ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 19/2542 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทยมีเรื่องที่ขอแถลงให้ทราบดังนี้การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบฐานะและวิธีการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ กิจการวิเทศธนกิจและบริษัทเงินทุนเพื่อลดต้นทุนสินเชื่อสถาบันการเงินความผันผวนของสภาพคล่อง และอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินธนาคารได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยตามความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเรื่อง การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องและประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของบริษัทเงินทุน เพื่อเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบฐานะ และวิธีการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์กิจการวิเทศธนกิจและบริษัทเงินทุน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2542 สาระสำคัญของประกาศทั้ง 2 ฉบับ สรุปได้ดังนี้ในกรณีธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจ1) ปรับองค์ประกอบสินทรัพย์สภาพคล่องจากเดิมที่ต้องดำรงเป็นเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 12)เปลี่ยนคำจำกัดความของเงินกู้ยืมระยะสั้นจากต่างประเทศที่ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกันไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศใดโดยกำหนดให้เงินกู้ยืมระยะสั้นจากต่างประเทศหมายรวมถึงเงินกู้ยืมจากต่างประเทศที่มีระยะเวลาต่ำกว่าหรือเท่ากับ 365 วันนับแต่วันกู้ และเงินกู้ยืมจากต่างประเทศที่อาจชำระคืนหรืออาจถูกเรียกคืนได้ใน 365 วัน นับแต่วันกู้3) เปลี่ยนคำจำกัดความของเงินฝากในบัญชีผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศระยะสั้นที่ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง(ในกรณีของกิจการวิเทศธนกิจและกิจการวิเทศธนกิจสาขาต่างจังหวัด) ให้หมายรวมถึงเงินฝากในบัญชีผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศที่อาจถอนได้ใน 365 วัน นับแต่วันฝาก4) เพิ่มเติมวิธีการในการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องโดย 4.1 อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจที่ดำรงเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไว้เกิน จำนวนเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องดำรงในปักษ์หนึ่งสามารถนำส่วนที่เกินไปรวมในปักษ์ต่อไปได้ 1 ปักษ์ ทั้งนี้ส่วนที่นำไปรวมนั้นจะต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องดำรงในปักษ์ที่เกิน 4.2 อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์และกิจการวิเทศธนกิจที่ดำรงเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ถึงจำนวนเกณฑ์ขั้นต่ำในปักษ์หนึ่งสามารถนำเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยในปักษ์ถัดไปมารวมเข้าในปักษ์ที่ขาดอยู่ทั้งนี้ส่วนที่นำมารวมนั้นจะต้องไม่เกินร้อยละ 5ของเกณฑ์ขั้นต่ำที่ต้องดำรงในปักษ์ที่ขาดอยู่ และจะต้องหักส่วนที่นำมารวมออกจากจำนวนเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยในการคำนวณสินทรัพย์สภาพคล่องในปักษ์ถัดไปในกรณีบริษัทเงินทุนเปลี่ยนคำจำกัดความของเงินกู้ยืมระยะสั้นจากต่างประเทศให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศใด โดยกำหนดให้เงินกู้ยืมระยะสั้นจากต่างประเทศหมายรวมถึงเงินที่ได้จากการกู้ยืมหรือได้รับจากต่างประเทศที่มีกำหนดชำระคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาใน 365 วัน และเงินที่ได้จากการกู้ยืมหรือได้รับจากต่างประเทศที่มีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถามหรือเมื่อสิ้นระยะเวลาที่มีสิทธิเรียกคืนได้ ภายใน 365 วัน นับแต่วันที่กู้ยืมหรือได้รับเงิน ทั้งนี้ เงินกู้ยืมจากต่างประเทศที่ได้กู้หรือเงินที่ได้รับจากต่างประเทศก่อนวันที่ 23 เมษายน 2542 และเงินฝากในบัญชีผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (ในกรณีของกิจการวิเทศธนกิจและกิจการวิเทศธนกิจสาขาต่างจังหวัด) ที่ฝากไว้ก่อน วันที่ 23 เมษายน 2542ซึ่งไม่ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2541 ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดชำระคืน ธนาคารแห่งประเทศไทย 8 เมษายน 2542