ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. แนวโน้มธุรกิจไทยยังคงขยายตัวได้ดีในปี 47 รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า ธปท.ได้รายงานแนวโน้มธุรกิจ ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจธุรกิจ ระหว่าง ธปท.
และนักธุรกิจ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการทั่วประเทศ 119 ราย ซึ่งภาพรวมของเศรษฐกิจปี 47 ยัง
ขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยในช่วงครึ่งแรกของปี การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน จะเป็นปัจจัยหลักที่ผลัก
ดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว แต่ในไตรมาสที่ 3 การขยายตัวเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนอาจจะชะลอลงเล็ก
น้อยเมื่อเทียบกับการขยายตัวในไตรมาสก่อนหน้า โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคได้แก่ การเพิ่มขึ้น
ของราคาน้ำมันและวัตถุดิบซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น สำหรับปี 48
นักธุรกิจมองว่าภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มลงทุนเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน
บ้าน สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีแนวโน้มการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรราคา 3-7 ล.
บาท และคาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะขยายตัวต่อเนื่องได้จนถึงปลายปี 48 เช่นเดียวกับการลงทุนก่อสร้างภาค
รัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายเห็นว่าในปีนี้
ยังไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานมากนัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่ธุรกิจคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า (โลกวันนี้,
กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังคงขยายตัวได้แม้จะมีอัตราต่ำกว่าช่วงที่ผ่านมา นายบัณฑิต
นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในสูง การ
ขยายตัวของประเทศคู่ค้าลดลง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวสูงขึ้น โดยในส่วนของการส่งออก จะต้องมี
การพิจารณาผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจของสหรัฐและจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
ขณะที่การลงทุนของภาครัฐเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่งเพื่อดึงดูดนักลงทุน แต่ต้องพิจารณาใน
ประเด็นงบประมาณที่มีจำกัดเพื่อเลือกสรรโครงการลงทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ การไหลเข้าออกของเงินทุน
ระหว่างประเทศระยะสั้นอาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดเงินในประเทศในปี 48 ได้พอสมควร (กรุงเทพ
ธุรกิจ, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
3. สศค.ประมาณการเศรษฐกิจเบื้องต้นในปี 48 ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผย ประมาณการเศรษฐกิจในปี 48 ว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ(จีดีพี)คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6% ลดลงจาก
6.2% ในปี 47 ขณะที่อัตราการจ้างงานอยู่ที่ 35.6 ล้านคนต่อปี สูงกว่า 34.9 ล้านคนต่อปีในปี 47 ส่วนการส่ง
ออกคาดว่าจะมีมูลค่า 106.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. สูงกว่า 96.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 47 สำหรับ
ดุลการค้าจะติดลบ 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากปี 47 ที่ติดลบเพียง 0.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลบัญชี
เดินสะพัดจะลดลงจาก 5.9 มาอยู่ที่ 2.4 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. และทุนสำรองระหว่างประเทศสูงขึ้นจาก
45.4 เป็น 46 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะขยายตัว 4% แต่หากเป็นเงินเฟ้อพื้นฐานที่ตัด
ปัจจัยด้านผลผลิตอย่างราคาน้ำมันออกก็จะส่งผลให้เงินเฟ้อยู่ในระดับ 2.4% ในส่วนของอัตราการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจปี 47 จะขยายตัวอยู่ในกรอบที่ประมาณการไว้คือ 6-6.5% ภายใต้ 2 ปัจจัยลบ ได้แก่ ราคาน้ำมันและ
อัตราดอกเบี้ย ขณะที่ปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การลงทุนใหม่ ทั้งในส่วนที่ส่งเสริมผ่านบีโอไอ และการลงทุนในโครง
สร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของภาครัฐ (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.พลังงานพิจารณาแนวทางการซื้อน้ำมันล่วงหน้าเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากการที่ราคา
น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องและรวด
เร็วถึงประมาณ 14% เหตุผลจากกำลังผลิตของตลาดโลกยังน้อยกว่าความต้องการ แต่คาดว่าราคาจะไม่ลดลงต่ำ
กว่า 30 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวโน้มเช่นนี้จะมีผลให้ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ
มีโอกาสปรับลดลงอีก แต่ก็ขึ้นอยู่กับการแข่งขันของผู้ค้าน้ำมันว่าจะมีการปรับลดราคาแข่งกันหรือไม่ด้วย ซึ่ง ก.
พลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า หลังจากราคาน้ำมันมีการปรับลดลงแล้ว อาจจะมีการใช้เงิน งปม.หรือ
ดำเนินการในรูปแบบใดในการซื้อน้ำมันล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบของราคาน้ำมันแพงที่อาจเกิดขึ้นเหมือนกับช่วงที่
ผ่านมา (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าการลงทุนของภาคเอกชนใน สรอ.ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบ
กับปีก่อน รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 พ.ย.47 ผลสำรวจโดยบริษัทที่ปรึกษา G7 Group (ไม่เกี่ยวข้องกับ
กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ) คาดว่าการลงทุนของภาคเอกชนใน สรอ.สำหรับไตรมาสที่ 4 ปีนี้
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 แต่อย่างไรก็ดีตัวเลข
ดังกล่าวยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับร้อยละ 5 ต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะ
ที่ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลางมีการลงทุนเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามยอดการลงทุนจริงอาจสูงกว่าที่คาดไว้ซึ่ง
ยังไม่ได้รวมการลงทุนสร้างโรงงานใหม่หลังเกิดความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น Ivan และการเร่งลงทุนก่อนที่
การให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีในการลงทุนจากรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้ (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 พ.ย.47 ธ.กลาง สรอ.รายงานตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.7 ในเดือน ต.ค.47 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนมากกว่า 2 เท่าของร้อยละ 0.3 ที่นักวิเคราะห์คาดไว้
หลังจากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ในเดือน ก.ย.47 ผลจากผลผลิตอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวหลังจากหยุดชะงักและ
ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยผลผลิตของอุตสาหกรรมการผลิต เหมืองแร่และ
สาธารณูปโภคต่างเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน ต.ค.47 และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 77.7 ใน
เดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.3 ในเดือน ก.ย.47 (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อของ สรอ. เพิ่มขึ้นท่ามกลางสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 17 พ.ย.47 ต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้นทำให้ดัชนีราคาผู้
บริโภคของ สรอ. ในเดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ
0.4 ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและตลาดซื้อขายบ้านเริ่มพลิกฟื้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากเดือนก่อน
หน้านี้ โดย ก.แรงงานของ สรอ. กล่าวว่า ราคาพลังงานในเดือน ต.ค.47 ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.2 คิดเป็น
สัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้นทั้งหมดในดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งถ้าไม่นับรวมราคาพลังงานและอาหาร ดัชนี
ราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 ลดลงจากร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.ย.47 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้น
ฐานเทียบปีต่อปี ณ เดือน ก.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 สูงสุดในรอบเกือบสองปี ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
ในเดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 0.3 ในขณะที่ตลาดซื้อขาย
บ้านเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ต่อปี ยอดรวม 2.027 ล้านยูนิต เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. (รอยเตอร์)
4. อัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรเดือน ต.ค.47 ลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.4 รายงานจากกรุงบ
รัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 17 พ.ย.47 Eurostat เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรใน
เดือน ต.ค.47 ได้ถูกปรับลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.4 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับร้อยละ 2.5 ซึ่ง
เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ แต่ก็นับเป็นเดือนที่ 6 ที่อัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรสูงกว่าที่ ธ.กลาง
อียูตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับไม่เกินร้อยละ 2.0 โดยดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบต่อเดือน
สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาพลังงานในเดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จากเดือน
ก่อน และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้างที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวม
ราคาพลังงานและต้นทุนอาหารที่ยังไม่แปรรูป เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.0 ไม่เปลี่ยนแปลง
จากเดือนก่อน ในขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเขตยูโรเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากเดือนก่อน และอยู่ที่ระดับ
ร้อยละ 2.9 เทียบต่อปี สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ร้อยละ 0.4 เทียบต่อเดือน และร้อยละ 2.45 เทียบต่อ
ปี ท่ามกลางปัจจัยลบมากมาย อาทิ ค่าเงินยูโรที่แข็งตัว และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ
เศรษฐกิจของเขตยูโร (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 พ.ย. 47 17 พ.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.253 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.0950/40.3812 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.7500-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 644.16/ 18.06 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,400/8,500 8,350/8,450 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 32.95 32.2 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.59*/14.59 21.59/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 12 พ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. แนวโน้มธุรกิจไทยยังคงขยายตัวได้ดีในปี 47 รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า ธปท.ได้รายงานแนวโน้มธุรกิจ ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจธุรกิจ ระหว่าง ธปท.
และนักธุรกิจ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการทั่วประเทศ 119 ราย ซึ่งภาพรวมของเศรษฐกิจปี 47 ยัง
ขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยในช่วงครึ่งแรกของปี การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน จะเป็นปัจจัยหลักที่ผลัก
ดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว แต่ในไตรมาสที่ 3 การขยายตัวเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนอาจจะชะลอลงเล็ก
น้อยเมื่อเทียบกับการขยายตัวในไตรมาสก่อนหน้า โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคได้แก่ การเพิ่มขึ้น
ของราคาน้ำมันและวัตถุดิบซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น สำหรับปี 48
นักธุรกิจมองว่าภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มลงทุนเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน
บ้าน สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีแนวโน้มการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรราคา 3-7 ล.
บาท และคาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะขยายตัวต่อเนื่องได้จนถึงปลายปี 48 เช่นเดียวกับการลงทุนก่อสร้างภาค
รัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายเห็นว่าในปีนี้
ยังไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานมากนัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่ธุรกิจคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า (โลกวันนี้,
กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังคงขยายตัวได้แม้จะมีอัตราต่ำกว่าช่วงที่ผ่านมา นายบัณฑิต
นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในสูง การ
ขยายตัวของประเทศคู่ค้าลดลง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวสูงขึ้น โดยในส่วนของการส่งออก จะต้องมี
การพิจารณาผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจของสหรัฐและจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
ขณะที่การลงทุนของภาครัฐเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่งเพื่อดึงดูดนักลงทุน แต่ต้องพิจารณาใน
ประเด็นงบประมาณที่มีจำกัดเพื่อเลือกสรรโครงการลงทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ การไหลเข้าออกของเงินทุน
ระหว่างประเทศระยะสั้นอาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดเงินในประเทศในปี 48 ได้พอสมควร (กรุงเทพ
ธุรกิจ, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
3. สศค.ประมาณการเศรษฐกิจเบื้องต้นในปี 48 ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผย ประมาณการเศรษฐกิจในปี 48 ว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ(จีดีพี)คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6% ลดลงจาก
6.2% ในปี 47 ขณะที่อัตราการจ้างงานอยู่ที่ 35.6 ล้านคนต่อปี สูงกว่า 34.9 ล้านคนต่อปีในปี 47 ส่วนการส่ง
ออกคาดว่าจะมีมูลค่า 106.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. สูงกว่า 96.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 47 สำหรับ
ดุลการค้าจะติดลบ 2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากปี 47 ที่ติดลบเพียง 0.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลบัญชี
เดินสะพัดจะลดลงจาก 5.9 มาอยู่ที่ 2.4 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. และทุนสำรองระหว่างประเทศสูงขึ้นจาก
45.4 เป็น 46 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะขยายตัว 4% แต่หากเป็นเงินเฟ้อพื้นฐานที่ตัด
ปัจจัยด้านผลผลิตอย่างราคาน้ำมันออกก็จะส่งผลให้เงินเฟ้อยู่ในระดับ 2.4% ในส่วนของอัตราการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจปี 47 จะขยายตัวอยู่ในกรอบที่ประมาณการไว้คือ 6-6.5% ภายใต้ 2 ปัจจัยลบ ได้แก่ ราคาน้ำมันและ
อัตราดอกเบี้ย ขณะที่ปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การลงทุนใหม่ ทั้งในส่วนที่ส่งเสริมผ่านบีโอไอ และการลงทุนในโครง
สร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของภาครัฐ (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ก.พลังงานพิจารณาแนวทางการซื้อน้ำมันล่วงหน้าเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากการที่ราคา
น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องและรวด
เร็วถึงประมาณ 14% เหตุผลจากกำลังผลิตของตลาดโลกยังน้อยกว่าความต้องการ แต่คาดว่าราคาจะไม่ลดลงต่ำ
กว่า 30 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวโน้มเช่นนี้จะมีผลให้ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ
มีโอกาสปรับลดลงอีก แต่ก็ขึ้นอยู่กับการแข่งขันของผู้ค้าน้ำมันว่าจะมีการปรับลดราคาแข่งกันหรือไม่ด้วย ซึ่ง ก.
พลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า หลังจากราคาน้ำมันมีการปรับลดลงแล้ว อาจจะมีการใช้เงิน งปม.หรือ
ดำเนินการในรูปแบบใดในการซื้อน้ำมันล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบของราคาน้ำมันแพงที่อาจเกิดขึ้นเหมือนกับช่วงที่
ผ่านมา (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าการลงทุนของภาคเอกชนใน สรอ.ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบ
กับปีก่อน รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 พ.ย.47 ผลสำรวจโดยบริษัทที่ปรึกษา G7 Group (ไม่เกี่ยวข้องกับ
กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ) คาดว่าการลงทุนของภาคเอกชนใน สรอ.สำหรับไตรมาสที่ 4 ปีนี้
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 แต่อย่างไรก็ดีตัวเลข
ดังกล่าวยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ระดับร้อยละ 5 ต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะ
ที่ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลางมีการลงทุนเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามยอดการลงทุนจริงอาจสูงกว่าที่คาดไว้ซึ่ง
ยังไม่ได้รวมการลงทุนสร้างโรงงานใหม่หลังเกิดความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น Ivan และการเร่งลงทุนก่อนที่
การให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีในการลงทุนจากรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้ (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ในเดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 พ.ย.47 ธ.กลาง สรอ.รายงานตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.7 ในเดือน ต.ค.47 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนมากกว่า 2 เท่าของร้อยละ 0.3 ที่นักวิเคราะห์คาดไว้
หลังจากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ในเดือน ก.ย.47 ผลจากผลผลิตอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวหลังจากหยุดชะงักและ
ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยผลผลิตของอุตสาหกรรมการผลิต เหมืองแร่และ
สาธารณูปโภคต่างเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน ต.ค.47 และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 77.7 ใน
เดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.3 ในเดือน ก.ย.47 (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อของ สรอ. เพิ่มขึ้นท่ามกลางสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 17 พ.ย.47 ต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้นทำให้ดัชนีราคาผู้
บริโภคของ สรอ. ในเดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ
0.4 ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและตลาดซื้อขายบ้านเริ่มพลิกฟื้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากเดือนก่อน
หน้านี้ โดย ก.แรงงานของ สรอ. กล่าวว่า ราคาพลังงานในเดือน ต.ค.47 ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.2 คิดเป็น
สัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้นทั้งหมดในดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งถ้าไม่นับรวมราคาพลังงานและอาหาร ดัชนี
ราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 ลดลงจากร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.ย.47 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้น
ฐานเทียบปีต่อปี ณ เดือน ก.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 สูงสุดในรอบเกือบสองปี ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
ในเดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 0.3 ในขณะที่ตลาดซื้อขาย
บ้านเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ต่อปี ยอดรวม 2.027 ล้านยูนิต เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. (รอยเตอร์)
4. อัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรเดือน ต.ค.47 ลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.4 รายงานจากกรุงบ
รัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 17 พ.ย.47 Eurostat เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรใน
เดือน ต.ค.47 ได้ถูกปรับลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.4 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับร้อยละ 2.5 ซึ่ง
เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ แต่ก็นับเป็นเดือนที่ 6 ที่อัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรสูงกว่าที่ ธ.กลาง
อียูตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับไม่เกินร้อยละ 2.0 โดยดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบต่อเดือน
สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาพลังงานในเดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จากเดือน
ก่อน และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้างที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวม
ราคาพลังงานและต้นทุนอาหารที่ยังไม่แปรรูป เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.0 ไม่เปลี่ยนแปลง
จากเดือนก่อน ในขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเขตยูโรเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากเดือนก่อน และอยู่ที่ระดับ
ร้อยละ 2.9 เทียบต่อปี สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ร้อยละ 0.4 เทียบต่อเดือน และร้อยละ 2.45 เทียบต่อ
ปี ท่ามกลางปัจจัยลบมากมาย อาทิ ค่าเงินยูโรที่แข็งตัว และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ
เศรษฐกิจของเขตยูโร (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 18 พ.ย. 47 17 พ.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.253 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.0950/40.3812 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.7500-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 644.16/ 18.06 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,400/8,500 8,350/8,450 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 32.95 32.2 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.59*/14.59 21.59/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 12 พ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-