดำเนินงาน
ของกองทุนฟื้นฟูฯ พบว่าอัตราส่วนสูญเสียลดลงจากที่มีการประมาณการไว้ที่คาดว่าจะขาดทุน 1.7 ล้านล้านบาท
หากมีการยุบกองทุนฟื้นฟูฯ ทันที ซึ่งล่าสุดจากการประเมินเมื่อกลางปี 47 พบว่าความเสียหายได้ปรับลดลง 3
หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลจาก 2 ปัจจัย คือ กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ทยอยขายหุ้นในสถาบันการเงินที่ถืออยู่ออกไป ทั้ง
ธ.กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย และ ธ.ไทยธนาคาร ซึ่งสร้างผลกำไรได้มาก และได้ทยอยขายสินทรัพย์ที่ได้รับ
โอนมาจากองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินทำให้มีกำไรเข้ามาอีก ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุน
ฟื้นฟูฯ จะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินที่ถือหุ้นอยู่ รวมทั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์
บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (ไทยรัฐ, ข่าวสด)
2. สินเชื่อธนาคารในไตรมาส 3 ปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 9.6 รายงานข่าวจากสายนโยบายการ
เงิน ธปท. รายงานว่า สินเชื่อและเงินฝากของระบบ ธ.พาณิชย์ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อภาคเอกชนที่รวม
การถือหลักทรัพย์ของเอกชนของ ธ.พาณิชย์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 47 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 5,296.5 พันล้าน
บาท ขยายตัวร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน และเร่งตัวขึ้นจากเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อจากภาคธุรกิจของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(ไอเอฟซีที) ที่ควบรวมกิจการกับ ธ.ทหารไทย และ ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ ซึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้สินเชื่อมีการ
ขยายตัวร้อยละ 6.9 ขณะที่เงินฝากของ ธ.พาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 3.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง
ชะลอลงจากเดือน ส.ค.ที่ขยายตัวร้อยละ 4.4 ส่วนอัตราดอกเบี้ยของ ธ.พาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ตั้งแต่
เดือน ก.ย. — ต.ค.47 ยังคงอยู่ในระดับเดิมทั้งเงินฝากและเงินกู้ โดยเงินฝากประจำ 12 เดือน เฉลี่ยอยู่ที่
ร้อยละ 1 และดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5.69 ต่อปี (ผู้จัดการราย
วัน)
3. ครม. มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจาการจัดทำ
FTA นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ครม. มีมติแต่งตั้งคณะ
กรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการเจรจาจัดทำ FTA เพื่อให้การเจรจาจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับ
ต่างประเทศหรือกลุ่มประเทศต่าง ๆ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีนaยสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง
เป็นประธาน ส่วนรองประธานเป็นรัฐมนตรีจาก ก.ต่างประเทศ ก.พาณิชย์ ก.เกษตรฯ ก.อุตสาหกรรม และ
กรรมการเป็นปลัดจากทั้ง 4 กระทรวง เลขาธิการ สศช. นายพันธ์ศักดิ์ วิญญูรัตน์ และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 3 คน มี
ตนเป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งจะต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อ นรม. โดยคณะกรรมการชุดอื่น ๆ ที่
ดูแล FTA ก่อนหน้านี้ต้องถือเป็นโมฆะ รวมถึงคณะทำงานประสานยุทธศาสตร์และนโยบายการเจรจาการค้า
ระหว่างประเทศ และคณะทำงานติดตามผลการเจรจาการค้าที่คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
(กนศ.) แต่งตั้งด้วย (ข่าวสด)
4. การขึ้นดอกเบี้ยอาจกระทบต่อสินเชื่อบุคคลที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ
ผอ.สำนักวิจัยและวางแผน ธ.ไทยธนาคาร เปิดเผยว่า หากดอกเบี้ยปรับขึ้นต่อเนื่องมากกว่าร้อยละ 2 จะส่งผล
ให้ศักยภาพในการชำระหนี้ของลูกค้าสินเชื่อบุคคลที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ลดลง และทำให้เกิดหนี้
เสียเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่ง ธปท. ต้องเร่งเข้ามากำกับดูแลให้เข้มงวดและชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากสินเชื่อ
บุคคลของนอนแบงก์เป็นการให้บริการสินเชื่อแก่ผู้มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 15,000 บาท ซึ่งไม่สามารถทำบัตร
เครดิต กู้เงิน หรือทำธุรกรรมการเงินอื่น ๆ กับ ธ.พาณิชย์ได้ ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามากู้เงินในระบบทำให้การ
ดูแลง่ายขึ้น ดังนั้น หาก พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินผ่านการพิจารณาเห็นชอบจาก ครม. จะทำให้ ธปท.
สามารถเข้าไปควบคุมการดำเนินกิจการของนอนแบงก์ได้เช่นเดียวกับ ธ.พาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หากนอน
แบงก์มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรืออัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินจริง ธปท. สามารถนำกฎหมายคณะปฏิวัติใน
มาตรา 58 หรือ ปว.58 มาดำเนินการได้ ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจสินเชื่อบุคคลจะมีการปล่อยกู้ 150,000 ล้านบาท
และมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่องในปีหน้าเพราะไม่ได้ถูกควบคุมโดยตรงจาก ธปท. อย่างไรก็ดี การปล่อยกู้
อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้เสียมากขึ้น เพราะปี 48 ธ.พาณิชย์และนอนแบงก์จะมีการปรับดอกเบี้ยทุกประเภทขึ้น
เฉลี่ยอีกร้อยละ 0.5-1 ตามต้นทุนการปล่อยกู้ที่สูงขึ้น รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยอาร์พีของ ธปท. (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษเติบโตลดลงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 47 รายงานจากลอนดอนเมื่อ
8 พ.ย.47 The Land Registry เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของราคาบ้านในอังกฤษ ในช่วงไตรมาสที่
3 ของปี 47 ลดลงที่ระดับร้อยละ 16.27 จากร้อยละ 16.98 ในไตรมาสก่อนหน้า สำหรับต้นทุนราคาบ้านต่อ
หน่วยมีมูลค่า 187,971 ปอนด์ (345,600 ดอลลาร์ สรอ.) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 161,665
ปอนด์ (297,300 ดอลลาร์ สรอ.) ขณะที่ปริมาณบ้านที่ขายได้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6.35 เป็นจำนวน
309,101 หลัง นอกจากนี้ ผลจากการสำรวจรายเดือนโดย Halifax bank and Nationwide Building
Society ก็พบว่า เดือน ต.ค.47 ราคาบ้านในอังกฤษลดลงเช่นกัน รวมทั้งมีการอนุมัติเงินกู้จำนองแต่ไม่มีการ
ก่อสร้างบ้านใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่ลดลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม จากรายงานของ Land
Registry พบว่าราคาบ้านยังคงเติบโตขึ้นในบางพื้นที่ของประเทศ อาทิเช่น ในเวลส์ราคาบ้านเพิ่มขึ้นในอัตรา
สูงสุดติดต่อกันถึง 2 ไตรมาสในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.26 อยู่ที่ระดับ 135,162 ปอนด์ (248,500
ดอลลาร์ สรอ.) เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ระดับราคาที่ลอนดอนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 9.7 ทั้งนี้ ธ.กลาง
อังกฤษได้คงอัตราดอกเบี้ยทางการไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว หลังจากที่มีการ
เข้มงวดนโยบายการเงินด้วยการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวมร้อยละ 1.25 นับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีก่อน จึงได้ส่ง
ผลให้ความต้องการใช้สินเชื่อของชาวอังกฤษลดลง (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน ก.ย.47 ลดลงอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 0.4 รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 5 พ.ย.47 สำนักงานสถิติอังกฤษ เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงผลผลิตของภาค
อุตสาหกรรมการผลิต ภาคสาธารณูปโภค และภาคเหมืองแร่ ของอังกฤษในเดือน ก.ย.47 ลดลงติดต่อกันเป็น
เดือนที่ 4 ที่ระดับร้อยละ 0.4 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ส่งผลให้
ผลผลิตในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาลดลงถึงร้อยละ 1.4 จากที่ประมาณการไว้ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 1.1 นอกจาก
นี้ หัวหน้านักสถิติเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษในไตรมาส 3 ปีนี้ขยายตัวในอัตราน้อยกว่า
ครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 0.05 จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นัก
วิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม คือ ร้อยละ 4.75 ไปให้นานที่
สุด แต่หากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยืดเยื้อไปถึงปีหน้า อาจเป็นสัญญาณใหอังกฤษมีการเคลื่อนไหวในเรื่อง
การลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 ติดต่อกันเป็นเดือนที่
3 แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราดอกเบี้ย ณ ระดับปัจจุบัน อาจเป็นระดับสูงสุดในรอบวงจรเศรษฐกิจ
ที่กำลังชะลอตัว ทั้งนี้ ผู้กำหนดนโยบายเห็นว่าการลดลงของผลผลิตอุตสาหกรรมในครั้งนี้มีสาเหตุสำคัญจากราคา
แก๊สและน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอันส่งผลต่องานบำรุงรักษานั้น เป็นสถานการณ์ปกติในช่วงฤดูร้อน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะ
สิ้นสุดเพียงแค่เดือน ก.ย.เท่านั้น (รอยเตอร์)
3. จีนยังคงนโยบายรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวน รายงานจากเชียงไฮ้ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 47
เจ้าหน้าที่อาวุโสธ.กลางจีนเปิดเผยว่า จีนจะยังดำเนินนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนต่อไป เพื่อให้
สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ ท่ามกลางการเก็งกำไรค่าเงินหยวน แต่ ธ.กลางจีนจะใช้นโยบายอัตรา
ดอกเบี้ยเพื่อกำหนดทิศทางตลาด โดยเมื่อเร็วๆนี้ จีนได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
ทำให้คาดว่าจีนกำลังเร่งก้าวไปสู่การปรับค่าเงินหยวนที่จากเคยผูกค่าไว้กับเงินดอลลาร์ สรอ.ที่ระดับ 8.28
หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ. มานับตั้งแต่ปี 40 — 41 เมื่อครั้งเกิดวิกฤตการณ์การเงิน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า
อาจจะมีการปรับค่าเงินหยวนได้ตลอดเวลา ธ.กลางจีนจำเป็นต้องมีนโยบายป้องกันวิกฤติค่าเงินโดยมีการวางพื้น
ฐานทางการเงินเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจจีนในอนาคต ผู้บริหารระดับสูงของธ.กลางจีนกล่าวว่าจีนต้อง
ดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรองรับหากจำเป็นต้องปรับค่าเงิน ที่ผ่าน
มาจีนได้รับแรงกดดันจากนานาชาติให้ปล่อยเสรีค่าเงินหยวนเนื่องจากการกำหนดค่าเงินหยวนไว้กับเงินดอลลาร์
สรอ. ทำให้ค่าเงินของจีนถูกกว่าความเป็นจริงส่งผลให้จีนได้เปรียบทางการค้ากับประเทศคู่ค้าซึ่งจีนได้แสดงจุด
ยืนการปฎิรูปนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนให้ยืดหยุ่นมากขึ้นด้วยตนเองโดยไม่สนใจแรงกดดันจากภายนอก (รอยเตอร์)
4. ภาคธุรกิจบริการของเกาหลีใต้หดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน รายงานจากโซล เมื่อ 5 พ.ย.47
ภาคธุรกิจบริการซึ่งมีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของ GDP ของเกาหลีใต้หดตัวร้อยละ 0.8 ในเดือน ก.ย.47
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนนับเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันหลังจากหดตัวร้อยละ 1.7
ในเดือน ส.ค.47 และร้อยละ 1.4 ในเดือน ก.ค.47 โดยเป็นการหดตัวในธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก การศึกษา
ธุรกิจบันเทิงและธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ธุรกิจขนส่งและโทรคมนาคมเช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรมและ
ภัตตาคารขยายตัวเพิ่มขึ้น การหดตัวของธุรกิจบริการซึ่งเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวได้สร้าง
ความลำบากใจให้ ธ.กลางเกาหลีใต้ซึ่งมีกำหนดจะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 11 พ.ย.47 นี้ในการตัดสิน
ใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหลังจากลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน ส.ค.47 เพื่อกระตุ้น
การใช้จ่ายในประเทศ และตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.และ ต.ค.47 เมื่อความกังวลเปลี่ยนเป็น
เรื่องเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เศรษฐกิจเกาหลีใต้ในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวจากการส่งออกซึ่งเริ่มชะลอตัว
จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่การใช้จ่ายในประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซามาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี
หลังจากการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทำให้ชาวเกาหลีใต้มีภาวะต้องผ่อนชำระหนี้ในเวลาต่อ
มา รัฐบาลตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5.0 แต่ทั้ง IMF และ Moody’s Ratings
Service กล่าวว่าเป้าหมายดังกล่าวสูงเกินไป ในขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะ
ขยายตัวร้อยละ 4.7 ในปีนี้และร้อยละ 4.4 ในปีหน้า (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 พ.ย. 47 5 พ.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.921 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7277/41.0165 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.7500-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 635.09/ 16.65 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,250/8,350 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.63 35.07 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.99*/14.59 21.99*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-