กรุงเทพ--23 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน 2548) ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมเต็มคณะของเวทีการหารือ Asia-Middle East Dialogue (AMED) ครั้งที่ 1 ณ ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้หัวข้อ “บทบาทของวัฒนาธรรมและศาสนาในการพัฒนาประเทศ : มุมมองของเอเชียและตะวันออกกลาง” โดยได้เน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างทั้งสองภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ทางวัฒนธรรมและศาสนา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาประเทศ
หลังจากนั้น ดร.กันตธีร์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า AMED เป็นอีกเวทีหนึ่งที่จะเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันจะช่วยสร้างความเข้าใจระหว่างภูมิภาค นอกเหนือไปจากเวทีความร่วมมือเอเชีย หรือ Asia Cooperation Dialogue (ACD) ที่ริเริ่มโดยไทยและมีผลเป็นที่น่าพอใจ AMED จะช่วยสร้างความเข้าใจและความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาร่วมกัน ทั้งนี้ ไทยเห็นว่า AMED จะเป็นส่วนเสริม ACD และการขยายความร่วมมือไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาก็เป็นไปตามนโยบายมองตะวันตก (Look West) ของรัฐบาล นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศต่างๆ ไทยจะเป็นประธานการประชุม AMED ครั้งที่ 3 ในอีก 4 ปีข้างหน้า ต่อจากอียิปต์ด้วย
ดร.กันตธีร์ ได้กล่าวด้วยว่าได้พบกับนาย Teo Chee Hean รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ โดยได้หารือกันเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคและความร่วมมือในช่องแคบมะละกา ตลอดจนบทบาทของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ในโอกาสนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับบทบาทของประเทศมุสลิมสายกลางที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในการช่วยกันต่อต้านการก่อการร้ายด้วย
ดร.กันตธีร์ฯ ได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับข้อเสนอของนายวัน กาดีร์ เจ๊ะมัน ประธานกลุ่มเบอร์ซาตูในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่ารัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอต่างๆ เพื่อพิจารณาหาแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลได้พิจารณาข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างจริงจังมาโดยตลอด แต่กลุ่มที่ก่อความไม่สงบนั้น ได้ใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างในการสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้น และได้ย้ำว่าปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาภายในของไทยที่มีสาเหตุหลายประการ ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องแยกแยะปัญหาเพื่อหาทางแก้ไขที่ดีที่สุดในแต่ละปัญหาต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน 2548) ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมเต็มคณะของเวทีการหารือ Asia-Middle East Dialogue (AMED) ครั้งที่ 1 ณ ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้หัวข้อ “บทบาทของวัฒนาธรรมและศาสนาในการพัฒนาประเทศ : มุมมองของเอเชียและตะวันออกกลาง” โดยได้เน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างทั้งสองภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ทางวัฒนธรรมและศาสนา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาประเทศ
หลังจากนั้น ดร.กันตธีร์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า AMED เป็นอีกเวทีหนึ่งที่จะเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันจะช่วยสร้างความเข้าใจระหว่างภูมิภาค นอกเหนือไปจากเวทีความร่วมมือเอเชีย หรือ Asia Cooperation Dialogue (ACD) ที่ริเริ่มโดยไทยและมีผลเป็นที่น่าพอใจ AMED จะช่วยสร้างความเข้าใจและความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาร่วมกัน ทั้งนี้ ไทยเห็นว่า AMED จะเป็นส่วนเสริม ACD และการขยายความร่วมมือไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาก็เป็นไปตามนโยบายมองตะวันตก (Look West) ของรัฐบาล นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศต่างๆ ไทยจะเป็นประธานการประชุม AMED ครั้งที่ 3 ในอีก 4 ปีข้างหน้า ต่อจากอียิปต์ด้วย
ดร.กันตธีร์ ได้กล่าวด้วยว่าได้พบกับนาย Teo Chee Hean รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ โดยได้หารือกันเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคและความร่วมมือในช่องแคบมะละกา ตลอดจนบทบาทของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ในโอกาสนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับบทบาทของประเทศมุสลิมสายกลางที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในการช่วยกันต่อต้านการก่อการร้ายด้วย
ดร.กันตธีร์ฯ ได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับข้อเสนอของนายวัน กาดีร์ เจ๊ะมัน ประธานกลุ่มเบอร์ซาตูในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่ารัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอต่างๆ เพื่อพิจารณาหาแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลได้พิจารณาข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างจริงจังมาโดยตลอด แต่กลุ่มที่ก่อความไม่สงบนั้น ได้ใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างในการสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้น และได้ย้ำว่าปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาภายในของไทยที่มีสาเหตุหลายประการ ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องแยกแยะปัญหาเพื่อหาทางแก้ไขที่ดีที่สุดในแต่ละปัญหาต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-