แท็ก
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับที่ 39/2541
เรื่อง กระบวนการดำเนินคดีกับบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอชี้แจงกระบวนการดำเนินคดีทางกฎหมายกับบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ถูกระงับดำเนินการ 56 บริษัท ดังนี้
1. เดิมกระบวนการดำเนินคดีกับสถาบันการเงินที่มีความผิดนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเป็นปกติ และเมื่อตรวจสอบการปฏิบัติการต่าง ๆและฐานะการเงินเรียบร้อยแล้ว หากเห็นว่าอาจจะมีประเด็นความผิดจะส่งเรื่องให้กับฝ่ายกฎหมาย ที่มีสายต่าง ๆซึ่งสามารถดำเนินคดีกับสถาบันดังกล่าว
2. หากสายงานเห็นว่ามีความผิดจริง พร้อมที่จะดำเนินการกล่าวโทษก็จะดำเนินการกล่าวโทษไป และหากมีเอกสารหลักฐานไม่พอก็จะขอเอกสารหลักฐานกลับไปที่ฝ่ายตรวจสอบ
3. การดำเนินการข้างต้น ทำให้เรื่องล่าช้ามากเนื่องจากการดำเนินคดีจะไม่เริ่มจนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จและเมื่อกลับไปขอเอกสารหลักฐาน เจ้าหน้าที่ก็อาจจะได้ไปทำงานอื่นแล้วทำให้เรื่องล่าช้าต้องกลับไปเริ่มดำเนินการใหม่ตั้งแต่ต้นและก็ไม่ได้เป็นเรื่องในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบที่จะดำเนินคดีการดำเนินเรื่องจึงอาจไม่ได้รับการพิจารณาในช่วงเวลาที่เหมือนกับงานของตนเอง
ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้แก้ไขวิธีดำเนินการดังกล่าวในหลายด้านกล่าวคือ
1. ได้มีการแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ว่าการ รับผิดชอบทั้งการดำเนินคดีและงานกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยโดยทั่วไปโดยมีอำนาจดำเนินการกล่าวโทษและฟ้องร้องคดีเอง โดยทำการแทนผู้ว่าการ
2. ได้เสนอคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยจัดตั้งฝ่ายคดีในระดับความสำคัญเท่ากับงานอื่น ๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทยและได้มีการอนุมัติบรรจุแต่งตั้ง ผู้อำนวยการฝ่าย และผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายรวมทั้งอัตรากำลังพนักงานในฝ่าย 38 รายไปเรียบร้อยแล้วและกำลังที่จะเริ่มดำเนินการได้โดยในระหว่างนี้ยังอาศัยอัตรากำลังในฝ่ายกฎหมายอยู่
3. ได้ออกคำสั่ง วิธีการดำเนินการตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีใหม่โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ผู้ใดพบเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริงที่จะอาจเป็นความผิดให้แจ้งฝ่ายคดีให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมในการตรวจสอบเพื่อดำเนินงานส่วนของคดีโดยทันทีและไม่มีการรอให้ดำเนินการตรวจสอบแล้วเสร็จก่อน ตามเอกสารแนบหมายเลข 1
สำหรับงานที่ได้ดำเนินการและกล่าวโทษสำหรับ 56 บริษัทนั้น ได้ดำเนินการไปแล้วดังนี้
1. ในจำนวน 56 บริษัท ฝ่ายตรวจสอบบริษัทเงินทุนส่งเรื่องเข้ามาที่ฝ่ายกฎหมายจำนวน 14 บริษัท
2. ฝ่ายกฎหมายขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจากฝ่ายตรวจสอบบริษัทเงินทุนจำนวน 8บริษัท
3. เรื่องที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของฝ่ายกฎหมายจำนวน 1 บริษัท (รับเรื่อง 2ก.ค. 41)
4. ฝ่ายกฎหมายดำเนินการกล่าวโทษไปแล้วจำนวน 3 บริษัท(ยังไม่มีการฟ้องคดีต่อศาล)
5. ฝ่ายกฎหมายส่งเรื่องคืนฝ่ายตรวจสอบบริษัทเงินทุนจำนวน 2 บริษัท
ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย สายกิจการพิเศษได้ประชุมร่วมกับฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน ฝ่ายตรวจสอบบริษัทเงินทุนฝ่ายตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ และฝ่ายกฎหมาย แล้ว 2 ครั้ง โดยได้ตกลงดังต่อไปนี้
1. ให้ดำเนินการศึกษาเรื่องของทั้ง 56 บริษัทขึ้นใหม่
2. เรื่องที่ฝ่ายกฎหมายเห็นว่ามีความผิด และกำลังดำเนินอยู่ ให้ดำเนินต่อไป
3. เรื่องที่ฝ่ายกฎหมายเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอ และได้ระงับเรื่องไปให้ส่งให้ผู้ช่วยผู้ว่าการพิจารณาใหม่
4. ลำดับความสำคัญก่อนหลังของ 56 บริษัทโดยให้เริ่มจากบริษัทที่มีทรัพย์สินสูงที่สุดก่อนเนื่องจากการดำเนินคดีใช้กำลังคนไม่ต่างกันนักแต่บริษัทใหญ่จะได้ผลลัพธ์มากกว่า และสำคัญต่อเศรษฐกิจสังคมกว่า
จึงแถลงมาเพื่อทราบ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
3 กรกฎาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
เรื่อง กระบวนการดำเนินคดีกับบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอชี้แจงกระบวนการดำเนินคดีทางกฎหมายกับบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ถูกระงับดำเนินการ 56 บริษัท ดังนี้
1. เดิมกระบวนการดำเนินคดีกับสถาบันการเงินที่มีความผิดนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเป็นปกติ และเมื่อตรวจสอบการปฏิบัติการต่าง ๆและฐานะการเงินเรียบร้อยแล้ว หากเห็นว่าอาจจะมีประเด็นความผิดจะส่งเรื่องให้กับฝ่ายกฎหมาย ที่มีสายต่าง ๆซึ่งสามารถดำเนินคดีกับสถาบันดังกล่าว
2. หากสายงานเห็นว่ามีความผิดจริง พร้อมที่จะดำเนินการกล่าวโทษก็จะดำเนินการกล่าวโทษไป และหากมีเอกสารหลักฐานไม่พอก็จะขอเอกสารหลักฐานกลับไปที่ฝ่ายตรวจสอบ
3. การดำเนินการข้างต้น ทำให้เรื่องล่าช้ามากเนื่องจากการดำเนินคดีจะไม่เริ่มจนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จและเมื่อกลับไปขอเอกสารหลักฐาน เจ้าหน้าที่ก็อาจจะได้ไปทำงานอื่นแล้วทำให้เรื่องล่าช้าต้องกลับไปเริ่มดำเนินการใหม่ตั้งแต่ต้นและก็ไม่ได้เป็นเรื่องในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบที่จะดำเนินคดีการดำเนินเรื่องจึงอาจไม่ได้รับการพิจารณาในช่วงเวลาที่เหมือนกับงานของตนเอง
ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้แก้ไขวิธีดำเนินการดังกล่าวในหลายด้านกล่าวคือ
1. ได้มีการแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ว่าการ รับผิดชอบทั้งการดำเนินคดีและงานกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยโดยทั่วไปโดยมีอำนาจดำเนินการกล่าวโทษและฟ้องร้องคดีเอง โดยทำการแทนผู้ว่าการ
2. ได้เสนอคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยจัดตั้งฝ่ายคดีในระดับความสำคัญเท่ากับงานอื่น ๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทยและได้มีการอนุมัติบรรจุแต่งตั้ง ผู้อำนวยการฝ่าย และผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายรวมทั้งอัตรากำลังพนักงานในฝ่าย 38 รายไปเรียบร้อยแล้วและกำลังที่จะเริ่มดำเนินการได้โดยในระหว่างนี้ยังอาศัยอัตรากำลังในฝ่ายกฎหมายอยู่
3. ได้ออกคำสั่ง วิธีการดำเนินการตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีใหม่โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ผู้ใดพบเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริงที่จะอาจเป็นความผิดให้แจ้งฝ่ายคดีให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมในการตรวจสอบเพื่อดำเนินงานส่วนของคดีโดยทันทีและไม่มีการรอให้ดำเนินการตรวจสอบแล้วเสร็จก่อน ตามเอกสารแนบหมายเลข 1
สำหรับงานที่ได้ดำเนินการและกล่าวโทษสำหรับ 56 บริษัทนั้น ได้ดำเนินการไปแล้วดังนี้
1. ในจำนวน 56 บริษัท ฝ่ายตรวจสอบบริษัทเงินทุนส่งเรื่องเข้ามาที่ฝ่ายกฎหมายจำนวน 14 บริษัท
2. ฝ่ายกฎหมายขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจากฝ่ายตรวจสอบบริษัทเงินทุนจำนวน 8บริษัท
3. เรื่องที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของฝ่ายกฎหมายจำนวน 1 บริษัท (รับเรื่อง 2ก.ค. 41)
4. ฝ่ายกฎหมายดำเนินการกล่าวโทษไปแล้วจำนวน 3 บริษัท(ยังไม่มีการฟ้องคดีต่อศาล)
5. ฝ่ายกฎหมายส่งเรื่องคืนฝ่ายตรวจสอบบริษัทเงินทุนจำนวน 2 บริษัท
ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย สายกิจการพิเศษได้ประชุมร่วมกับฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน ฝ่ายตรวจสอบบริษัทเงินทุนฝ่ายตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ และฝ่ายกฎหมาย แล้ว 2 ครั้ง โดยได้ตกลงดังต่อไปนี้
1. ให้ดำเนินการศึกษาเรื่องของทั้ง 56 บริษัทขึ้นใหม่
2. เรื่องที่ฝ่ายกฎหมายเห็นว่ามีความผิด และกำลังดำเนินอยู่ ให้ดำเนินต่อไป
3. เรื่องที่ฝ่ายกฎหมายเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอ และได้ระงับเรื่องไปให้ส่งให้ผู้ช่วยผู้ว่าการพิจารณาใหม่
4. ลำดับความสำคัญก่อนหลังของ 56 บริษัทโดยให้เริ่มจากบริษัทที่มีทรัพย์สินสูงที่สุดก่อนเนื่องจากการดำเนินคดีใช้กำลังคนไม่ต่างกันนักแต่บริษัทใหญ่จะได้ผลลัพธ์มากกว่า และสำคัญต่อเศรษฐกิจสังคมกว่า
จึงแถลงมาเพื่อทราบ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
3 กรกฎาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--