สถานการณ์ปัจจุบัน จากภาวะเศรษฐกิจผันผวนในปัจจุบันส่งผลให้ธุรกิจยานพาหนะประสบปัญหาอย่างหนักต่อการผลิตและการจำหน่ายลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากกำลังซื้อภายในประเทศ ลดลงมีผลให้บริษัทแม่ในต่างประเทศต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้านการเพิ่มทุน การส่งออกจึงเป็น แนวทางหนึ่งที่หลายบริษัทหันมาขยายการส่งออกมากขึ้น เพื่อทดแทนตลาดในประเทศที่ตกต่ำ รถยนต์ที่ส่งออกส่วนใหญ่ ได้แก่ มิตซูบิชิ โตโยต้า ฮอนด้าและอีซูซุ เป็นต้น
การส่งออกยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มกราคม - มิถุนายน ปี 2541 มีมูลค่า 31,478.4 ล้านบาท เทียบกับ 17,936.4 ล้านบาทของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.5 เมื่อคิดเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ มีมูลค่า 726.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 695.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5
ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ส่งออก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ร้อยละ 70.0 รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ร้อยละ 17.6 อื่น ๆ ร้อยละ 12.4
ตลาดส่งออกยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 14.5 เวียดนามร้อยละ 10.1 ญี่ปุ่นร้อยละ 9.6 ทั้งสามตลาดนี้มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 34.2 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 65.8 เป็นการส่งออกไปตลาดอื่น ๆ
เป้าหมายการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 1,750.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะนี้มูลค่าการส่งออกในช่วง มกราคม - มิถุนายน มีมูลค่า 726.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 41.5 ของเป้าหมายการส่งออก จึงคาดว่าตลอดทั้งปีจะสามารถส่งออกได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายการส่งออก
ภาวะการส่งออกยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
การผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญต่อการพัฒนา เนื่องจากมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ปัจจุบันต้นทุนการผลิตยานยนต์ในประเทศที่พัฒนาโดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เกาหลีใต้ ต่างเล็งเห็นถึงการลดต้นทุนการผลิตโดยการลดการผลิตในประเทศแม่และขยายการผลิตไปยังประเทศที่มีภาระต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าขึ้น ภูมิภาคที่ผู้ผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบต่างเห็นพ้องต้องกันในการตั้งฐานการผลิตนอกประเทศแม่ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย อินเดียและจีน เป็นต้น
การผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนและร่วมลงทุนจากชาวต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น ดำเนินการผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งตลาดภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ
การผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบในประเทศไทยปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลงนับ ตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นระบบลอยตัว วิกฤตการณ์เกี่ยวกับบริษัทไฟแนนซ์ 56 แห่ง ที่ทางราชการสั่งปิด ตลอดจนการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10 การเพิ่มภาษีสรรพสามิตเป็นร้อยละ 5 เป็นต้น มีผลให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินและ ต้นทุนสูงขึ้น
ปริมาณการผลิตรถยนต์ของผู้ผลิต 14 บริษัทโดยทั่วไปมีกำลังการผลิตรวมกันประมาณ 886,800 คัน ต่อปี หรือ 73,900 คันต่อเดือน (ปี 2539) แต่ปัจจุบันพบว่ามีโรงงานประกอบ รถยนต์ขนาดใหญ่ได้ลดปริมาณการผลิตลงจึงส่งผลกระทบต่อพนักงาน และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนซึ่งขณะนี้ผู้ผลิตรายย่อยบางรายต้องลดการผลิตลงหรือปิดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ
การส่งออก ปัจจุบันการผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบในประเทศไทยมิได้เป็นเพียงเพื่อใช้ภายในประเทศแต่ยังมีการผลิตเพื่อส่งออกอีกด้วยและปัจจุบันปริมาณการส่งออกมี แนวโน้มสูงขึ้นเป็นลำดับโดยการส่งออกยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบในระยะที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวไม่สม่ำเสมอโดยในปี 2538 มีมูลค่าการส่งออก 27,760.6 ล้านบาท เทียบกับ 33,348.6 ล้านบาท ของปี 2537 ลดลงร้อยละ 16.8 ต่อมาปี 2539 มีมูลค่าการส่งออก 29,230.9 ล้านบาท เทียบกับปี 2538 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 และปี 2540 มีมูลค่าการส่งออก 48,419.6 ล้านบาท เทียบกับปี 2539 มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 65.6 ส่วนปี 2541 เดือนมกราคม - มิถุนายน มีมูลค่าการส่งออก 31,478.4 ล้านบาท เทียบกับ 17,936.4 ล้านบาทของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกันขยายตัวร้อยละ 75.5
เมื่อพิจารณาถึงปริมาณการส่งออกยานพาหนะ พบว่ามีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ โดยเฉพาะรถแวนและปิกอัพ และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 339.6 และ 711.0 ตามลำดับ ส่วนรถยนต์นั่งและจักรยานเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 และ 11.0 ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าขณะนี้ผู้ผลิต ผู้ส่งออกหันมาให้ความสำคัญต่อการขยายตลาดการส่งออกมากขึ้น
ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ส่งออก มกราคม - มิถุนายน 2541 ประกอบด้วย
1. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ร้อยละ 70.0
2. จักรยานยนต์และส่วนประกอบ ร้อยละ 17.6
3. รถจักรยานและส่วนประกอบ ร้อยละ 3.0
4. เครื่องยนต์สันดาปภายในลูกสูบ และส่วนประกอบ ร้อยละ 7.0
5. เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับจุดระเบิด เครื่องยนต์และส่วนประกอบ ร้อยละ 2.4
ปริมาณการส่งออก
ปริมาณ ม.ค.-มิ.ย. 2540 ม.ค.-มิ.ย. 2541 อัตราการขยายตัวร้อยละ
1. รถยนต์นั่ง (คัน) 2,946 3,547 20.4
2. รถแวนและปิกอัพ (คัน) 14,440 63,481 339.6
3. รถจักรยานยนต์ (คัน) 67,863 550,370 711.0
4. รถจักรยาน (คัน) 166,313 184,608 11.0
ที่มา: ศูนย์สถิติการพาณิชย์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมเศรษฐกิจ
หมายเหตุ: ปี 2541 เป็นตัวเลขเบื้องต้น
เป้าหมายการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้ายานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ปี 2541 ไว้ที่มูลค่า 1,750.0 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกเดือนมกราคม - มิถุนายน 2541 มีมูลค่า 726.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.5 ของเป้าหมายการ ส่งออกทั้งปี จึงคาดว่าตลอดทั้งปีจะสามารถส่งออกได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายการส่งออก
ตลาดส่งออก ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่สำคัญ 10 อันดับแรก มกราคม - มิถุนายน 2541 มีสัดส่วนรวมกันประมาณร้อยละ 64.6 และมีตลาดที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น สูงเกินกว่าร้อยละ 100 มี 4 ตลาด คือ เวียดนาม ญี่ปุ่น โปรตุเกส และลาว โดยมีอัตราการขยายตัว ร้อยละ 131.9 174.7 141.0 และ 138.5 ตามลำดับ
ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและการขาดสภาพคล่องทางการเงินได้ส่งผลกระทบต่อ อุตสาหกรรมยานพาหนะโดยตรง เนื่องจากปริมาณความต้องการยานพาหนะภายในประเทศลดลงโดยคาดว่าในปี 2541 รถยนต์จะลดลงประมาณร้อยละ 50-70 และจักรยานยนต์จะลดลงประมาณร้อยละ 40-60 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ จำเป็นต้องลดกำลังการผลิตลง ซึ่งผู้ผลิตบางรายจำเป็นต้องลดพนักงานลงเป็นบางส่วนหรือปิดกิจการเป็นการชั่วคราว
แนวทางการแก้ไข เพื่อให้อุตสาหกรรมยานพาหนะสามารถดำรงอยู่ได้ จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ขณะนี้คือ
- การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและอัตราดอกเบี้ยสูง
- กระตุ้นและส่งเสริมการส่งออกให้มากขึ้น
- ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ทั้งระบบเพื่อให้สินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐานรวมทั้งการพัฒนารูปแบบให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกเพื่อการขยายตลาด การส่งออกให้กว้างขวางยิ่งขึ้นในอนาคต
ข้อคิดเห็น
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการส่งออกยานพาหนะทั้งในรูปปริมาณและมูลค่ามีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตส่งออกได้หันมาให้ความสำคัญต่อการส่งออกมากขึ้นในขณะที่ตลาดภายในประเทศลดลงกว่าร้อยละ 40 ดังนั้นคาดว่ากว่าอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนจะฟื้นตัวได้อีกครั้งคงจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 1-3 ปี ตามสถานภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งประสบภาวะวิกฤตและกำลังฟื้นฟูอยู่ในขณะนี้
--กรมส่งเสริมการส่งออก กันยายน 2541--
การส่งออกยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มกราคม - มิถุนายน ปี 2541 มีมูลค่า 31,478.4 ล้านบาท เทียบกับ 17,936.4 ล้านบาทของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.5 เมื่อคิดเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ มีมูลค่า 726.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 695.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5
ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ส่งออก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ร้อยละ 70.0 รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ร้อยละ 17.6 อื่น ๆ ร้อยละ 12.4
ตลาดส่งออกยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 14.5 เวียดนามร้อยละ 10.1 ญี่ปุ่นร้อยละ 9.6 ทั้งสามตลาดนี้มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 34.2 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 65.8 เป็นการส่งออกไปตลาดอื่น ๆ
เป้าหมายการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 1,750.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะนี้มูลค่าการส่งออกในช่วง มกราคม - มิถุนายน มีมูลค่า 726.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 41.5 ของเป้าหมายการส่งออก จึงคาดว่าตลอดทั้งปีจะสามารถส่งออกได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายการส่งออก
ภาวะการส่งออกยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
การผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญต่อการพัฒนา เนื่องจากมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ปัจจุบันต้นทุนการผลิตยานยนต์ในประเทศที่พัฒนาโดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เกาหลีใต้ ต่างเล็งเห็นถึงการลดต้นทุนการผลิตโดยการลดการผลิตในประเทศแม่และขยายการผลิตไปยังประเทศที่มีภาระต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าขึ้น ภูมิภาคที่ผู้ผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบต่างเห็นพ้องต้องกันในการตั้งฐานการผลิตนอกประเทศแม่ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย อินเดียและจีน เป็นต้น
การผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนและร่วมลงทุนจากชาวต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น ดำเนินการผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งตลาดภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ
การผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบในประเทศไทยปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลงนับ ตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นระบบลอยตัว วิกฤตการณ์เกี่ยวกับบริษัทไฟแนนซ์ 56 แห่ง ที่ทางราชการสั่งปิด ตลอดจนการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10 การเพิ่มภาษีสรรพสามิตเป็นร้อยละ 5 เป็นต้น มีผลให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินและ ต้นทุนสูงขึ้น
ปริมาณการผลิตรถยนต์ของผู้ผลิต 14 บริษัทโดยทั่วไปมีกำลังการผลิตรวมกันประมาณ 886,800 คัน ต่อปี หรือ 73,900 คันต่อเดือน (ปี 2539) แต่ปัจจุบันพบว่ามีโรงงานประกอบ รถยนต์ขนาดใหญ่ได้ลดปริมาณการผลิตลงจึงส่งผลกระทบต่อพนักงาน และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนซึ่งขณะนี้ผู้ผลิตรายย่อยบางรายต้องลดการผลิตลงหรือปิดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ
การส่งออก ปัจจุบันการผลิตยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบในประเทศไทยมิได้เป็นเพียงเพื่อใช้ภายในประเทศแต่ยังมีการผลิตเพื่อส่งออกอีกด้วยและปัจจุบันปริมาณการส่งออกมี แนวโน้มสูงขึ้นเป็นลำดับโดยการส่งออกยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบในระยะที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวไม่สม่ำเสมอโดยในปี 2538 มีมูลค่าการส่งออก 27,760.6 ล้านบาท เทียบกับ 33,348.6 ล้านบาท ของปี 2537 ลดลงร้อยละ 16.8 ต่อมาปี 2539 มีมูลค่าการส่งออก 29,230.9 ล้านบาท เทียบกับปี 2538 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 และปี 2540 มีมูลค่าการส่งออก 48,419.6 ล้านบาท เทียบกับปี 2539 มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 65.6 ส่วนปี 2541 เดือนมกราคม - มิถุนายน มีมูลค่าการส่งออก 31,478.4 ล้านบาท เทียบกับ 17,936.4 ล้านบาทของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกันขยายตัวร้อยละ 75.5
เมื่อพิจารณาถึงปริมาณการส่งออกยานพาหนะ พบว่ามีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ โดยเฉพาะรถแวนและปิกอัพ และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 339.6 และ 711.0 ตามลำดับ ส่วนรถยนต์นั่งและจักรยานเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 และ 11.0 ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าขณะนี้ผู้ผลิต ผู้ส่งออกหันมาให้ความสำคัญต่อการขยายตลาดการส่งออกมากขึ้น
ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ส่งออก มกราคม - มิถุนายน 2541 ประกอบด้วย
1. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ร้อยละ 70.0
2. จักรยานยนต์และส่วนประกอบ ร้อยละ 17.6
3. รถจักรยานและส่วนประกอบ ร้อยละ 3.0
4. เครื่องยนต์สันดาปภายในลูกสูบ และส่วนประกอบ ร้อยละ 7.0
5. เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับจุดระเบิด เครื่องยนต์และส่วนประกอบ ร้อยละ 2.4
ปริมาณการส่งออก
ปริมาณ ม.ค.-มิ.ย. 2540 ม.ค.-มิ.ย. 2541 อัตราการขยายตัวร้อยละ
1. รถยนต์นั่ง (คัน) 2,946 3,547 20.4
2. รถแวนและปิกอัพ (คัน) 14,440 63,481 339.6
3. รถจักรยานยนต์ (คัน) 67,863 550,370 711.0
4. รถจักรยาน (คัน) 166,313 184,608 11.0
ที่มา: ศูนย์สถิติการพาณิชย์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมเศรษฐกิจ
หมายเหตุ: ปี 2541 เป็นตัวเลขเบื้องต้น
เป้าหมายการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้ายานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ปี 2541 ไว้ที่มูลค่า 1,750.0 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกเดือนมกราคม - มิถุนายน 2541 มีมูลค่า 726.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.5 ของเป้าหมายการ ส่งออกทั้งปี จึงคาดว่าตลอดทั้งปีจะสามารถส่งออกได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายการส่งออก
ตลาดส่งออก ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่สำคัญ 10 อันดับแรก มกราคม - มิถุนายน 2541 มีสัดส่วนรวมกันประมาณร้อยละ 64.6 และมีตลาดที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น สูงเกินกว่าร้อยละ 100 มี 4 ตลาด คือ เวียดนาม ญี่ปุ่น โปรตุเกส และลาว โดยมีอัตราการขยายตัว ร้อยละ 131.9 174.7 141.0 และ 138.5 ตามลำดับ
ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและการขาดสภาพคล่องทางการเงินได้ส่งผลกระทบต่อ อุตสาหกรรมยานพาหนะโดยตรง เนื่องจากปริมาณความต้องการยานพาหนะภายในประเทศลดลงโดยคาดว่าในปี 2541 รถยนต์จะลดลงประมาณร้อยละ 50-70 และจักรยานยนต์จะลดลงประมาณร้อยละ 40-60 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ จำเป็นต้องลดกำลังการผลิตลง ซึ่งผู้ผลิตบางรายจำเป็นต้องลดพนักงานลงเป็นบางส่วนหรือปิดกิจการเป็นการชั่วคราว
แนวทางการแก้ไข เพื่อให้อุตสาหกรรมยานพาหนะสามารถดำรงอยู่ได้ จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ขณะนี้คือ
- การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและอัตราดอกเบี้ยสูง
- กระตุ้นและส่งเสริมการส่งออกให้มากขึ้น
- ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ทั้งระบบเพื่อให้สินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐานรวมทั้งการพัฒนารูปแบบให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกเพื่อการขยายตลาด การส่งออกให้กว้างขวางยิ่งขึ้นในอนาคต
ข้อคิดเห็น
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการส่งออกยานพาหนะทั้งในรูปปริมาณและมูลค่ามีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตส่งออกได้หันมาให้ความสำคัญต่อการส่งออกมากขึ้นในขณะที่ตลาดภายในประเทศลดลงกว่าร้อยละ 40 ดังนั้นคาดว่ากว่าอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนจะฟื้นตัวได้อีกครั้งคงจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 1-3 ปี ตามสถานภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งประสบภาวะวิกฤตและกำลังฟื้นฟูอยู่ในขณะนี้
--กรมส่งเสริมการส่งออก กันยายน 2541--