กรุงเทพ--6 พ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2541 ฯพณฯ ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางไปเยือนประเทศกรีซอย่างเป็นทางการ โดยเป็นแขกรับเชิญของรัฐบาลกรีซ นั้น การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนโดยคณะระดับรัฐมนตรีจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยครั้งแรก ในระยะเวลา 15 ปี
ในระหว่างการเยือน ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะ นาย Theodoros Pangalos รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซ และหารือข้อราชการกับนาย Yannos Kranidiotis รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งสรุปสาระสำคัญหารือ ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ไทย-กรีซ
ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนาย Pangalos มีความเห็นพ้องต้องกันว่า ความสัมพันธ์ไทย-กรีซเป็นไปโดยราบรื่นไมี่มีปัญหาระหว่างกัน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันอยู่เป็นประจำ ฝ่ายกรีซเห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรจะหาลู่ทางการกระชับความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ ให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจ และการค้า กรีซเห็นว่าการค้าระหว่างไทยกับกรีซยังมีปริมาณไม่มากนัก และกรีซเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้าตลอดมา ทั้งสองฝ่ายควรหาลู่ทางเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกัน
2. กรีซสนับสนุนมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ Pangalos แสดงความชื่นชมต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขวิกฤติการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ไทยกำลังประสบอยู่ และขอเอาใจช่วยรัฐบาลไทยให้ประสบความสำเร็จ กรีซเห็นว่าสหภาพยุโรปควรจะช่วยเหลือประเทศไทยมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ในเดือนมีนาคม 2542 จะมีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ASEM ที่กรุงเบอร์ลิน สหภาพยุโรปควรใช้โอกาสนี้หารือมาตรการที่จะช่วยเหลือเพิ่มเติม ในการนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ขอบคุณกรีซที่ได้ให้ความสนับสนุนด้านการเงินแก่ไทยผ่าน IMF และชี้แจงกรณีการดำเนินการของไทยในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการเงินให้ทราบ
3. การสมัครตำแหน่งผู้อำนวยการ WTO ของ ฯพณฯ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นาย Kranidiotis รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซแจ้งให้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศทราบว่า กรีซยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องผู้สมัครผู้อำนวยการ WTO และจะแจ้งผลให้ทราบในไม่ช้า กรีซได้รับการขอเสียงสนับสนุนจากโมร็อกโคด้วยเช่นกัน หน่วยงานของกรีซที่รับผิดชอบเรื่องนี้คือ กระทรวง National Economy
4. การพิจารณาให้สิทธิด้านศุลกากร (GSP) แก่สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทย
ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ขอให้ฝ่ายกรีซพิจารณาให้การสนับสนุนต่อคำขอของไทยให้สหภาพยุโรปใช้ตัวเลขเศรษฐกิจของปี 2540 เป็นพื้นฐาานในการพิจารณาให้สิทธิพิเศษด้านศุลกากร (GSP) แก่สินค้าไทยสำหรับโครงการ GSP ของปี 2542-2544 เนื่องจากตัวเลขปี 2540 สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงในปัจจุบันของไทยและหวังว่าการพิจารณาครั้งนี้จะมีผลให้ไทยได้รับ GSP ที่ถูกตัดไปแล้วกลับคืนมาบ้าง ทั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันด้วย ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายกรีซรับที่จะแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป5.ความร่วมมือด้านการขนส่งทางเรือไทย-กรีซ
ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ฝ่ายกรีซทราบว่า ตามที่กรีซได้ส่งร่าง ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล ( Agreement on Cooperation on Maritime Transportion ) นั้น ขณะนี้ส่วนราชการไทยที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาอยู่ รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการขนส่งทางเรือและให้ความสำคัญต่อกรีซมาก เพราะกรีซมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก ซึ่งหากมีความตกลงระหว่างกันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
6. ความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซแจ้งให้ทราบว่า กรีซไม่มีข้อขัดข้องต่อข้อเสนอของไทยในการทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างไทยกับกรีซ
7.ความตกลงทวิภาคไทย-กรีซ
ฯ พณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายกรีซมีความเห็นพ้องต้องกันว่าเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ไทย-กรีซ และส่งเสริมความร่วมมือด้านเเศรษฐกิจระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดให้มีการจัดทำและลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนของไทย-กรีซ ความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และวิชาการ โดยเร็ว
8. ความร่วมมือไทย-กรีซในเวทีระหว่างประเทศฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่ าการกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายกรีซเห็นพ้องต้องกันว่า ไทยกับกรีซควรจะร่วมมือและปรึกษาหารือกันในเวทีการเมืองระหว่างประเทศให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น แม้ว่าไทยและกรีซห่างไกลกัน แต่การหารือกันจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
9. บทบาทของกรีซในประเทศบอลข่านฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ฝ่ายกรีซทราบว่า ไทยมีความชื่นชมต่อบทบาทของกรีซในการช่วยแก้ไขข้อขัดแย้งในกลุ่มประเทศบอลข่าน ซึ่งประเทศในโลกกำลังติดตามด้วยความกังวล และหวังว่ากรีซจะคงบทบาทที่สำคัญนี้ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซได้แจ้งว่ากรีซมีส่วนร่วมในวงการเมืองบอลข่านมาตลอดเพราะกรีซเช่นเดียวกับไทยเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยมาเป็นเวลานาน และเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพในภูมิภาค ความสัมพันธ์กรีซกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปด้วนดี ประเทศเพื่อนบ้านของกรีซกำลังเริ่มก้าวแรกของประชาธิปไตย และกรีซเห็นว่าน่าจะจะช่วยสนับสนุนประเทศเหล่านี้ในการพัฒนาประชาธิปไตย
10. สถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซแจ้งว่ามีความสนใจต่อสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ซึ่งกรีซเห็นว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้สรุปพัฒนาการด้านการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคให้กรีซทราบ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
ตามที่ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2541 ฯพณฯ ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางไปเยือนประเทศกรีซอย่างเป็นทางการ โดยเป็นแขกรับเชิญของรัฐบาลกรีซ นั้น การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนโดยคณะระดับรัฐมนตรีจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยครั้งแรก ในระยะเวลา 15 ปี
ในระหว่างการเยือน ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะ นาย Theodoros Pangalos รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซ และหารือข้อราชการกับนาย Yannos Kranidiotis รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งสรุปสาระสำคัญหารือ ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ไทย-กรีซ
ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนาย Pangalos มีความเห็นพ้องต้องกันว่า ความสัมพันธ์ไทย-กรีซเป็นไปโดยราบรื่นไมี่มีปัญหาระหว่างกัน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันอยู่เป็นประจำ ฝ่ายกรีซเห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรจะหาลู่ทางการกระชับความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ ให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจ และการค้า กรีซเห็นว่าการค้าระหว่างไทยกับกรีซยังมีปริมาณไม่มากนัก และกรีซเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้าตลอดมา ทั้งสองฝ่ายควรหาลู่ทางเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกัน
2. กรีซสนับสนุนมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ Pangalos แสดงความชื่นชมต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขวิกฤติการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ไทยกำลังประสบอยู่ และขอเอาใจช่วยรัฐบาลไทยให้ประสบความสำเร็จ กรีซเห็นว่าสหภาพยุโรปควรจะช่วยเหลือประเทศไทยมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ในเดือนมีนาคม 2542 จะมีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ASEM ที่กรุงเบอร์ลิน สหภาพยุโรปควรใช้โอกาสนี้หารือมาตรการที่จะช่วยเหลือเพิ่มเติม ในการนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ขอบคุณกรีซที่ได้ให้ความสนับสนุนด้านการเงินแก่ไทยผ่าน IMF และชี้แจงกรณีการดำเนินการของไทยในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการเงินให้ทราบ
3. การสมัครตำแหน่งผู้อำนวยการ WTO ของ ฯพณฯ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นาย Kranidiotis รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซแจ้งให้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศทราบว่า กรีซยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องผู้สมัครผู้อำนวยการ WTO และจะแจ้งผลให้ทราบในไม่ช้า กรีซได้รับการขอเสียงสนับสนุนจากโมร็อกโคด้วยเช่นกัน หน่วยงานของกรีซที่รับผิดชอบเรื่องนี้คือ กระทรวง National Economy
4. การพิจารณาให้สิทธิด้านศุลกากร (GSP) แก่สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทย
ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ขอให้ฝ่ายกรีซพิจารณาให้การสนับสนุนต่อคำขอของไทยให้สหภาพยุโรปใช้ตัวเลขเศรษฐกิจของปี 2540 เป็นพื้นฐาานในการพิจารณาให้สิทธิพิเศษด้านศุลกากร (GSP) แก่สินค้าไทยสำหรับโครงการ GSP ของปี 2542-2544 เนื่องจากตัวเลขปี 2540 สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงในปัจจุบันของไทยและหวังว่าการพิจารณาครั้งนี้จะมีผลให้ไทยได้รับ GSP ที่ถูกตัดไปแล้วกลับคืนมาบ้าง ทั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันด้วย ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายกรีซรับที่จะแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป5.ความร่วมมือด้านการขนส่งทางเรือไทย-กรีซ
ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ฝ่ายกรีซทราบว่า ตามที่กรีซได้ส่งร่าง ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล ( Agreement on Cooperation on Maritime Transportion ) นั้น ขณะนี้ส่วนราชการไทยที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาอยู่ รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการขนส่งทางเรือและให้ความสำคัญต่อกรีซมาก เพราะกรีซมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก ซึ่งหากมีความตกลงระหว่างกันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
6. ความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซแจ้งให้ทราบว่า กรีซไม่มีข้อขัดข้องต่อข้อเสนอของไทยในการทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างไทยกับกรีซ
7.ความตกลงทวิภาคไทย-กรีซ
ฯ พณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายกรีซมีความเห็นพ้องต้องกันว่าเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ไทย-กรีซ และส่งเสริมความร่วมมือด้านเเศรษฐกิจระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดให้มีการจัดทำและลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนของไทย-กรีซ ความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และวิชาการ โดยเร็ว
8. ความร่วมมือไทย-กรีซในเวทีระหว่างประเทศฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่ าการกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายกรีซเห็นพ้องต้องกันว่า ไทยกับกรีซควรจะร่วมมือและปรึกษาหารือกันในเวทีการเมืองระหว่างประเทศให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น แม้ว่าไทยและกรีซห่างไกลกัน แต่การหารือกันจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
9. บทบาทของกรีซในประเทศบอลข่านฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ฝ่ายกรีซทราบว่า ไทยมีความชื่นชมต่อบทบาทของกรีซในการช่วยแก้ไขข้อขัดแย้งในกลุ่มประเทศบอลข่าน ซึ่งประเทศในโลกกำลังติดตามด้วยความกังวล และหวังว่ากรีซจะคงบทบาทที่สำคัญนี้ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซได้แจ้งว่ากรีซมีส่วนร่วมในวงการเมืองบอลข่านมาตลอดเพราะกรีซเช่นเดียวกับไทยเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยมาเป็นเวลานาน และเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพในภูมิภาค ความสัมพันธ์กรีซกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปด้วนดี ประเทศเพื่อนบ้านของกรีซกำลังเริ่มก้าวแรกของประชาธิปไตย และกรีซเห็นว่าน่าจะจะช่วยสนับสนุนประเทศเหล่านี้ในการพัฒนาประชาธิปไตย
10. สถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกรีซแจ้งว่ามีความสนใจต่อสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ซึ่งกรีซเห็นว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้สรุปพัฒนาการด้านการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคให้กรีซทราบ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--