แผนพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย ฉบับที่ 2

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 30, 2004 12:08 —กระทรวงการคลัง

วัตถุประสงค์ 1. พัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยให้มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับความต้องการในการระดมทุนและการลงทุนของภาครัฐและเอกชนไทย เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยพัฒนาตลาดตราสารหนี้ให้เป็น 1 ใน 3 แกนหลักของตลาดการเงินของประเทศ นอกเหนือไปจากระบบธนาคารพาณิชย์และตลาดตราสารทุน ซึ่งเมื่อมีผลกระทบต่อแกนใดแกนหนึ่งของตลาดการเงิน ส่วนที่เหลือยังจะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ 2. พัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยให้เป็นแหล่งระดมทุนและการลงทุนในระดับภูมิภาค เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงินและระบบเศรษฐกิจของภูมิภาค เพื่อพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย ให้เป็นแหล่งระดมทุนในระดับภูมิภาค ซึ่งเมื่อตลาดใดตลาดหนึ่งได้รับผลกระทบด้วยปัจจัยภายใน ตลาดตราสารหนี้ไทยจะช่วยค้ำจุนให้เศรษฐกิจของภูมิภาคเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งในแง่ของการระดมทุน/การลงทุน/การกระจายความเสี่ยงในด้านสกุลเงิน เป้าหมาย 1. พัฒนาให้ตลาดตราสารหนี้ไทยมีมูลค่าตลาดรวมใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศภายในระยะเวลา 10 ปี โดยในปี 1997 มูลค่ารวมของตลาดตราสารหนี้อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 11.55 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และในปี 2001 มูลค่ารวมของตลาดตราสารหนี้ เติบโตขึ้นมาอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 36.68 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นมีมูลค่ารวมของตลาดตราสารหนี้อยู่ในระดับร้อยละ 149.31 และ 145.12 ของผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพของตลาดตราสารหนี้ไทยว่าสามารถ เติบโตได้อีกมาก 2. พัฒนาให้ตลาดตราสารหนี้ไทย มีผู้ระดมทุนและผู้ลงทุนต่างชาติไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของมูลค่าตลาดรวม ภายในระยะเวลา 10 ปีโดยเมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นและสิงคโปร์แล้ว - ในด้านผู้ระดมทุนต่างชาติ ในตลาดตราสารหนี้ของ ญี่ปุ่น มีประมาณ ร้อยละ 8 - 10 สิงคโปร์ มีประมาณ ร้อยละ 25 - ในด้านผู้ลงทุนต่างชาติ ในตลาดตราสารหนี้ของ ญี่ปุ่น มีประมาณ ร้อยละ 5 - 10 สิงคโปร์ มีประมาณ ร้อยละ 2 - 5 ขณะที่ในประเทศไทย ผู้ระดมทุนต่างชาติในปัจจุบัน เท่ากับร้อยละ 0 เนื่องจากเพิ่งเริ่มเปิดให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศ และรัฐบาลหรือสถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศออกตราสารหนี้เงินบาทส่วนผู้ลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้โดยรวม มีไม่ถึงร้อยละ 1 ส่วนในตลาดพันธบัตรภาครัฐ มีราวร้อยละ 2.5 กลยุทธ์ 1. ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการระดมทุน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคม 2. แก้ไขกฎระเบียบ และกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้มีผู้ร่วมตลาดต่างชาติ มากขึ้น โดยเริ่มจากการระดมทุนและนำไปสู่การลงทุน 3. พัฒนากลไกต่างๆ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในตลาดรอง 4. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบข้อมูลสารสนเทศ ทรัพยากรมนุษย์ และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้แก่ ผู้ที่มีศักยภาพจะเป็นผู้ระดมทุนและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง แผนพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ฉบับที่ 2 แผนพัฒนาภายใต้กลยุทธ์ที่ 1 1.1 ผลักดันการตราพรบ.การบริหารหนี้สาธารณะให้ผ่านนิติบัญญัติโดยเร็ว กฎหมายหนี้ ฉบับใหม่ ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาวาระที่ 2 และ 3 เรียบร้อยแล้ว จะให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจากตลาดในประเทศ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แทนการกู้เงินจากต่างประเทศ ซึ่งรวมทั้งการกู้เงินในประเทศเพื่อ Refinance เงินกู้จากต่างประเทศด้วยหากภาวะตลาดเงินในประเทศเอื้ออำนวย ซึ่งจะทำให้กระทรวงการคลังสามารถ - สร้างอุปทานแก่ตลาดพันธบัตรรัฐบาลได้อย่างต่อเนื่อง - สร้างอุปทานแก่ตลาดตั๋วเงินคลังได้อย่างต่อเนื่อง 1.2 ออกพันธบัตรรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ ในปริมาณที่เพียงพอต่อการสร้าง Benchmark และรองรับธุรกรรม Bond Futures ในอนาคต 1.3 พัฒนาพันธบัตรรัฐบาลให้มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของ นักลงทุนทุกประเภทและทุกสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในที่สุดจะทำให้ต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาลอยู่ในระดับต่ำ โดย - ออกพันธบัตรอัตราดอกเบี้ยลอยตัว - กำหนดหลักเกณฑ์ในการ Strip Bond - ออกพันธบัตรออมทรัพย์อย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้มีเงินออมสามารถคาดคะเนระยะเวลาการออก และทราบวิธีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยได้ล่วงหน้า 1.4 ขยายขอบเขตในการอนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศออกตราสารหนี้ในประเทศไทย จากการที่กระทรวงการคลังได้กำหนดกฎเกณฑ์ในการอนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศ และรัฐบาลหรือสถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้ในตลาดทุนไทยไปแล้วนั้น ในอนาคตเพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย เห็นควรเตรียมการกำหนดกฎเกณฑ์ในการอนุญาตให้ 1. สถาบันการเงินต่างประเทศ ออกหุ้นกู้ในประเทศไทย 2. บริษัทข้ามชาติออกหุ้นกู้ในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ สถาบันการเงินต่างประเทศและบริษัทข้ามชาติเหล่านี้จะระดมทุน เพื่อ finance บริษัทในเครือต่างประเทศที่ทำกิจกรรมอยู่ในประเทศไทย ซึ่งจะมีผลให้การเป็นศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุน/ความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยนต่ำ 1.5 สนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจออกพันธบัตรในประเทศแทนการกู้เงินจากต่างประเทศ และพัฒนาให้มีสภาพคล่องในตลาดรองมากขึ้น การออกพันธบัตรในประเทศจะช่วยลดต้นทุนจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการพัฒนาให้มีสภาพคล่องในตลาดรองมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลด Liquidity Premium ในตลาดแรก นอกจากนี้ ควรปรับปรุงวิธีการระดมเงินระยะสั้น ให้หันมาออกตั๋วเงินมากขึ้นแทนการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารพาณิชย์ 1.6 พัฒนาตลาดพันธบัตรองค์กรส่วนท้องถิ่น เนื่องจากรัฐบาลกลางไม่มีอำนาจในการกำหนดกฎเกณฑ์และวิธีการออกพันธบัตรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สิ่งที่ควรกระทำคือ ผลักดัน การตรา พรบ. หลักประกันทางธุรกิจและ พรบ.นิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อรองรับการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะนำรายได้จากโครงการหรือภาษีท้องถิ่นในอนาคตมาค้ำประกันพันธบัตร ในขณะเดียวกันควรกำหนดกฎเกณฑ์ในการอนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศค้ำประกันพันธบัตรขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถระดมเงินทุนระยะยาวที่ สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังควรให้ความรู้ความเข้าใจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และนักลงทุนเกี่ยวกับการออก/ลงทุน ในพันธบัตรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1.7 ปรับปรุงระบบการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลและการใช้เป็นหลักประกัน ให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น และปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ให้สามารถใช้พันธบัตรรัฐบาลในรูป scripless เป็นหลักประกันได้มากขึ้น - ปรับปรุงระบบการประมูลแบบ Non-Competitive Bidding ให้นักลงทุนขนาดกลางถึงย่อย สามารถมีส่วนร่วมได้มากขึ้น - ปรับปรุงกฏระเบียบต่างๆ ให้สามารถใช้พันธบัตรรัฐบาลในรูป Scripless เป็นหลักประกันได้มากขึ้น อาทิ การค้ำประกันการประมูลงานของรัฐ การค้ำประกันสาธารณูปโภค แผนพัฒนาภายใต้กลยุทธ์ที่ 2 2.1 สนับสนุนและแก้ไขอุปสรรคการทำ Securitization โดย - ออกกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทำ Securitization ให้ผู้ออกสามารถนำสิทธิต่างๆ อาทิ รายได้ในอนาคตมาแปลงเป็นตราสารได้อย่างคล่องตัว และมีข้อกำหนดทางกฎหมายของผู้ครองสิทธิที่ถูกแปลงสภาพอย่างชัดเจน - เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในการระดมทุนและลงทุนผ่าน Securitization อย่างกว้างขวาง - กำหนด Guideline ที่ชัดเจนที่รัฐบาลไทยจะอนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศทำ Credit Guarantee ให้แก่ตราสารหนี้ของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศสามารถคิดหาวิธีการที่จะกำหนดรูปแบบของพันธบัตรรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีโครงสร้างที่ ผสมผสานระหว่างการนำรายได้ในอนาคตมาทำ Securitization กับการทำ Credit Guarantee โดยสถาบันการเงินระหว่างประเทศ 2.2 พัฒนาตลาด Bond Futures เพื่อสร้างเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ - พัฒนา Bond Futures - พัฒนา T-bill Futures - ออกพันธบัตรและตั๋วเงินคลัง ซึ่งเป็น Underlying อย่างสม่ำเสมอและในปริมาณที่เพียงพอ - พัฒนาระบบส่งมอบและชำระราคา ระบบการ Call Margin ที่รวมศูนย์ - เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนในตลาด Future อย่างกว้างขวาง 2.3 ประสานงานกับกรมสรรพากรเพื่อแก้ปัญหาภาษีที่เกี่ยวข้อง 2.4 ผลักดันการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ - พรบ. หลักทรัพย์ เรื่อง Multi-tier และ Scripless Pledging - พรบ. หลักทรัพย์ เรื่อง In-kind subscription ของ ETF (Exchange Traded Fund) - พรบ.หลักประกันทางธุรกิจ และพรบ.นิติบุคคลเฉพาะกิจให้สามารถนำรายได้ในอนาคตมาทำ Securitization ได้ 2.5 สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาในด้านบริการการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยมีเป้าหมายคือ การพัฒนาให้บริการการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค แผนพัฒนาภายใต้กลยุทธ์ที่ 3 3.1 พัฒนาตลาด Private Repo เพื่อเป็นเครื่องมือบริหารสภาพคล่องในตลาดรองตลาดตราสารหนี้ โดย - ผลักดันให้ผู้ร่วมตลาดลงนามในสัญญามาตรฐานเพื่อทำธุรกรรม Private Repo ในวงกว้าง - จัดอบรมให้ความรู้กับผู้ร่วมตลาดในการทำธุรกรรม Private Repo - เพิ่มผู้เล่นและสภาพคล่องในตลาด Private Repo - ลดบทบาทตลาดซื้อคืน ธปท. เพื่อกระตุ้นให้ทำธุรกรรมกู้ยืมผ่านตลาด Private Repo มากขึ้น 3.2 ปรับปรุงระบบ Primary Dealers (PDs)เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Market Makers ในตลาดรองตลาดตราสารหนี้ 3.3 เพิ่มผู้เล่นในตลาดรองตราสารหนี้ โดย - พิจารณาแนวทางการเพิ่มประเภทนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนต่างประเทศ - แก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนในตลาดรองของนักลงทุนประเภทต่างๆ 3.4 พัฒนาตลาดอนุพันธ์ด้านอัตราดอกเบี้ย (OTC Interest Rate Derivative) เพื่อให้ผู้เล่นในตลาดตราสารหนี้มีเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ โดย - พัฒนาอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้น (BIBOR) เพื่อใช้อ้างอิงในการทำธุรกรรมอนุพันธ์ - จัดให้มีมาตรฐานในการบันทึกบัญชีและการจัดเก็บภาษีสำหรับธุรกรรมอนุพันธ์ - ศึกษาแนวทางการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดอนุพันธ์ - จัดอบรมให้ความรู้ผู้ร่วมตลาดอนุพันธ์ 3.5 พัฒนา Central Clearing and Settlement (C&S) และ Central Depository โดย 3.5.1 เตรียมการจัดตั้ง Central Securities Depository (CSD) และ Central Clearing & Settlement (ที่จะเรียกต่อไปว่า Thai-Clear ) เนื่องจากในปัจจุบันการส่งมอบและชำระราคา (Clearing & Settlement) และการรับฝากหลักทรัพย์ (Depository) ตราสารหนี้ยังอยู่ในสภาพที่กระจัดกระจาย โดยตราสารหนี้ภาครัฐทั้งหมดจะดำเนินการที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตราสารหนี้ภาคเอกชนบางส่วนดำเนินการที่ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ จึงเห็นควรผลักดันให้เกิด Central Depository สำหรับตราสารหนี้ ที่มีแนวทางการทำ Settlement และบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และมีการประสานงานเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบงานที่เกี่ยวข้อง เช่น นายทะเบียน การทำ Settlement และการดำเนินการด้าน Open Market Operation ของ ธปท. รวมทั้งการกำหนดมาตรการสนับสนุนให้มีนำตราสารหนี้ภาคเอกชนและอื่นๆ มาฝากไว้ที่ Central Depository 3.5.2 ศึกษาความเป็นไปได้ของการทำ Cross-border Delivery Versus Payment เพื่อสนับสนุนการพัฒนา Asian bond market 3.6 ผลักดันการจัดตั้งกองทุนพันธบัตรเอเชีย 2 (Asian Bond Fund 2 - ABF2) เพื่อผลักดันให้เกิดความสนใจในตลาดตราสารหนี้ในเอเชีย สร้างอุปสงค์กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในตราสารหนี้เอเซียซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทางด้านอุปทานและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของตลาดตราสารหนี้และตลาดการเงินในภาพรวม อีกทั้งเป็นการแสดงออกถึงความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค แผนพัฒนาภายใต้กลยุทธ์ที่ 4 4.1 สนับสนุน Thai BDC ให้เป็นองค์กรกำกับดูแลสมาชิกที่เข้มแข็ง จากที่ในปัจจุบัน Thai BDC มีบทบาทหลักในการเป็นศูนย์ข้อมูลตลาดตราสารหนี้ไทย และกำหนดมาตรฐานและจรรยาบรรณในการซื้อขายตราสารหนี้ เห็นควรเพิ่มบทบาทในการ - Monitor ภาวะการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ - ตรวจสอบการซื้อขายที่ผิดปกติและรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ - Enforce ให้สมาชิกทำตามกฎหมายและจรรยาบรรณตามที่ ก.ล.ต. มอบอำนาจให้ 4.2 เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ไทยให้กับต่างชาติ โดย - จัดทำ Road Show อย่างสม่ำเสมอ - ร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างประเทศในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ไทย - จัดทำ Website เกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ไทยที่มีข้อมูลที่รวมศูนย์อยู่ในที่เดียวกัน - สร้าง Information Network ในภูมิภาค 4.3 ร่วมมือกับสถานศึกษาและองค์กรภาคเอกชนในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ โดย - ร่วมมือกับสถานศึกษาในการจัดทำแบบเรียน และจัดหลักสูตรเกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ในทุกระดับการศึกษา - ร่วมมือกับภาคเอกชนจัดสัมมนาเกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ให้กับ Target Groups อาทิ มูลนิธิ สหกรณ์ องค์กรการกุศล มหาวิทยาลัย รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไป - สนับสนุนด้านเงินทุนผ่าน Thai BDC หรือ Asain Bond Development Secretariat ในการทำวิจัย จะจัดทำบทความด้านวิชาการเกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ไทยออกเผยแพร่ - เชื่อมโยงสถานศึกษาไทยเข้ากับองค์กรต่างประเทศ เพื่อพัฒนานักออกแบบผลิตภัณฑ์ในระดับสูงเช่น Structure Note ที่สลับซับซ้อนในตลาดตราสารหนี้ไทย 4.4 พัฒนา Trader นักวิเคราะห์ และนักออกแบบผลิตภัณฑ์ในตลาดตราสารหนี้ โดย - ร่วมมือกับองค์กรภาคเอกชน สถานศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ในการผลิตและจัดอบรมเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ Trader และนักวิเคราะห์ - กำหนดมาตรฐานและระบบ ซึ่งจะกระตุ้นให้ Trader และนักวิเคราะห์ดำรงไว้ซึ่งมาตรฐานและจรรยาบรรณ และพัฒนาความรู้ความสามารถอยู่เสมอ - เชื่อมโยงกับองค์กรต่างประเทศในการพัฒนานักออกแบบผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ที่ซับซ้อน 4.5 สนับสนุนให้เกิด Good Governance ในตลาดตราสารหนี้ โดย - กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ บังคับให้เกิด Good Governance ทั้งในระดับผู้กู้นักลงทุน Trader, Underwriter และ Investment Banker ซึ่งเป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ - ประกาศเกียรติคุณให้แก่ ผู้ที่มี Good Governance กลไกการดำเนินการ 1. จัดตั้ง Steering Committee โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน มี ปลัดกระทรวงการคลังเป็นรองประธานฯ มีอธิบดีกรมสรรพากร ผู้อำนวยการ สศค. ผู้ว่าการ ธปท. เลขาธิการ ก.ล.ต. กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรรมการผู้จัดการศูนย์-ซื้อขายตราสารหนี้ไทย และผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน เป็นกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานบริหาร หนี้สาธารณะ เป็นกรรมการและเลขานุการ 2. จัดตั้งคณะทำงานภายใต้แผนงาน รวม 5 คณะ ได้แก่ 2.1 คณะทำงานพัฒนาตลาดแรก มีผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นประธาน 2.2 คณะทำงานส่งเสริมการระดมทุนและลงทุน มีเลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นประธาน 2.3 คณะทำงานพัฒนาตลาดรอง มีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธาน 2.4 คณะทำงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สารสนเทศ และทรัพยากรมนุษย์ มีกรรมการผู้จัดการศูนย์ซื้อขายตราสารหนี้ไทย เป็นประธาน 2.5 คณะทำงานด้านภาษี มีอธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธาน 3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการให้คณะทำงานทั้ง 5 คณะ จัดทำแผนปฏิบัติงานระยะ 1 ปี ทั้งนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะจัดให้มีการประฃุมเพื่อรับความเห็นจากผู้ร่วมตลาดในแผนพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ฉบับที่ 2 ซึ่งรวมถึงแผนปฏิบัติงาน ในวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2547 เพื่อให้การดำเนินงานภายใต้แผนดังกล่าวมีความเป็นรูปธรรม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ