นโยบายข้าว ปี 2541/2542
(1) การส่งออกข้าว
การใช้กลไกของผู้ส่งออกภาคเอกชนเป็นหลัก
สำหรับการส่งออกข้าวของภาค
รัฐบาล จะดำเนินในรูปแบบของรัฐบาลต่อรัฐบาลเท่านั้น
(2) การรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก
เมื่อจำเป็นจะดำเนินการผ่านสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร ตลาดกลาง
และผู้ประกอบการค้าข้าว รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
(3) จะกำกับดูแลให้มีสต๊อกข้าวอยู่ในระดับที่เหมาะสม
และมีปริมาณเพียงพอสำหรับการบริโภคภายใน
ประเทศ
(4) การรับจำนำข้าวเปลือก จะให้ ธ.ก.ส.
เป็นหน่วยงานหลักในการให้สินเชื่อแก้เกษตรกรตามโครงการ
รับจำนำข้างเปลือก
(5) การให้บริการสินเชื่อ แก่ผู้ค้าข้าวเปลือก
และผู้ส่งออกข้าวในปริมาณที่เพียงพอ โดยธนาคารแห่ง
ประเทศไทย
มาตรการข้าวเปลือก ปี 2541/2542
ประกอบด้วย 3 มาตรการ รวม 10 โครงการ ได้แก่
(1) มาตรการสนับสนุนตลาดข้าวสาร ประกอบด้วย
1. การส่งออกข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
โดยกรมการค้าต้างประเทศ จำนวนไม่เกิน 500,000 ตัน
2. การแทรกแซงตลาดข้าวสาร โดย อตก. และ อคส.
จำนวนไม่เกิน 500,000 ตัน
(2) มาตรการสนับสนุนตลาดข้าวเปลือก ประกอบด้วย
3.การรับจำนำข้าวเปลือก โดย ธ.ก.ส. จำนวน 2.5
ล้านตัน และให้คิดอัตราดอกเบี้ยในระบบ Rcbatc
Credit
4.
การเชื่อมโยงสินเชื่อเพื่อการผลิตและบริการตลาดข้าวของสหกรณ์ วงเงิน
1,500 ล้านบาท
5. การเก็บรวบรวมข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร
วงเงิน 200 ล้านบาท
6.
การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกของกระทรวงมหาดไทยวงเงิน 200 ล้านบาท
7-9 การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกของกองทัพเรือ
กองทัพอากาศ และ นทพ.บก. ทหารสูงสุด วงเงิน
15,6 และ 15 ล้านบาทตามลำดับ
(3) มาตรการสนับสนุนสินเชื่อ
10.
การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ค้าข้าวเปลือกของธนาคารแห่งประเท
ศไทย วงเงิน 20,000
ล้านบาท
และผู้ส่งออกผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
วงเงิน 20,000
ล้านบาท
******************************************************************
********************
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สัมภาษณ์ "
นโยบายข้าวปี 2542 "
สำหรับนโยบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ ในปี 2542 นั้น
กระทรวงมีมาตรการในการดำเนินการอยู่ด้วย
กัน 3 มาตรการ คือ 1 มาตรการสนับสนุนตลาดข้าวสาร
กระทรวงมอบให้กรมการค้าต่างประเทศเป็น ผู้ดำเนิน
การ ดูแลด้านการส่งออกข้าว จำนวนไม่เกิน 500,000 ตัน
ซึ่งมาตรการนี้เป็นมาตรการที่จะต้องดูแลตลาดข้าวไทย
ใน ต่างประเทศ ที่มีการแข่งขันกันมากจะเป็นข้าวสารขาวธรรมดา
แต่ถ้าเป็นข้าวหอมมะลินั้นประเทศไทยเรา
ผลิต ได้มากจึงทำให้มีตลาดแข่งขันน้อยซึ่งปริมาณในการสั่ง order
ของปีนี้มีจำนวนสูงกว่าปีที่ แต่ราคาข้าว ช่วง
ก่อนปีใหม่
และช่วงตรุษจีนราคาถูกสาเหตุเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวั
น ตลาดการส่งออกเลยหยุด
ชะงัก แต่หลังจากนั้น ราคาข้าวก็เขยิบขึ้นสูง
และปีนี้คาดว่าราคาข้าวน่าจะสูงเนื่องจากปีนี้มีปัญหาเรื่องภัยแล้ง
เกษตรกร
นอกจากนี้ กระทรวงยังให้
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อตก.) กับ องค์การคลังสินค้า (อคส.)
เป็นผู้ดำเนิน
การแทรกแซงตลาดข้าวสาร จำนวนไม่เกิน 500,000 ตัน 2.
มาตรการสนับสนุนตลาดข้าวเปลือก ซึ่งตรงนี้ทาง
กระทรวงได้กำหนดให้มีการรับจำนำข้าวเปลือกโดย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) จำนวน 2.5 ล้าน
ตัน และให้คิดอัตราดอกเบี้ยในระบบ Rebate Credit
ก็คือการลดจำนวนสินเชื่อที่จะต้องชำระ การสนับสนุนตลาด
ข้าวเปลือกทางกระทรวงได้มีการเอาโรงสีมาร่วม โครงการเพื่อรับซื้อข้าว
เปลือกจากเกษตรกรที่เป็นหนี้ ธกส. ใน
ราคาที่กระทรวงกำหนด ซึ่งเป็นการกำหนดราคาเพื่อนำตลาด
โรงสีที่รับซื้อข้าวจากเกษตรกรแล้วนำข้าวมาขาย
ให้กับทาง อคส. นั้นจะต้องเป็นข้าวที่ไม่ใช่ข้าวในสต๊อกเดิม
ซึ่งในเรื่องการตรวจสอบว่าจะเป็นข้าวเก่า ใน
สต๊อกเอามาขายหรือไม่นั้น
โรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องส่งรายงานจำนวนข้าวที่ตนมีว่ามีจำนวน
เท่าไหร่
และการตรวจคุณภาพข้าวทางเราก็ได้ตั้งบริษัมเซอเวย์
เป็นผู้ตรวจสอบโดยเครื่องมือที่ทันสมัย เมื่อมาตรการตรง
นี้เราออกไปแล้ว
ราคาข้าวเปลือกของเกษตรกรรายย่อยข้างนอกก็จะสูงขึ้นไปใ
นตัว นึกภาพออกไหมครับ เพราะว่าพ่อค้า
ซื้อข้าว สารทั่วไปก็ต้องไปแย่งซื้อข้าวเปลือก หรือ
เขาไปซื้อข้าวสารที่โรงสี โรงสีถ้าไม่เข้าร่วมโครงการกับเรา
เขาก็ต้องซื้อข้าวจากเกษตรกรรายนอก รายนอกก็ราคาก็ต้องสูงตามกัน
เพราะว่ามาตรการที่เราออกไปนี้เราจะ
ออกล็อต ๆ อย่างล็อตแรกผมบอกมาว่า เราได้ประกาศไปแล้วเมื่อ 2-3
วันนี้ ซื้อที่ 3 แสนกระสอบก่อน แล้วก็เป็น
ข้าวหอมมะลิ 280,000 กระสอบ แล้วก็เป็นข้าวเหนียว 2 หมื่นกระสอบ
เพราะว่าข้าวเหนียวมันมีน้อย ล็อตแรก
ทำไมเราถึงประกาศแค่นี้ แล้วมุ่งไปทางภาคอีสาน กับทางภาคเหนือ
เพราะว่าทั้ง 2 ภาคนี้ผลิตข้าวหอมมะลิกับ
ข้าวเหนียว ค่อนข้างมาก แล้วประกอบกับปีนี้ข้าวหอมมะลิราคาตก
เนื่องจากต่างประเทศเคยสั่งออเดอร์น้อย
แล้วเขาก็ประสบภาวะเศรษฐกิจกัน ดังนั้นเมื่อคนมีภาวะ
เศรษฐกิจการเงินฝืดก็ต้องพยายามบริโภคข้าวทั่ว ๆไป
ไม่บริโภคข้าวหอมมะล ิ ก็ทำให้ราคาตก ส่วนข้าวขาว
ธรรมดาขณะนี้ ราคาข้าวเปลือกของเราใกล้เคียงเป้าหมายที่เรากำหนดไว้
แล้วก็สูงกว่าด้วย คือขณะนี้ราคาอยู่ที่
ประมาณ 5,900 บาท ถึง 6,400 บาท ข้าวขาวธรรมดา
ซึ่งเป้าหมายของเรานั้น เมื่อปีที่แล้วแค่ 6,800 ที่สูงที่สุด
ดังนั้น เราถึงเร่งไปทำเกี่ยวกับข้าวหอมมะลิก่อน
เมื่อโครงการเหล่านี้ออกไปแล้ว ผมเชื่อว่าเราอาจจะสู้ไม่ได้
เพราะโรงสีไม่ขาย
เนื่องจากมีพ่อค้าจะไปแย่งซื้อจากโรงสีก่อนในราคาที่เรากำหนด
ซื้อสูงกว่าเรานี้แสดงว่า
โครงการของเราได้ผลแล้ว
บางคนไม่เข้าใจว่าประกาศราคาแค่นี้ไปซื้อก็ซื้อไม่ได้
เราไม่ปรารถนาที่จะซื้อ แต่ถ้า
เอกชนไม่ซื้อเราจะซื้อ เราจะนำตลาดเขา เมื่อเราไปซื้อ
ถ้าเอกชนเขามีออเดอร์ มีการขายอยู่ แม้แต่กระทั้งขายภาย
ในประเทศ เดี๋ยวนี้ข้าวหอมมะลิมาตรฐาน100/2 คือข้าวหอมมะลิธรรมดา
ราคาขายในตลาดทั่ว ๆ ไป 5 กก. ถุงละ
ประมาณ 80 กว่าบาท ถึง 120 กว่าบาทคือเฉลี่ยแล้ว เท่ากับ 5 กก. 100
บาท เท่ากับกก.ละ 20 บาท
มองเห็นไหมครับเราประกาศล็อตแรกออกไป
เราซื้อข้าวหอมมะลิ 3 กก.ละ 14.3 บาท ยังเห็นส่วนต่าง
ตั้งมาก
ดังนั้นถ้าหากว่าเอกชนไม่ซื้อเราก็จะซื้อมาเป็นข้าวสารแล้วขายเป็นถุง
ผมบอกไว้แล้วว่าให้สั่งของ อคส.
โครงการนี้จะขายเพียง 18 บาท ต่อ กก. ดังนั้นพี่น้องผู้บริโภคข้าวสาร
กก.ละ 20 บาทต่อไปก็จะซื้อเพียง 18 บาท
แต่ผมก็ยังซื้อข้าวสารจากโรงสี 14.30
แล้วก็ยังให้โรงสีซื้อข้าวเปลือกได้ถึง 7,050 บาท
แต่ถ้าเราซื้อตรงนี้ไม่ได้
เราก็จะขยับตรงนี้ขึ้น ต่อไปเราอาจจะซื้อ 15 บาท ต่อไปอาจจะซื้อ 16
บาท หรือ 16.50 ถ้าเกิดเป็น 16.50 ถ้าจะไป
คำนวณถึงข้าวเปลือกแล้ว ราคาถึง 8,000 บาท
ดังนั้นโครงการที่เราทำนี้ ภายในประเทศผู้บริโภคข้าวสารจะถูก
ลง ผู้ที่ขายข้าวเปลือกราคาสูงขึ้น
ถ้าพูดอย่างนี้คนอาจจะฟังแล้วข้าวเปลือกสูงแต่ข้าวสารถูก
มันเป็นไปไม่ได้ซึ่ง
ส่วนต่างมันจะสูงอยู่
และเราก็เคยพูดกกันอยู่บ่อยๆ ว่าถ้าราคาข้าวเปลือกถูกข้าวสารแพง
มาตรการของผมนั้น ราคาข้าวเปลือกจะสูงขึ้นแต่ราคาข้าวสารก็จะต่ำลง
แต่ที่เราเห็นๆกันอยู่นั้นราคาข้าวเปลือกจะถูกข้าวสารจะแพง
ครับมาตรการที่ผมทำนี้จะสร้างความเป็นธรรม เป็นธรรม
คือถ้าองค์การคลังสินค้าของเราไม่ดำเนินการ อย่างนี้
ก็จะมองไม่เห็น
เราไม่ได้ที่ทำออกมาแข่งกับพ่อค้านะแต่เราทำเพื่อนำพ่อค้า
ว่านี้ตัวเลขจริง ๆ เป็นอย่างนี้ ทาง
พ่อค้าเขาจะได้ไม่เอารัดเอาเปรียบ
นี่ภายในประเทศนะครับต่างประเทศก็ลักษณะคล้ายกัน
ดังนั้นโครงการที่
เราทำนั้นไม่ใช่จะทำเฉพาะข้าวหอมมะลิหรือข้าวเหนียว
เรามีมาตรการข้าวทุกชนิด
แต่ถ้าข้าวอะไรที่ราคาตลาดไปได้แล้วนั้น
เราก็จะปล่อยให้เป็นกลไกของตลาด เช่น ข้าวเจ้าขาวธรรมดา หรือข้าว
5% อย่างที่ผมบอก โดยยกกลไกตลาดไปได้และคนไปบริโภคตรงนี้เยอะ
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ เช่น ข้าวหอม
มะลิคนบริโภคน้อย
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเข้าไปช่วยทางข้าวหอมมะลิก่อน
ถ้ากลไกตลาดเป็นไปได้ตามปกติ
แล้วเราจะให้เป็นเรื่องของเอกชน
เพราะฉะนั้นเอกชนหลายรายแม้แต่ผู้ส่งออกเข้ามาพบผม แม้แต่หนังสือ
พิมพ์บางฉบับ บอกมาตรการนี้จะไปเรียกผลประโยชน์จำนวนแค่ 500,000 ตัน
มันจิ๊บจ๊อย เมื่อเปรียบเทียบกับที่
เราต้องส่งออกไป 5,000,000 กว่าตัน หรือทั้งบริโภคด้วยอะไรด้วย
รวมแล้วข้าวสารถึงประมาณ 14 ล้านตัน
อันนี้ท่านอาจจะเข้าใจผิดอาจจะมองคนละมุม
มาตรการของเรา คือ เราต้องการนำตลาดไม่ให้พ่อค้ามา
โกง ข้อเท็จจริง คือ เป็นการนำ นำให้เห็นว่ามันเป็นอย่างนี้
ถ้ากลไกของท่านไปได้ตามปกติ อันนี้เราจะไม่ทำ
จำนวนที่ทำนี้บอกมากน้อยแค่ไหนขอเท่านี้ แต่ถ้ากลไกไม่เดิน
ภาคเอกชนไม่เดินเราก็ต้องทำต่อเรื่อย ๆ แล้วก็
การซื้อนั้นจะไม่มีในสต็อกเก็บไว้ให้เน่าอย่างที่เคยมีตั้งแต่หลายปีท
ี่ผ่านมา ที่หนังสือพิมพ์ที่ผ่านมาเป็นข่าว
เสื่อมราคา เอาข้าวเสื่อมราคาไปขายทิ้งอะไรต่าง ๆ พวกนี้ครับ
ขอเรียนว่า ผมเข้ามาดูแลตรงนี้แล้ว สิ่งที่ผ่านมา
เก่า ๆ
เป็นบทเรียนส่วนข้อสังเกตถือว่าเป็นสิ่งที่บอกเหตุ เพราะฉะนั้นเราต้
องทำไม่เหมือนกันเก่า อคส.วันนี้
ต้องยุคใหม ่ ผู้จะมาดูแลก็ต้องเป็นคนใหม่และรัฐบาลก็บอกแล้วว่า
รัฐบาลถ้ารู้อะไร ถ้ารู้อย่างนั้นต้องมีการ
ตรวจสอบ
เพราะฉะนั้นให้สบายใจตรงนี้ได้ว่า
มาตรการของเราตรงนี้มีการตรวจสอบได้ตลอดเวลา เราจะไม่ปล่อย
ทิ้งหรือให้เป็นแบบที่เคยผ่านมา
เป็นของเน่าของเสียทำแล้วขาดทุนอะไรอย่างนี้
ผมขอยืนยันว่าจะดูแลอย่าง
ใกล้ชิด โดยเฉพาะมาตรการซื้อข้าวสารจากโรงสี
ทุกโรงสีนั้นจะเข้ามาร่วมองค์การกับเราได้ โดยอิสระนะครับ
โรงสีนั้นต้องซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรตามที่เรากำหนดมีการตรวจสอบว่า
มาตรฐานข้าวสารที่ได้มาแล้ว เรามี
ตั้งบริษัทเซอร์เวย์ ที่เป็นมาตรฐานที่รับผิดชอบ
ถ้าหากว่าข้าวสารที่เอามาคุณภาพอีกอย่างหนึ่ง และเวลาขายอีก
อย่างหนึ่ง ทำให้ขายไม่ได้ขาดทุนหรืออะไรต่าง ๆ เหล่านี้
บริษัทนี้ต้องรับผิดชอบมีสัญญากับทางองค์การประ
กันสินค้า นอกจากนั้น ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี รมว.กระทรวงพาณิชย์
ก็ยังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง
เพื่อการตรวจสอบ โดยผมเป็นประธาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นรองประธาน
เพื่อจะติดตามเรื่องนี้การดำเนิน
การ ทั้งหมดให้ตลอดเวลา
ส่วนราคาที่มีการแทรกแซงเราจะดูเหตุดูผลการนำตลาด
โดยมีคณะอนุกรรมการขึ้น
คณะหนึ่ง โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแล้วก็ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าจะ
เป็น ผู้เสนอตัวเลขราคาที่เหมาะสมที่จะแทรกแซง
โดยเสนอความเห็นให้ประธาน กกพ. คือท่านรองนายก
รัฐมนตรีเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ ซึ่งเชื่อว่า
มาตรการนี้คงจะทำให้ข้าวเปลือกที่อยู่ในมือเกษตรกรขณะนี้ หรือ
ข้าวนาปรังที่กำลังจะเริ่มออกมาอีกราคาก็จะสูงขึ้น
และก็เมื่อแปลเป็นข้าวสารแล้ว ราคาข้าวสารภาย ในประเทศ
ก็จะสมดุลกันกับความเป็นจริงกับราคาที่ภายในประเทศ
นอกจากนั้นราคาที่ขายต่างประเทศนั้น
เราก็ต้องคำนึงถึงด้วยว่า เราต้องไปแข่งกับประเทศคู่ค้าได้ โดย
เฉพาะพวกข้าวคุณภาพต่ำ ส่วนข้าวหอมมะลิอะไรต่าง ๆ
พวกนี้ไม่มีใครแข่งกับเราอยู่แล้ว สำหรับโครงที่ให้
โรงสีเข้าร่วมโครงการนั้นเมื่อเราประกาศไปแล้ว
เราก็ให้ทุกคนมาร่วมกับเราได้ทั้งนั้น เพราะว่าเราเพิ่งประกาศ
ใช้ เพราะคิดว่าประมาณวันที่สักวันที่ 22 เราพอจะทราบทันทีว่า
มีใครร่วมกับเราบ้างและเราจะประกาศกับทุกคน
ทางนี้เราไปทางอีสานก่อน เพราะว่าประกาศประมาณ 200,000-300,000
กระสอบเท่านั้นเอง ต่อมาตรการเราจะ
ออกไปทุกระยะอาจจะเป็น 7 วัน 15 วัน ตามความเหมาะสม เป้าหมายคือ
เราต้องการฉุดราคาขึ้น ถ้าตรงไหนราคา
ดีอยู่แล้วเราก็ไม่อยากไปยุ่งให้เอกชนเขาทำไป
ผมอยากจะฝากกราบเรียนกับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร
เองที่ปลูกข้าว ถ้าหากว่า ข้าวของท่าน
ที่ใครมาซื้อ ต่ำกว่าตามที่เราประกาศก็ให้สนใจมาตรการนี้
อาจจำนำไว้ก่อนนะครับ และถ้าหากจุดใดไม่มีการซื้อ
ขายหรือไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ก็ขอให้แจ้งมาทางเราหรือ
ส.ส.ที่อยู่ในพื้นที่ของท่านก็ได้หรือกระทรวงพาณิชย์
โดยตรงก็ได้ ก็แล้วแต่เกษตรกร
สำหรับทางโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการกับเราก็ให้มาเสนอกับกระทรวง
องค์การ
คลังสินค้าของเราหรืออตก.ของกระทรวงเกษตรฯ ก็ได้
แต่สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ถ้ามาตรการนี้ออกผมเชื่อว่า
ข้าวสารราคาคงจะถูกลงส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือที่เป็นห่วงเรื่องของ
การแสวงหาผลประโยชน์ หรือการที่อาจ
จะทำแล้วเกิดการเสียหายมีการรับสินบนอย่างที่ผ่านมาก็ขอให้ท่านได้ติด
ตาม และดูผลงานที่เราทำด้วย ถ้าเห็น
ว่าเอะไรไม่ชอบมาพากลหรืออะไรที่ไม่ดีก็ขอให้แจ้งทางผม
และผมเองก็จะพยายามติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับการจำนำเข้านั้นจะมีธนาคาร ธ.ก.ส.ที่เดียว ซึ่งจริง ๆ
พี่น้องเกษตรกร มาตรการจำนำนี้เราทำมาหลายปี
แล้ว เขาเข้าใจดี การจำนำ คือ ไม่จำเป็นต้องเป็นข้าวเปลือก
เอาไว้ที่ยุ้งฉางของท่าน ไว้ที่เก็บของท่าน เพียงแต่
แจ้ง ธ.ก.ส.มาทางที่อยู่ใกล้บ้านท่าน
เขาจะไปสำรวจไปตรวจวัดปริมาณอันนี้ทำอย่างง่าย ๆ เมื่อราคาดีแล้ว
เราก็
จะค่อย ๆ ระบายไปเรื่อย ๆ
การจำนำนั้นอาจจะได้ราคาใช้ไปตามความจำเป็นแล้วก็
เมื่อราคาดีเราก็ขายออกไป..--จบ--
(1) การส่งออกข้าว
การใช้กลไกของผู้ส่งออกภาคเอกชนเป็นหลัก
สำหรับการส่งออกข้าวของภาค
รัฐบาล จะดำเนินในรูปแบบของรัฐบาลต่อรัฐบาลเท่านั้น
(2) การรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก
เมื่อจำเป็นจะดำเนินการผ่านสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร ตลาดกลาง
และผู้ประกอบการค้าข้าว รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
(3) จะกำกับดูแลให้มีสต๊อกข้าวอยู่ในระดับที่เหมาะสม
และมีปริมาณเพียงพอสำหรับการบริโภคภายใน
ประเทศ
(4) การรับจำนำข้าวเปลือก จะให้ ธ.ก.ส.
เป็นหน่วยงานหลักในการให้สินเชื่อแก้เกษตรกรตามโครงการ
รับจำนำข้างเปลือก
(5) การให้บริการสินเชื่อ แก่ผู้ค้าข้าวเปลือก
และผู้ส่งออกข้าวในปริมาณที่เพียงพอ โดยธนาคารแห่ง
ประเทศไทย
มาตรการข้าวเปลือก ปี 2541/2542
ประกอบด้วย 3 มาตรการ รวม 10 โครงการ ได้แก่
(1) มาตรการสนับสนุนตลาดข้าวสาร ประกอบด้วย
1. การส่งออกข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
โดยกรมการค้าต้างประเทศ จำนวนไม่เกิน 500,000 ตัน
2. การแทรกแซงตลาดข้าวสาร โดย อตก. และ อคส.
จำนวนไม่เกิน 500,000 ตัน
(2) มาตรการสนับสนุนตลาดข้าวเปลือก ประกอบด้วย
3.การรับจำนำข้าวเปลือก โดย ธ.ก.ส. จำนวน 2.5
ล้านตัน และให้คิดอัตราดอกเบี้ยในระบบ Rcbatc
Credit
4.
การเชื่อมโยงสินเชื่อเพื่อการผลิตและบริการตลาดข้าวของสหกรณ์ วงเงิน
1,500 ล้านบาท
5. การเก็บรวบรวมข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร
วงเงิน 200 ล้านบาท
6.
การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกของกระทรวงมหาดไทยวงเงิน 200 ล้านบาท
7-9 การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกของกองทัพเรือ
กองทัพอากาศ และ นทพ.บก. ทหารสูงสุด วงเงิน
15,6 และ 15 ล้านบาทตามลำดับ
(3) มาตรการสนับสนุนสินเชื่อ
10.
การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ค้าข้าวเปลือกของธนาคารแห่งประเท
ศไทย วงเงิน 20,000
ล้านบาท
และผู้ส่งออกผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
วงเงิน 20,000
ล้านบาท
******************************************************************
********************
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สัมภาษณ์ "
นโยบายข้าวปี 2542 "
สำหรับนโยบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ ในปี 2542 นั้น
กระทรวงมีมาตรการในการดำเนินการอยู่ด้วย
กัน 3 มาตรการ คือ 1 มาตรการสนับสนุนตลาดข้าวสาร
กระทรวงมอบให้กรมการค้าต่างประเทศเป็น ผู้ดำเนิน
การ ดูแลด้านการส่งออกข้าว จำนวนไม่เกิน 500,000 ตัน
ซึ่งมาตรการนี้เป็นมาตรการที่จะต้องดูแลตลาดข้าวไทย
ใน ต่างประเทศ ที่มีการแข่งขันกันมากจะเป็นข้าวสารขาวธรรมดา
แต่ถ้าเป็นข้าวหอมมะลินั้นประเทศไทยเรา
ผลิต ได้มากจึงทำให้มีตลาดแข่งขันน้อยซึ่งปริมาณในการสั่ง order
ของปีนี้มีจำนวนสูงกว่าปีที่ แต่ราคาข้าว ช่วง
ก่อนปีใหม่
และช่วงตรุษจีนราคาถูกสาเหตุเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวั
น ตลาดการส่งออกเลยหยุด
ชะงัก แต่หลังจากนั้น ราคาข้าวก็เขยิบขึ้นสูง
และปีนี้คาดว่าราคาข้าวน่าจะสูงเนื่องจากปีนี้มีปัญหาเรื่องภัยแล้ง
เกษตรกร
นอกจากนี้ กระทรวงยังให้
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อตก.) กับ องค์การคลังสินค้า (อคส.)
เป็นผู้ดำเนิน
การแทรกแซงตลาดข้าวสาร จำนวนไม่เกิน 500,000 ตัน 2.
มาตรการสนับสนุนตลาดข้าวเปลือก ซึ่งตรงนี้ทาง
กระทรวงได้กำหนดให้มีการรับจำนำข้าวเปลือกโดย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) จำนวน 2.5 ล้าน
ตัน และให้คิดอัตราดอกเบี้ยในระบบ Rebate Credit
ก็คือการลดจำนวนสินเชื่อที่จะต้องชำระ การสนับสนุนตลาด
ข้าวเปลือกทางกระทรวงได้มีการเอาโรงสีมาร่วม โครงการเพื่อรับซื้อข้าว
เปลือกจากเกษตรกรที่เป็นหนี้ ธกส. ใน
ราคาที่กระทรวงกำหนด ซึ่งเป็นการกำหนดราคาเพื่อนำตลาด
โรงสีที่รับซื้อข้าวจากเกษตรกรแล้วนำข้าวมาขาย
ให้กับทาง อคส. นั้นจะต้องเป็นข้าวที่ไม่ใช่ข้าวในสต๊อกเดิม
ซึ่งในเรื่องการตรวจสอบว่าจะเป็นข้าวเก่า ใน
สต๊อกเอามาขายหรือไม่นั้น
โรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องส่งรายงานจำนวนข้าวที่ตนมีว่ามีจำนวน
เท่าไหร่
และการตรวจคุณภาพข้าวทางเราก็ได้ตั้งบริษัมเซอเวย์
เป็นผู้ตรวจสอบโดยเครื่องมือที่ทันสมัย เมื่อมาตรการตรง
นี้เราออกไปแล้ว
ราคาข้าวเปลือกของเกษตรกรรายย่อยข้างนอกก็จะสูงขึ้นไปใ
นตัว นึกภาพออกไหมครับ เพราะว่าพ่อค้า
ซื้อข้าว สารทั่วไปก็ต้องไปแย่งซื้อข้าวเปลือก หรือ
เขาไปซื้อข้าวสารที่โรงสี โรงสีถ้าไม่เข้าร่วมโครงการกับเรา
เขาก็ต้องซื้อข้าวจากเกษตรกรรายนอก รายนอกก็ราคาก็ต้องสูงตามกัน
เพราะว่ามาตรการที่เราออกไปนี้เราจะ
ออกล็อต ๆ อย่างล็อตแรกผมบอกมาว่า เราได้ประกาศไปแล้วเมื่อ 2-3
วันนี้ ซื้อที่ 3 แสนกระสอบก่อน แล้วก็เป็น
ข้าวหอมมะลิ 280,000 กระสอบ แล้วก็เป็นข้าวเหนียว 2 หมื่นกระสอบ
เพราะว่าข้าวเหนียวมันมีน้อย ล็อตแรก
ทำไมเราถึงประกาศแค่นี้ แล้วมุ่งไปทางภาคอีสาน กับทางภาคเหนือ
เพราะว่าทั้ง 2 ภาคนี้ผลิตข้าวหอมมะลิกับ
ข้าวเหนียว ค่อนข้างมาก แล้วประกอบกับปีนี้ข้าวหอมมะลิราคาตก
เนื่องจากต่างประเทศเคยสั่งออเดอร์น้อย
แล้วเขาก็ประสบภาวะเศรษฐกิจกัน ดังนั้นเมื่อคนมีภาวะ
เศรษฐกิจการเงินฝืดก็ต้องพยายามบริโภคข้าวทั่ว ๆไป
ไม่บริโภคข้าวหอมมะล ิ ก็ทำให้ราคาตก ส่วนข้าวขาว
ธรรมดาขณะนี้ ราคาข้าวเปลือกของเราใกล้เคียงเป้าหมายที่เรากำหนดไว้
แล้วก็สูงกว่าด้วย คือขณะนี้ราคาอยู่ที่
ประมาณ 5,900 บาท ถึง 6,400 บาท ข้าวขาวธรรมดา
ซึ่งเป้าหมายของเรานั้น เมื่อปีที่แล้วแค่ 6,800 ที่สูงที่สุด
ดังนั้น เราถึงเร่งไปทำเกี่ยวกับข้าวหอมมะลิก่อน
เมื่อโครงการเหล่านี้ออกไปแล้ว ผมเชื่อว่าเราอาจจะสู้ไม่ได้
เพราะโรงสีไม่ขาย
เนื่องจากมีพ่อค้าจะไปแย่งซื้อจากโรงสีก่อนในราคาที่เรากำหนด
ซื้อสูงกว่าเรานี้แสดงว่า
โครงการของเราได้ผลแล้ว
บางคนไม่เข้าใจว่าประกาศราคาแค่นี้ไปซื้อก็ซื้อไม่ได้
เราไม่ปรารถนาที่จะซื้อ แต่ถ้า
เอกชนไม่ซื้อเราจะซื้อ เราจะนำตลาดเขา เมื่อเราไปซื้อ
ถ้าเอกชนเขามีออเดอร์ มีการขายอยู่ แม้แต่กระทั้งขายภาย
ในประเทศ เดี๋ยวนี้ข้าวหอมมะลิมาตรฐาน100/2 คือข้าวหอมมะลิธรรมดา
ราคาขายในตลาดทั่ว ๆ ไป 5 กก. ถุงละ
ประมาณ 80 กว่าบาท ถึง 120 กว่าบาทคือเฉลี่ยแล้ว เท่ากับ 5 กก. 100
บาท เท่ากับกก.ละ 20 บาท
มองเห็นไหมครับเราประกาศล็อตแรกออกไป
เราซื้อข้าวหอมมะลิ 3 กก.ละ 14.3 บาท ยังเห็นส่วนต่าง
ตั้งมาก
ดังนั้นถ้าหากว่าเอกชนไม่ซื้อเราก็จะซื้อมาเป็นข้าวสารแล้วขายเป็นถุง
ผมบอกไว้แล้วว่าให้สั่งของ อคส.
โครงการนี้จะขายเพียง 18 บาท ต่อ กก. ดังนั้นพี่น้องผู้บริโภคข้าวสาร
กก.ละ 20 บาทต่อไปก็จะซื้อเพียง 18 บาท
แต่ผมก็ยังซื้อข้าวสารจากโรงสี 14.30
แล้วก็ยังให้โรงสีซื้อข้าวเปลือกได้ถึง 7,050 บาท
แต่ถ้าเราซื้อตรงนี้ไม่ได้
เราก็จะขยับตรงนี้ขึ้น ต่อไปเราอาจจะซื้อ 15 บาท ต่อไปอาจจะซื้อ 16
บาท หรือ 16.50 ถ้าเกิดเป็น 16.50 ถ้าจะไป
คำนวณถึงข้าวเปลือกแล้ว ราคาถึง 8,000 บาท
ดังนั้นโครงการที่เราทำนี้ ภายในประเทศผู้บริโภคข้าวสารจะถูก
ลง ผู้ที่ขายข้าวเปลือกราคาสูงขึ้น
ถ้าพูดอย่างนี้คนอาจจะฟังแล้วข้าวเปลือกสูงแต่ข้าวสารถูก
มันเป็นไปไม่ได้ซึ่ง
ส่วนต่างมันจะสูงอยู่
และเราก็เคยพูดกกันอยู่บ่อยๆ ว่าถ้าราคาข้าวเปลือกถูกข้าวสารแพง
มาตรการของผมนั้น ราคาข้าวเปลือกจะสูงขึ้นแต่ราคาข้าวสารก็จะต่ำลง
แต่ที่เราเห็นๆกันอยู่นั้นราคาข้าวเปลือกจะถูกข้าวสารจะแพง
ครับมาตรการที่ผมทำนี้จะสร้างความเป็นธรรม เป็นธรรม
คือถ้าองค์การคลังสินค้าของเราไม่ดำเนินการ อย่างนี้
ก็จะมองไม่เห็น
เราไม่ได้ที่ทำออกมาแข่งกับพ่อค้านะแต่เราทำเพื่อนำพ่อค้า
ว่านี้ตัวเลขจริง ๆ เป็นอย่างนี้ ทาง
พ่อค้าเขาจะได้ไม่เอารัดเอาเปรียบ
นี่ภายในประเทศนะครับต่างประเทศก็ลักษณะคล้ายกัน
ดังนั้นโครงการที่
เราทำนั้นไม่ใช่จะทำเฉพาะข้าวหอมมะลิหรือข้าวเหนียว
เรามีมาตรการข้าวทุกชนิด
แต่ถ้าข้าวอะไรที่ราคาตลาดไปได้แล้วนั้น
เราก็จะปล่อยให้เป็นกลไกของตลาด เช่น ข้าวเจ้าขาวธรรมดา หรือข้าว
5% อย่างที่ผมบอก โดยยกกลไกตลาดไปได้และคนไปบริโภคตรงนี้เยอะ
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ เช่น ข้าวหอม
มะลิคนบริโภคน้อย
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเข้าไปช่วยทางข้าวหอมมะลิก่อน
ถ้ากลไกตลาดเป็นไปได้ตามปกติ
แล้วเราจะให้เป็นเรื่องของเอกชน
เพราะฉะนั้นเอกชนหลายรายแม้แต่ผู้ส่งออกเข้ามาพบผม แม้แต่หนังสือ
พิมพ์บางฉบับ บอกมาตรการนี้จะไปเรียกผลประโยชน์จำนวนแค่ 500,000 ตัน
มันจิ๊บจ๊อย เมื่อเปรียบเทียบกับที่
เราต้องส่งออกไป 5,000,000 กว่าตัน หรือทั้งบริโภคด้วยอะไรด้วย
รวมแล้วข้าวสารถึงประมาณ 14 ล้านตัน
อันนี้ท่านอาจจะเข้าใจผิดอาจจะมองคนละมุม
มาตรการของเรา คือ เราต้องการนำตลาดไม่ให้พ่อค้ามา
โกง ข้อเท็จจริง คือ เป็นการนำ นำให้เห็นว่ามันเป็นอย่างนี้
ถ้ากลไกของท่านไปได้ตามปกติ อันนี้เราจะไม่ทำ
จำนวนที่ทำนี้บอกมากน้อยแค่ไหนขอเท่านี้ แต่ถ้ากลไกไม่เดิน
ภาคเอกชนไม่เดินเราก็ต้องทำต่อเรื่อย ๆ แล้วก็
การซื้อนั้นจะไม่มีในสต็อกเก็บไว้ให้เน่าอย่างที่เคยมีตั้งแต่หลายปีท
ี่ผ่านมา ที่หนังสือพิมพ์ที่ผ่านมาเป็นข่าว
เสื่อมราคา เอาข้าวเสื่อมราคาไปขายทิ้งอะไรต่าง ๆ พวกนี้ครับ
ขอเรียนว่า ผมเข้ามาดูแลตรงนี้แล้ว สิ่งที่ผ่านมา
เก่า ๆ
เป็นบทเรียนส่วนข้อสังเกตถือว่าเป็นสิ่งที่บอกเหตุ เพราะฉะนั้นเราต้
องทำไม่เหมือนกันเก่า อคส.วันนี้
ต้องยุคใหม ่ ผู้จะมาดูแลก็ต้องเป็นคนใหม่และรัฐบาลก็บอกแล้วว่า
รัฐบาลถ้ารู้อะไร ถ้ารู้อย่างนั้นต้องมีการ
ตรวจสอบ
เพราะฉะนั้นให้สบายใจตรงนี้ได้ว่า
มาตรการของเราตรงนี้มีการตรวจสอบได้ตลอดเวลา เราจะไม่ปล่อย
ทิ้งหรือให้เป็นแบบที่เคยผ่านมา
เป็นของเน่าของเสียทำแล้วขาดทุนอะไรอย่างนี้
ผมขอยืนยันว่าจะดูแลอย่าง
ใกล้ชิด โดยเฉพาะมาตรการซื้อข้าวสารจากโรงสี
ทุกโรงสีนั้นจะเข้ามาร่วมองค์การกับเราได้ โดยอิสระนะครับ
โรงสีนั้นต้องซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรตามที่เรากำหนดมีการตรวจสอบว่า
มาตรฐานข้าวสารที่ได้มาแล้ว เรามี
ตั้งบริษัทเซอร์เวย์ ที่เป็นมาตรฐานที่รับผิดชอบ
ถ้าหากว่าข้าวสารที่เอามาคุณภาพอีกอย่างหนึ่ง และเวลาขายอีก
อย่างหนึ่ง ทำให้ขายไม่ได้ขาดทุนหรืออะไรต่าง ๆ เหล่านี้
บริษัทนี้ต้องรับผิดชอบมีสัญญากับทางองค์การประ
กันสินค้า นอกจากนั้น ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี รมว.กระทรวงพาณิชย์
ก็ยังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง
เพื่อการตรวจสอบ โดยผมเป็นประธาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นรองประธาน
เพื่อจะติดตามเรื่องนี้การดำเนิน
การ ทั้งหมดให้ตลอดเวลา
ส่วนราคาที่มีการแทรกแซงเราจะดูเหตุดูผลการนำตลาด
โดยมีคณะอนุกรรมการขึ้น
คณะหนึ่ง โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแล้วก็ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าจะ
เป็น ผู้เสนอตัวเลขราคาที่เหมาะสมที่จะแทรกแซง
โดยเสนอความเห็นให้ประธาน กกพ. คือท่านรองนายก
รัฐมนตรีเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ ซึ่งเชื่อว่า
มาตรการนี้คงจะทำให้ข้าวเปลือกที่อยู่ในมือเกษตรกรขณะนี้ หรือ
ข้าวนาปรังที่กำลังจะเริ่มออกมาอีกราคาก็จะสูงขึ้น
และก็เมื่อแปลเป็นข้าวสารแล้ว ราคาข้าวสารภาย ในประเทศ
ก็จะสมดุลกันกับความเป็นจริงกับราคาที่ภายในประเทศ
นอกจากนั้นราคาที่ขายต่างประเทศนั้น
เราก็ต้องคำนึงถึงด้วยว่า เราต้องไปแข่งกับประเทศคู่ค้าได้ โดย
เฉพาะพวกข้าวคุณภาพต่ำ ส่วนข้าวหอมมะลิอะไรต่าง ๆ
พวกนี้ไม่มีใครแข่งกับเราอยู่แล้ว สำหรับโครงที่ให้
โรงสีเข้าร่วมโครงการนั้นเมื่อเราประกาศไปแล้ว
เราก็ให้ทุกคนมาร่วมกับเราได้ทั้งนั้น เพราะว่าเราเพิ่งประกาศ
ใช้ เพราะคิดว่าประมาณวันที่สักวันที่ 22 เราพอจะทราบทันทีว่า
มีใครร่วมกับเราบ้างและเราจะประกาศกับทุกคน
ทางนี้เราไปทางอีสานก่อน เพราะว่าประกาศประมาณ 200,000-300,000
กระสอบเท่านั้นเอง ต่อมาตรการเราจะ
ออกไปทุกระยะอาจจะเป็น 7 วัน 15 วัน ตามความเหมาะสม เป้าหมายคือ
เราต้องการฉุดราคาขึ้น ถ้าตรงไหนราคา
ดีอยู่แล้วเราก็ไม่อยากไปยุ่งให้เอกชนเขาทำไป
ผมอยากจะฝากกราบเรียนกับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร
เองที่ปลูกข้าว ถ้าหากว่า ข้าวของท่าน
ที่ใครมาซื้อ ต่ำกว่าตามที่เราประกาศก็ให้สนใจมาตรการนี้
อาจจำนำไว้ก่อนนะครับ และถ้าหากจุดใดไม่มีการซื้อ
ขายหรือไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ก็ขอให้แจ้งมาทางเราหรือ
ส.ส.ที่อยู่ในพื้นที่ของท่านก็ได้หรือกระทรวงพาณิชย์
โดยตรงก็ได้ ก็แล้วแต่เกษตรกร
สำหรับทางโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการกับเราก็ให้มาเสนอกับกระทรวง
องค์การ
คลังสินค้าของเราหรืออตก.ของกระทรวงเกษตรฯ ก็ได้
แต่สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ถ้ามาตรการนี้ออกผมเชื่อว่า
ข้าวสารราคาคงจะถูกลงส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือที่เป็นห่วงเรื่องของ
การแสวงหาผลประโยชน์ หรือการที่อาจ
จะทำแล้วเกิดการเสียหายมีการรับสินบนอย่างที่ผ่านมาก็ขอให้ท่านได้ติด
ตาม และดูผลงานที่เราทำด้วย ถ้าเห็น
ว่าเอะไรไม่ชอบมาพากลหรืออะไรที่ไม่ดีก็ขอให้แจ้งทางผม
และผมเองก็จะพยายามติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับการจำนำเข้านั้นจะมีธนาคาร ธ.ก.ส.ที่เดียว ซึ่งจริง ๆ
พี่น้องเกษตรกร มาตรการจำนำนี้เราทำมาหลายปี
แล้ว เขาเข้าใจดี การจำนำ คือ ไม่จำเป็นต้องเป็นข้าวเปลือก
เอาไว้ที่ยุ้งฉางของท่าน ไว้ที่เก็บของท่าน เพียงแต่
แจ้ง ธ.ก.ส.มาทางที่อยู่ใกล้บ้านท่าน
เขาจะไปสำรวจไปตรวจวัดปริมาณอันนี้ทำอย่างง่าย ๆ เมื่อราคาดีแล้ว
เราก็
จะค่อย ๆ ระบายไปเรื่อย ๆ
การจำนำนั้นอาจจะได้ราคาใช้ไปตามความจำเป็นแล้วก็
เมื่อราคาดีเราก็ขายออกไป..--จบ--