แท็ก
บัญชี
ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
ฉบับที่ 57/2541
เรื่อง สถิติการหักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเดือนกรกฎาคม 2541
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมาแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมระหว่างธนาคารจะลดลงรวมทั้งสถาบันการเงินบางแห่งได้ผ่อนคลายความเข้มงวดในการให้เครดิตกับลูกค้าลงบ้างแล้วก็ตามแต่อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่คิดกับภาคธุรกิจยังไม่ลดลงมากนักผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของธุรกิจส่วนใหญ่มีผลขาดทุนและสถาบันการเงินหลายแห่งประกาศงดการจ่ายเงินปันผลส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปยังขาดสภาพคล่องทางการเงินอยู่และเมื่อพิจารณาทางด้านการใช้เช็คในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในเดือนกรกฎาคม 2541ธนาคารสมาชิกศูนย์หักบัญชีส่งเช็คเรียกเก็บจำนวนทั้งสิ้น 4,430,964 ฉบับเป็นจำนวนเงินรวม 6,553,733.11 ล้านบาทปริมาณเช็คเรียกเก็บในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 6.18แต่มูลค่าเช็คเรียกเก็บเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.25ซึ่งปริมาณการใช้เช็คในเดือนนี้ไม่แตกต่างจากเดือนที่ผ่านมามากนักพิจารณาจากปริมาณการเรียกเก็บเช็คโดยเฉลี่ยต่อวันทำการลดลงเล็กน้อย คือ จาก214,668 ฉบับต่อวันทำการในเดือนมิถุนายน เป็น 210,998ฉบับต่อวันทำการในเดือนนี้ขณะที่มูลค่าเช็คเรียกเก็บเฉลี่ยต่อวันทำการเพิ่มขึ้นจากวันละ 291,338 ล้านบาทเป็นวันละ 312,083 ล้านบาท แต่เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน(เดือนกรกฎาคม 2540) ปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บลดลงร้อยละ 22.47 และ 36.86ตามลำดับ
ปริมาณเช็คคืนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีจำนวนรวมทั้งสิ้น 208,676 ฉบับรวมมูลค่า 22,085.46 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.71 และ 0.34ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับสัดส่วนปริมาณเช็คคืนต่อปริมาณเช็คเรียกเก็บในเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ0.38 แต่สัดส่วนมูลค่าเช็คคืนต่อมูลค่าเช็คเรียกเก็บลดลงร้อยละ 0.01และทั้งสัดส่วนปริมาณและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีสัดส่วนปริมาณและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บอยู่ที่ร้อยละ 6.57 และ0.61 ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับ
จากปริมาณและมูลค่าเช็คคืนที่กล่าวข้างต้นส่วนหนึ่งเป็นเช็คคืนที่ถูกคืนเพราะไม่มีเงินหรือ เช็คที่ถูกคืนด้วยเหตุผลข้อ 1 “เงินในบัญชีไม่พอจ่าย” ข้อ 2“โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” และข้อ 3 “ยังไม่มีการตกลงกับธนาคาร”ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2541มีเช็คที่ถูกคืนด้วยเหตุผลทั้งสามข้อที่กล่าวจำนวนรวมทั้งสิ้น 120,204 ฉบับจำนวนเงินรวม 11,025.95 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.71 และ 0.17ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับทั้งสัดส่วนปริมาณและมูลค่าเช็คคืนไม่มีเงินต่อเช็คเรียกเก็บลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 3.69 และ 0.33 ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับ
ตามที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศมาตรการให้ควบรวมกิจการธนาคารหลายแห่งเข้าด้วยกันนับตั้งแต่วันที่17 สิงหาคม 2541 เป็นต้นไป โดยให้ธนาคารแหลมทอง บจม. ควบรวมกับธนาคารรัตนสินบจม. และให้ธนาคารมหานคร บจม. และธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ บจม.ควบรวมกับธนาคารกรุงไทย บจม. ดังรายละเอียดที่ได้ชี้แจงไปแล้วนั้นการควบรวมกิจการธนาคารดังกล่าวให้มีผลเสร็จสิ้นสมบูรณ์จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ดังนั้นเพื่อให้การหักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารมีการปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้คือ วันที่ 17 สิงหาคม 2541 เป็นต้นไปขอให้สำนักหักบัญชีทุกแห่งทั่วประเทศดำเนินการเคลียริ่งเช็คและชำระดุลการหักบัญชีระหว่างธนาคารเหมือนเดิมตามระเบียบที่เคยปฏิบัติอยู่เดิมตามปกติโดยถือว่ามีจำนวนธนาคารสมาชิกเท่าเดิมไปก่อนจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
จึงขอประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ธนาคารแห่งประเทศไทย
19 สิงหาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ฉบับที่ 57/2541
เรื่อง สถิติการหักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเดือนกรกฎาคม 2541
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมาแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมระหว่างธนาคารจะลดลงรวมทั้งสถาบันการเงินบางแห่งได้ผ่อนคลายความเข้มงวดในการให้เครดิตกับลูกค้าลงบ้างแล้วก็ตามแต่อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่คิดกับภาคธุรกิจยังไม่ลดลงมากนักผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของธุรกิจส่วนใหญ่มีผลขาดทุนและสถาบันการเงินหลายแห่งประกาศงดการจ่ายเงินปันผลส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปยังขาดสภาพคล่องทางการเงินอยู่และเมื่อพิจารณาทางด้านการใช้เช็คในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในเดือนกรกฎาคม 2541ธนาคารสมาชิกศูนย์หักบัญชีส่งเช็คเรียกเก็บจำนวนทั้งสิ้น 4,430,964 ฉบับเป็นจำนวนเงินรวม 6,553,733.11 ล้านบาทปริมาณเช็คเรียกเก็บในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 6.18แต่มูลค่าเช็คเรียกเก็บเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.25ซึ่งปริมาณการใช้เช็คในเดือนนี้ไม่แตกต่างจากเดือนที่ผ่านมามากนักพิจารณาจากปริมาณการเรียกเก็บเช็คโดยเฉลี่ยต่อวันทำการลดลงเล็กน้อย คือ จาก214,668 ฉบับต่อวันทำการในเดือนมิถุนายน เป็น 210,998ฉบับต่อวันทำการในเดือนนี้ขณะที่มูลค่าเช็คเรียกเก็บเฉลี่ยต่อวันทำการเพิ่มขึ้นจากวันละ 291,338 ล้านบาทเป็นวันละ 312,083 ล้านบาท แต่เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน(เดือนกรกฎาคม 2540) ปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บลดลงร้อยละ 22.47 และ 36.86ตามลำดับ
ปริมาณเช็คคืนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีจำนวนรวมทั้งสิ้น 208,676 ฉบับรวมมูลค่า 22,085.46 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.71 และ 0.34ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับสัดส่วนปริมาณเช็คคืนต่อปริมาณเช็คเรียกเก็บในเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ0.38 แต่สัดส่วนมูลค่าเช็คคืนต่อมูลค่าเช็คเรียกเก็บลดลงร้อยละ 0.01และทั้งสัดส่วนปริมาณและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีสัดส่วนปริมาณและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บอยู่ที่ร้อยละ 6.57 และ0.61 ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับ
จากปริมาณและมูลค่าเช็คคืนที่กล่าวข้างต้นส่วนหนึ่งเป็นเช็คคืนที่ถูกคืนเพราะไม่มีเงินหรือ เช็คที่ถูกคืนด้วยเหตุผลข้อ 1 “เงินในบัญชีไม่พอจ่าย” ข้อ 2“โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” และข้อ 3 “ยังไม่มีการตกลงกับธนาคาร”ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2541มีเช็คที่ถูกคืนด้วยเหตุผลทั้งสามข้อที่กล่าวจำนวนรวมทั้งสิ้น 120,204 ฉบับจำนวนเงินรวม 11,025.95 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.71 และ 0.17ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับทั้งสัดส่วนปริมาณและมูลค่าเช็คคืนไม่มีเงินต่อเช็คเรียกเก็บลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 3.69 และ 0.33 ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับ
ตามที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศมาตรการให้ควบรวมกิจการธนาคารหลายแห่งเข้าด้วยกันนับตั้งแต่วันที่17 สิงหาคม 2541 เป็นต้นไป โดยให้ธนาคารแหลมทอง บจม. ควบรวมกับธนาคารรัตนสินบจม. และให้ธนาคารมหานคร บจม. และธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ บจม.ควบรวมกับธนาคารกรุงไทย บจม. ดังรายละเอียดที่ได้ชี้แจงไปแล้วนั้นการควบรวมกิจการธนาคารดังกล่าวให้มีผลเสร็จสิ้นสมบูรณ์จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ดังนั้นเพื่อให้การหักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารมีการปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้คือ วันที่ 17 สิงหาคม 2541 เป็นต้นไปขอให้สำนักหักบัญชีทุกแห่งทั่วประเทศดำเนินการเคลียริ่งเช็คและชำระดุลการหักบัญชีระหว่างธนาคารเหมือนเดิมตามระเบียบที่เคยปฏิบัติอยู่เดิมตามปกติโดยถือว่ามีจำนวนธนาคารสมาชิกเท่าเดิมไปก่อนจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
จึงขอประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ธนาคารแห่งประเทศไทย
19 สิงหาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--