วันนี้คณะกรรมการกำกับการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ได้ให้ความเห็นชอบโครงการปรับปรุงตลาดตราสารหนี้ของประเทศไทยครั้งใหญ่ เพื่อรองรับการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย ซึ่งขั้นตอนดำเนินการประกอบด้วยการรวมตลาดตราสารหนี้ของศูนย์ซื้อขายตราสารหนี้ไทย (ThaiBDC) เข้ากับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การปรับปรุงระบบเคลียริ่ง การพัฒนาระบบการยืมหลักทรัพย์ และการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการกำกับดูแลที่ดี
ภายใต้โครงการดังกล่าวในด้านระบบการซื้อขายตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะรับซื้อระบบการซื้อขายตราสารหนี้ (Electronic Trading Platform) จาก ThaiBDC
สำหรับงานด้านเคลียริ่ง ตราสารหนี้ทั้งหมดจะย้ายมารวมศูนย์ที่บริษัท ศูนย์รับฝาก-หลักทรัพย์ (แห่งประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างให้เกิดระบบการยืมหลักทรัพย์ขึ้นในประเทศไทย และรองรับการบริหารความเสี่ยงในตลาดล่วงหน้า ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า นอกจากนี้ การปรับปรุงเช่นนี้จะทำให้ระบบเคลียริ่งของไทยพร้อมที่จะเชื่อมโยงกับต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย
ไม่ว่าการซื้อขายตราสารหนี้เกิดที่ใด จะมีการเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายให้ทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้ ThaiBDC จะยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานด้านการตลาดเกี่ยวกับตราสารหนี้ ตลอดจนรวบรวมความคิดเห็นของผู้ร่วมตลาดมาเสนอทางการต่อไป
โครงการปรับปรุงดังกล่าวจะทำให้เกิดประโยชน์ ดังนี้
1. ตลาดตราสารหนี้จะมีสภาพคล่องมากขึ้น
2. ผู้ร่วมตลาดจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้สะดวกขึ้น
3. ระบบเคลียริ่งจะเป็นมาตรฐานสากลและพร้อมรองรับการเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ
4. เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลตลาด และ
5. มีการพัฒนาวิธีปฏิบัติด้านการค้าขายตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง
การดำเนินการตามข้างต้นจะให้แล้วเสร็จภายในกลางปี 2548
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 106/2547 23ธันวาคม 2547--
ภายใต้โครงการดังกล่าวในด้านระบบการซื้อขายตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะรับซื้อระบบการซื้อขายตราสารหนี้ (Electronic Trading Platform) จาก ThaiBDC
สำหรับงานด้านเคลียริ่ง ตราสารหนี้ทั้งหมดจะย้ายมารวมศูนย์ที่บริษัท ศูนย์รับฝาก-หลักทรัพย์ (แห่งประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างให้เกิดระบบการยืมหลักทรัพย์ขึ้นในประเทศไทย และรองรับการบริหารความเสี่ยงในตลาดล่วงหน้า ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า นอกจากนี้ การปรับปรุงเช่นนี้จะทำให้ระบบเคลียริ่งของไทยพร้อมที่จะเชื่อมโยงกับต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย
ไม่ว่าการซื้อขายตราสารหนี้เกิดที่ใด จะมีการเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายให้ทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้ ThaiBDC จะยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานด้านการตลาดเกี่ยวกับตราสารหนี้ ตลอดจนรวบรวมความคิดเห็นของผู้ร่วมตลาดมาเสนอทางการต่อไป
โครงการปรับปรุงดังกล่าวจะทำให้เกิดประโยชน์ ดังนี้
1. ตลาดตราสารหนี้จะมีสภาพคล่องมากขึ้น
2. ผู้ร่วมตลาดจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้สะดวกขึ้น
3. ระบบเคลียริ่งจะเป็นมาตรฐานสากลและพร้อมรองรับการเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ
4. เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลตลาด และ
5. มีการพัฒนาวิธีปฏิบัติด้านการค้าขายตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง
การดำเนินการตามข้างต้นจะให้แล้วเสร็จภายในกลางปี 2548
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 106/2547 23ธันวาคม 2547--