แท็ก
ลาว
ข้อ 16 ค่าป่วยการของกรรมการ
ค่าป่วยการของกรรมการ และเงินที่ชำระอย่างอื่นอันคล้ายคลึงกัน ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับในฐานะที่เป็นสมาชิกในคณะกรรมการของบริษัท ซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งอาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น
ข้อ 17 นักแสดงและนักกีฬา
1. โดยไม่ต้องคำนึงถึงบทบัญญัติในข้อ 14 และ 15 เงินได้ที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับในฐานะนักแสดง อาทิ นักแสดงละคร ภาพยนตร์ วิทยุหรือโทรทัศน์ หรือนักดนตรี หรือนักกีฬาจากกิจกรรมส่วนบุคคลของตนที่กระทำในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง อาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น
2. ในกรณีเงินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับกิจกรรมส่วนบุคคลที่กระทำโดยนักแสดงหรือนักกีฬาตามความสามารถของตนนั้น มิได้เกิดขึ้นกับตัวนักแสดงหรือนักกีฬา แต่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่น โดยไม่ต้องคำนึงถึงบทบัญญัติของข้อ 7, 14 และ 15 เงินได้นั้นอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาที่กิจกรรมนั้น ๆ ของนักแสดงหรือนักกีฬาได้กระทำขึ้น
3. บทบัญญัติของวรรค 1 และ 2 จะไม่ใช้บังคับแก่ค่าตอบแทน หรือกำไรเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินได้อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันซึ่งแสดง หรือนักกีฬาได้รับจากกิจกรรมที่กระทำในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง หากการมาเยือนรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นได้รับการอุดหนุนส่วนใหญ่จากกองทุนสาธารณะของรัฐ ผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง รวมทั้ง องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น
ข้อ 18 เงินบำนาญ
ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของวรรค 2 ของข้อ 19 เงินบำนาญและค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันที่จ่ายให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง สำหรับการทำงานในอดีตจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น
ข้อ 19 งานรัฐบาล
1. (ก) ค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินบำนาญที่จ่ายโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือส่วนราชการ หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นให้แก่บุคคลธรรมดาในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารที่ให้แก่รัฐนั้น หรือส่วนราชการหรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น
(ข) อย่างไรก็ตาม ค่าตอบแทนดังกล่าวจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากบริการนั้นได้เฉพาะในรัฐนั้น และบุคคลธรรมดาผู้นั้นเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐนั้นผู้ซึ่ง
(1) เป็นคนชาติของรัฐนั้น หรือ
(2) มิได้เป็นผู้มีถิ่นอยู่ในรัฐนั้นเพียงเพื่อมุ่งประสงค์ที่จะให้บริการนั้น
2. (ก) เงินบำนาญใด ๆ ที่จ่ายโดยหรือจ่ายจากกองทุนที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือส่วนราชการหรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งนั้นให้แก่บุคคลธรรมดาใด ๆ ที่เกี่ยวกับบริการที่ให้แก่รัฐนั้นหรือส่วนราชการหรือองค์การบริหารของรัฐนั้นจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้นเท่านั้น
(ข) อย่างไรก็ตาม เงินบำนาญนั้นจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ถ้าบุคคลธรรมดานั้นเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่และเป็นคนชาติของรัฐนั้น
3. บทบัญญัติของข้อ 15, 16 และ 18 จะใช้บังคับแก่ค่าตอบแทนและเงินบำนาญที่เกี่ยวกับการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใด ๆ ที่ดำเนินการโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือส่วนราชการหรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐนั้น
ข้อ 20 นักศึกษา
เงินที่จ่ายให้นักศึกษาหรือผู้ฝึกงานทางธุรกิจผู้ซึ่งเป็นหรือในเวลาก่อนหน้ามาเยือนรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง และเป็นผู้อยู่ในรัฐที่กล่าวถึง รัฐแรกนั้นเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษาหรือการฝึกอบรม เพื่อความมุ่งประสงค์ในการครองชีพ การศึกษาหรือการอบรมจะไม่ถูกเก็บภาษีในรัฐนั้น โดยมีเงื่อนไขว่าเงินที่จ่ายนั้นเกิดจากแหล่งนอกรัฐนั้น
ข้อ 21 ศาสตราจารย์ ครู และนักวิจัย
1. บุคคลธรรมดาผู้ซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งในเวลาก่อนหน้าที่จะไปเยือนรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เป็นผู้ซึ่งได้ไปเยือนรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้นเป็นเวลาไม่เกินสองปี ตามคำเชิญของมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียนหรือสถาบัน การศึกษาอื่นใดที่คล้ายคลึง ซึ่งได้รับการรับรอง โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเพียงเพื่อความมุ่งประสงค์ในการสอนหรือการวิจัยหรือทั้งสองประการ ที่สถาบันการศึกษาเช่นว่านั้นจะได้รับยกเว้นภาษีในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น สำหรับค่าตอบแทนจากการสอนหรือวิจัยเช่นว่านั้น
2. ข้อนี้จะไม่ใช้บังคับเฉพาะกับเงินได้จากการวิจัยนอกจากว่าการวิจัยเช่นว่านั้นได้ดำเนินการโดยบุคคลธรรมดาเพื่อประโยชน์สาธารณะ และประการสำคัญไม่ได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของเอกชนบางคนหรือเอกชนอื่น ๆ
ข้อ 22 เงินได้อื่น ๆ
บรรดารายการเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐทำสัญญารัฐหนึ่งซึ่งมิได้เกี่ยวข้องในข้อก่อน ๆแห่งความตกลงนี้อาจเก็บภาษีได้ในรัฐที่เงินได้นั้นเกิดขึ้น
ข้อ 23 การขจัดภาษีซ้อน
1. กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดจะยังคงใช้บังคับต่อไปในการเก็บภาษีจากเงินได้ในรัฐผู้ทำสัญญาแต่ละรัฐเว้นแต่ในกรณีที่มีบทบัญญัติไว้ชัดแจ้งให้เป็นอย่างอื่นในความตกลงนี้ ในกรณีที่เงินได้ต้องเสียภาษีในรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐก็ให้ได้รับการบรรเทาภาระจากการเก็บภาษีซ้อนตามวรรคต่าง ๆ ของข้อนี้
2. ในกรณีส.ป.ป.ลาว การซ้ำซ้อนของภาษีจะหลีกเลี่ยงโดยวิธีดังนี้
(ก) ในกรณีผู้มีถิ่นที่อยู่ในส.ป.ป.ลาวได้รับเงินได้ซึ่งตามบทบัญญัติของความตกลงนี้อาจเก็บภาษีได้ในประเทศไทย ส.ป.ป.ลาว จะยอมให้หักออกจากภาษีลาวที่เก็บจากเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่นั้นจำนวนเท่ากับภาษีที่ได้ชำระในประเทศไทยอย่างไรก็ตามการหักเช่นว่านั้นจะต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีลาวที่คำนวณได้ก่อนยอมให้มีการหักตามจำนวนที่เหมาะสมจากรายการเงินได้นั้น
(ข) ในกรณีเงินได้นั้นเกิดขึ้นจากประเทศไทยเป็นเงินปันผลจ่ายโดยบริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยให้แก่บริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในส.ป.ป.ลาวและถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นของบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลเครดิตจะต้องคำนึงถึงภาษีที่ชำระให้แก่ประเทศไทย โดยบริษัทที่จ่ายเงินปันผลในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้นั้น
(ค) เพื่อความมุ่งประสงค์ของบทบัญญัติอนุวรรค (ก) คำว่า "ภาษีที่ได้ชำระในประเทศไทย" จะถือว่ารวมถึงจำนวนของภาษีไทย ซึ่งควรจะได้เสียในประเทศไทยหากไม่ได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนให้ภายใต้กฎหมายส่งเสริมพิเศษอื่นใดเพื่อการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้อยู่ในวันลงนามในความตกลงนี้ หรือซึ่งอาจมีการประกาศเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางส่วนหรือประกาศเป็นการเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ในภายหลัง
3. ในกรณีประเทศไทย การซ้ำซ้อนของภาษีจะหลีกเลี่ยงโดยวิธีดังนี้
(ก) หากผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยได้รับเงินได้ซึ่งตามบทบัญญัติของความตกลงนี้อาจเก็บภาษีได้ในส.ป.ป.ลาว ประเทศไทยจะยอมให้หักออกจากภาษีไทยที่เก็บจากเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่นั้นจำนวนเท่ากับภาษีที่ได้ชำระในส.ป.ป.ลาว อย่างไรก็ตามการหักเช่นว่านั้นจะต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีไทยที่คำนวณได้ก่อนยอมให้มีการหักตามจำนวนที่เหมาะสมจากรายการเงินได้นั้น
(ข) ในกรณีเงินได้นั้นเกิดขึ้นจาก ส.ป.ป. ลาวเป็นเงินปันผลจ่ายโดยบริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ใน ส.ป.ป. ลาวให้แก่บริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นของบริษัทผู้จ่ายเงินปันผล เครดิตจะต้องคำนึงถึงภาษีที่ชำระให้แก่ ส.ป.ป.ลาว โดยบริษัทที่จ่ายเงินปันผลในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้นั้น
(ค) เพื่อความมุ่งประสงค์ของบัญญัติอนุวรรค (ก) คำว่า "ภาษีที่ได้ชำระใน ส.ป.ป.ลาว" จะถือว่ารวมถึงจำนวนของภาษีลาว ซึ่งควรจะได้เสียใน ส.ป.ป.ลาว หากไม่ได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนให้ภายใต้กฎหมายส่งเสริมพิเศษอื่นใดเพื่อการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของส.ป.ป.ลาว ซึ่งมีผลบังคับใช้อยู่ในวันลงนามในความตกลงนี้ หรือซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางส่วนหรือประกาศเป็นการเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ในภายหลัง
ข้อ 24 การไม่เลือกประติบัติ
1. คนชาติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง จะต้องไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญา อีกรัฐหนึ่งให้เสียภาษีอากรใด ๆ หรือให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ เกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการนอกเหนือไปจาก หรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากรและข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งคนชาติของอีกรัฐหนึ่งนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตามในสถานการณ์เดียวกัน
2. ภาษีอากรที่เก็บจากสถานประกอบการถาวรซึ่งวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งมีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง จะต้องไม่เรียกเก็บในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น โดยเป็นการอนุเคราะห์น้อยกว่าภาษีอากรที่เรียกเก็บจากวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งที่ประกอบกิจกรรมอย่างเดียวกัน
3. วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนี่งซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งคนเดียวหรือหลายคนเป็นเจ้าของหรือควบคุมทุนทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม จะไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญาที่กล่าวถึงรัฐแรกให้เสียภาษีอากรใด ๆ หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ เกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการนอกเหนือไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากรและข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งวิสาหกิจอื่นที่คล้ายคลึงกันของรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรกถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตาม
4. บทบัญญัติของข้อนี้จะไม่แปลความเป็นการผูกพันรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งต้องยอมให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ซึ่งค่าลดหย่อนส่วนบุคคล การบรรเทาภาระและการหักลดใด ๆ เพื่อความมุ่งประสงค์ในทางภาษีอันเนื่องมาจากความเป็นพลเมือง หรือความรับผิดชอบทางครอบครัวซึ่งรัฐนั้นให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐของตน
5. บทบัญญัติของข้อนี้จะใช้บังคับกับภาษีซึ่งอยู่ในบังคับของความตกลงนี้
ข้อ 25 วิธีการดำเนินการเพื่อความตกลงร่วมกัน
1. ในกรณีผู้ถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งพิจารณาเห็นว่าการกระทำของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดหรือทั้งสองรัฐมีผลหรือจะมีผลให้ตนเองต้องเสียภาษีอากร โดยไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของความตกลงนี้ บุคคลผู้นั้นอาจยื่นเรื่องราวของตนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาที่ตนมีถิ่นที่อยู่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงทางแก้ไขที่บัญญัติไว้ในกฎหมายภายในของรัฐผู้ทำสัญญาคำร้องดังกล่าวต้องยื่นภายในสามปีนับจากที่ได้มีการแจ้งการกระทำครั้งแรกที่ก่อให้เกิดการเรียกเก็บภาษีอันไม่เป็นไปตามบัญญัติแห่งความตกลงนี้
2. ถ้าข้อคัดค้านนั้นปรากฎแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจว่ามีเหตุผลสมควรและถ้าตนไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมได้เอง ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพยายามแก้ไขกรณีนั้นโดยความตกลงร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อการเว้นการเก็บภาษีอันไม่เป็นไปตามความตกลงนี้
3. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาจะต้องพยายามแก้ไขความยุ่งยากหรือข้อสงสัยใด ๆ อันเกิดขึ้นเกี่ยวกับการตีความหรือการใช้บังคับความตกลงนี้
4. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐอาจติดต่อกันโดยตรง เพื่อความมุ่งประสงค์ให้มีความตกลงกันตามความหมายแห่งวรรคก่อน ๆ นั้น
ข้อ 26 การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ
1. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาจะแลกเปลี่ยนข้อสนเทศอันจำเป็นแก่การปฏิบัติตามบทบัญญัติของความตกลงนี้หรือตามกฎหมายภายในของรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งเกี่ยวกับภาษีอากรที่อยู่ในขอบข่ายของความตกลงนี้เท่าที่ภาษีอากรตามกฎหมายนั้นไม่ขัดกันกับความตกลงนี้ ข้อสนเทศใดที่ได้รับโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งให้ถือว่าเป็นความลับเช่นเดียวกันกับข้อสนเทศที่ไดรับภายใต้กฎหมายภายในของรัฐนั้น และจะเปิดเผยได้เฉพาะกับบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ (รวมทั้งศาลและองค์การฝ่ายบริหาร) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประเมินหรือการจัดเก็บ การบังคับหรือการดำเนินคดี หรือการชี้ขาดคำอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่อยู่ในขอบข่ายของความตกลงนี้ บุคคลหรือเจ้าหน้าที่เช่นว่านั้นจะใช้ข้อสนเทศนั้นเพียงเพื่อความมุ่งประสงค์นั้นเท่านั้น บุคคลหรือเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอาจเปิดเผยข้อสนเทศในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลหรือในคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล
2. ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม มิให้แปลความหมายบทบัญญัติของวรรค 1 เป็นการตั้งข้อผูกพันให้รัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดต้อง
(ก) ดำเนินมาตรการทางการบริหาร โดยบิดเบือนไปจากกฎหมายและวิธีปฏิบัติทางการบริหารของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นหรือรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง
(ข) ให้ข้อสนเทศอันมิอาจจัดหาได้ตามกฎหมายหรือตามทางการบริหาร โดยปกติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นหรือรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง
(ค) ให้ข้อสนเทศซึ่งจะเปิดเผยความลับทางการค้า ธุรกิจ อุตสาหกรรมพาณิชยกรรมหรือวิชาชีพหรือกรรมวิธีทางการค้า หรือข้อสนเทศซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการขัดกับนโยบายสาธารณะ (ความสงบเรียบร้อยหรือศิลธรรมอันดีของสาธารณชน)
ข้อ 27 ผู้แทนทางการทูตและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล
ไม่มีข้อความใดในความตกลงนี้จะมีผลกระทบกระเทือนต่อเอกสิทธิ์ทางการรัษฎากรของผู้แทนทางการทูตหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลตามหลักทั่วไปแห่งกฎหมายระหว่างประเทศหรือตามบทบัญญัติแห่งความตกลงพิเศษทั้งหลาย
ข้อ 28 การเริ่มใช้บังคับ
1. ความตกลงนี้จะได้รับการให้สัตยาบันและจะได้ทำการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารกัน ณ...โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
2. ความตกลงนี้จะเริ่มใช้บังคับต่อเมื่อมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารและจะมีผลใช้บังคับ
(ก) ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับจำนวนเงินได้ที่ได้จ่ายหรือนำส่งในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมของปีถัดจากปีที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร
(ข) ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้อื่น ๆ สำหรับปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมของปีถัดจากปีซึ่งมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร
ข้อ 29 การเลิกใช้
ความตกลงนี้จะยังคงมีผลใช้บังคับตลอดไป แต่รัฐผู้ทำสัญญารัฐใดรัฐหนึ่ง อาจแจ้งการบอกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยช่องทางการทูตต่อรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งได้ในหรือก่อนวันที่ 30 มิถุนายนในปีปฏิทินใด ๆ ที่เริ่มต้นภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาห้าปีนับจากวันที่ความตกลงนี้มีผลใช้บังคับ
ในกรณีเช่นว่านั้น ความตกลงเป็นอันเลิกมีผลใช้บังคับ
(ก) ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับจำนวนที่จ่ายหรือนำส่งในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากเดือนที่มีการแจ้งการบอกเลิก
(ข) ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้อื่น ๆ สำหรับปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากเดือนที่มีการแจ้งการบอกเลิก
เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้ลงนามข้างท้ายซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องลงนามในความตกลงฉบับนี้
ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ
--ข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 2/31 มกราคม 2541--
ค่าป่วยการของกรรมการ และเงินที่ชำระอย่างอื่นอันคล้ายคลึงกัน ซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับในฐานะที่เป็นสมาชิกในคณะกรรมการของบริษัท ซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งอาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น
ข้อ 17 นักแสดงและนักกีฬา
1. โดยไม่ต้องคำนึงถึงบทบัญญัติในข้อ 14 และ 15 เงินได้ที่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งได้รับในฐานะนักแสดง อาทิ นักแสดงละคร ภาพยนตร์ วิทยุหรือโทรทัศน์ หรือนักดนตรี หรือนักกีฬาจากกิจกรรมส่วนบุคคลของตนที่กระทำในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง อาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น
2. ในกรณีเงินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับกิจกรรมส่วนบุคคลที่กระทำโดยนักแสดงหรือนักกีฬาตามความสามารถของตนนั้น มิได้เกิดขึ้นกับตัวนักแสดงหรือนักกีฬา แต่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่น โดยไม่ต้องคำนึงถึงบทบัญญัติของข้อ 7, 14 และ 15 เงินได้นั้นอาจเก็บภาษีได้ในรัฐผู้ทำสัญญาที่กิจกรรมนั้น ๆ ของนักแสดงหรือนักกีฬาได้กระทำขึ้น
3. บทบัญญัติของวรรค 1 และ 2 จะไม่ใช้บังคับแก่ค่าตอบแทน หรือกำไรเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินได้อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันซึ่งแสดง หรือนักกีฬาได้รับจากกิจกรรมที่กระทำในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง หากการมาเยือนรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นได้รับการอุดหนุนส่วนใหญ่จากกองทุนสาธารณะของรัฐ ผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง รวมทั้ง องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น
ข้อ 18 เงินบำนาญ
ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของวรรค 2 ของข้อ 19 เงินบำนาญและค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันที่จ่ายให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง สำหรับการทำงานในอดีตจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น
ข้อ 19 งานรัฐบาล
1. (ก) ค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินบำนาญที่จ่ายโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือส่วนราชการ หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นให้แก่บุคคลธรรมดาในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารที่ให้แก่รัฐนั้น หรือส่วนราชการหรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้น
(ข) อย่างไรก็ตาม ค่าตอบแทนดังกล่าวจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากบริการนั้นได้เฉพาะในรัฐนั้น และบุคคลธรรมดาผู้นั้นเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐนั้นผู้ซึ่ง
(1) เป็นคนชาติของรัฐนั้น หรือ
(2) มิได้เป็นผู้มีถิ่นอยู่ในรัฐนั้นเพียงเพื่อมุ่งประสงค์ที่จะให้บริการนั้น
2. (ก) เงินบำนาญใด ๆ ที่จ่ายโดยหรือจ่ายจากกองทุนที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือส่วนราชการหรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งนั้นให้แก่บุคคลธรรมดาใด ๆ ที่เกี่ยวกับบริการที่ให้แก่รัฐนั้นหรือส่วนราชการหรือองค์การบริหารของรัฐนั้นจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐนั้นเท่านั้น
(ข) อย่างไรก็ตาม เงินบำนาญนั้นจะเก็บภาษีได้เฉพาะในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ถ้าบุคคลธรรมดานั้นเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่และเป็นคนชาติของรัฐนั้น
3. บทบัญญัติของข้อ 15, 16 และ 18 จะใช้บังคับแก่ค่าตอบแทนและเงินบำนาญที่เกี่ยวกับการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใด ๆ ที่ดำเนินการโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือส่วนราชการหรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นของรัฐนั้น
ข้อ 20 นักศึกษา
เงินที่จ่ายให้นักศึกษาหรือผู้ฝึกงานทางธุรกิจผู้ซึ่งเป็นหรือในเวลาก่อนหน้ามาเยือนรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง และเป็นผู้อยู่ในรัฐที่กล่าวถึง รัฐแรกนั้นเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษาหรือการฝึกอบรม เพื่อความมุ่งประสงค์ในการครองชีพ การศึกษาหรือการอบรมจะไม่ถูกเก็บภาษีในรัฐนั้น โดยมีเงื่อนไขว่าเงินที่จ่ายนั้นเกิดจากแหล่งนอกรัฐนั้น
ข้อ 21 ศาสตราจารย์ ครู และนักวิจัย
1. บุคคลธรรมดาผู้ซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งในเวลาก่อนหน้าที่จะไปเยือนรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เป็นผู้ซึ่งได้ไปเยือนรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้นเป็นเวลาไม่เกินสองปี ตามคำเชิญของมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียนหรือสถาบัน การศึกษาอื่นใดที่คล้ายคลึง ซึ่งได้รับการรับรอง โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งเพียงเพื่อความมุ่งประสงค์ในการสอนหรือการวิจัยหรือทั้งสองประการ ที่สถาบันการศึกษาเช่นว่านั้นจะได้รับยกเว้นภาษีในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น สำหรับค่าตอบแทนจากการสอนหรือวิจัยเช่นว่านั้น
2. ข้อนี้จะไม่ใช้บังคับเฉพาะกับเงินได้จากการวิจัยนอกจากว่าการวิจัยเช่นว่านั้นได้ดำเนินการโดยบุคคลธรรมดาเพื่อประโยชน์สาธารณะ และประการสำคัญไม่ได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของเอกชนบางคนหรือเอกชนอื่น ๆ
ข้อ 22 เงินได้อื่น ๆ
บรรดารายการเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐทำสัญญารัฐหนึ่งซึ่งมิได้เกี่ยวข้องในข้อก่อน ๆแห่งความตกลงนี้อาจเก็บภาษีได้ในรัฐที่เงินได้นั้นเกิดขึ้น
ข้อ 23 การขจัดภาษีซ้อน
1. กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดจะยังคงใช้บังคับต่อไปในการเก็บภาษีจากเงินได้ในรัฐผู้ทำสัญญาแต่ละรัฐเว้นแต่ในกรณีที่มีบทบัญญัติไว้ชัดแจ้งให้เป็นอย่างอื่นในความตกลงนี้ ในกรณีที่เงินได้ต้องเสียภาษีในรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐก็ให้ได้รับการบรรเทาภาระจากการเก็บภาษีซ้อนตามวรรคต่าง ๆ ของข้อนี้
2. ในกรณีส.ป.ป.ลาว การซ้ำซ้อนของภาษีจะหลีกเลี่ยงโดยวิธีดังนี้
(ก) ในกรณีผู้มีถิ่นที่อยู่ในส.ป.ป.ลาวได้รับเงินได้ซึ่งตามบทบัญญัติของความตกลงนี้อาจเก็บภาษีได้ในประเทศไทย ส.ป.ป.ลาว จะยอมให้หักออกจากภาษีลาวที่เก็บจากเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่นั้นจำนวนเท่ากับภาษีที่ได้ชำระในประเทศไทยอย่างไรก็ตามการหักเช่นว่านั้นจะต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีลาวที่คำนวณได้ก่อนยอมให้มีการหักตามจำนวนที่เหมาะสมจากรายการเงินได้นั้น
(ข) ในกรณีเงินได้นั้นเกิดขึ้นจากประเทศไทยเป็นเงินปันผลจ่ายโดยบริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยให้แก่บริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในส.ป.ป.ลาวและถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นของบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลเครดิตจะต้องคำนึงถึงภาษีที่ชำระให้แก่ประเทศไทย โดยบริษัทที่จ่ายเงินปันผลในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้นั้น
(ค) เพื่อความมุ่งประสงค์ของบทบัญญัติอนุวรรค (ก) คำว่า "ภาษีที่ได้ชำระในประเทศไทย" จะถือว่ารวมถึงจำนวนของภาษีไทย ซึ่งควรจะได้เสียในประเทศไทยหากไม่ได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนให้ภายใต้กฎหมายส่งเสริมพิเศษอื่นใดเพื่อการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้อยู่ในวันลงนามในความตกลงนี้ หรือซึ่งอาจมีการประกาศเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางส่วนหรือประกาศเป็นการเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ในภายหลัง
3. ในกรณีประเทศไทย การซ้ำซ้อนของภาษีจะหลีกเลี่ยงโดยวิธีดังนี้
(ก) หากผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยได้รับเงินได้ซึ่งตามบทบัญญัติของความตกลงนี้อาจเก็บภาษีได้ในส.ป.ป.ลาว ประเทศไทยจะยอมให้หักออกจากภาษีไทยที่เก็บจากเงินได้ของผู้มีถิ่นที่อยู่นั้นจำนวนเท่ากับภาษีที่ได้ชำระในส.ป.ป.ลาว อย่างไรก็ตามการหักเช่นว่านั้นจะต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีไทยที่คำนวณได้ก่อนยอมให้มีการหักตามจำนวนที่เหมาะสมจากรายการเงินได้นั้น
(ข) ในกรณีเงินได้นั้นเกิดขึ้นจาก ส.ป.ป. ลาวเป็นเงินปันผลจ่ายโดยบริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ใน ส.ป.ป. ลาวให้แก่บริษัทซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของหุ้นของบริษัทผู้จ่ายเงินปันผล เครดิตจะต้องคำนึงถึงภาษีที่ชำระให้แก่ ส.ป.ป.ลาว โดยบริษัทที่จ่ายเงินปันผลในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้นั้น
(ค) เพื่อความมุ่งประสงค์ของบัญญัติอนุวรรค (ก) คำว่า "ภาษีที่ได้ชำระใน ส.ป.ป.ลาว" จะถือว่ารวมถึงจำนวนของภาษีลาว ซึ่งควรจะได้เสียใน ส.ป.ป.ลาว หากไม่ได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนให้ภายใต้กฎหมายส่งเสริมพิเศษอื่นใดเพื่อการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของส.ป.ป.ลาว ซึ่งมีผลบังคับใช้อยู่ในวันลงนามในความตกลงนี้ หรือซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางส่วนหรือประกาศเป็นการเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ในภายหลัง
ข้อ 24 การไม่เลือกประติบัติ
1. คนชาติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง จะต้องไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญา อีกรัฐหนึ่งให้เสียภาษีอากรใด ๆ หรือให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ เกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการนอกเหนือไปจาก หรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากรและข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งคนชาติของอีกรัฐหนึ่งนั้นถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตามในสถานการณ์เดียวกัน
2. ภาษีอากรที่เก็บจากสถานประกอบการถาวรซึ่งวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งมีอยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง จะต้องไม่เรียกเก็บในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งนั้น โดยเป็นการอนุเคราะห์น้อยกว่าภาษีอากรที่เรียกเก็บจากวิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งที่ประกอบกิจกรรมอย่างเดียวกัน
3. วิสาหกิจของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนี่งซึ่งผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งคนเดียวหรือหลายคนเป็นเจ้าของหรือควบคุมทุนทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม จะไม่ถูกบังคับในรัฐผู้ทำสัญญาที่กล่าวถึงรัฐแรกให้เสียภาษีอากรใด ๆ หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ เกี่ยวกับการนั้น อันเป็นการนอกเหนือไปจากหรือเป็นภาระหนักกว่าการเก็บภาษีอากรและข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งวิสาหกิจอื่นที่คล้ายคลึงกันของรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรกถูกหรืออาจถูกบังคับให้เสียหรือให้ปฏิบัติตาม
4. บทบัญญัติของข้อนี้จะไม่แปลความเป็นการผูกพันรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งต้องยอมให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง ซึ่งค่าลดหย่อนส่วนบุคคล การบรรเทาภาระและการหักลดใด ๆ เพื่อความมุ่งประสงค์ในทางภาษีอันเนื่องมาจากความเป็นพลเมือง หรือความรับผิดชอบทางครอบครัวซึ่งรัฐนั้นให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐของตน
5. บทบัญญัติของข้อนี้จะใช้บังคับกับภาษีซึ่งอยู่ในบังคับของความตกลงนี้
ข้อ 25 วิธีการดำเนินการเพื่อความตกลงร่วมกัน
1. ในกรณีผู้ถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งพิจารณาเห็นว่าการกระทำของรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดหรือทั้งสองรัฐมีผลหรือจะมีผลให้ตนเองต้องเสียภาษีอากร โดยไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของความตกลงนี้ บุคคลผู้นั้นอาจยื่นเรื่องราวของตนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาที่ตนมีถิ่นที่อยู่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงทางแก้ไขที่บัญญัติไว้ในกฎหมายภายในของรัฐผู้ทำสัญญาคำร้องดังกล่าวต้องยื่นภายในสามปีนับจากที่ได้มีการแจ้งการกระทำครั้งแรกที่ก่อให้เกิดการเรียกเก็บภาษีอันไม่เป็นไปตามบัญญัติแห่งความตกลงนี้
2. ถ้าข้อคัดค้านนั้นปรากฎแก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจว่ามีเหตุผลสมควรและถ้าตนไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมได้เอง ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพยายามแก้ไขกรณีนั้นโดยความตกลงร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง เพื่อการเว้นการเก็บภาษีอันไม่เป็นไปตามความตกลงนี้
3. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาจะต้องพยายามแก้ไขความยุ่งยากหรือข้อสงสัยใด ๆ อันเกิดขึ้นเกี่ยวกับการตีความหรือการใช้บังคับความตกลงนี้
4. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาทั้งสองรัฐอาจติดต่อกันโดยตรง เพื่อความมุ่งประสงค์ให้มีความตกลงกันตามความหมายแห่งวรรคก่อน ๆ นั้น
ข้อ 26 การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศ
1. เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญาจะแลกเปลี่ยนข้อสนเทศอันจำเป็นแก่การปฏิบัติตามบทบัญญัติของความตกลงนี้หรือตามกฎหมายภายในของรัฐผู้ทำสัญญาซึ่งเกี่ยวกับภาษีอากรที่อยู่ในขอบข่ายของความตกลงนี้เท่าที่ภาษีอากรตามกฎหมายนั้นไม่ขัดกันกับความตกลงนี้ ข้อสนเทศใดที่ได้รับโดยรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งให้ถือว่าเป็นความลับเช่นเดียวกันกับข้อสนเทศที่ไดรับภายใต้กฎหมายภายในของรัฐนั้น และจะเปิดเผยได้เฉพาะกับบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ (รวมทั้งศาลและองค์การฝ่ายบริหาร) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประเมินหรือการจัดเก็บ การบังคับหรือการดำเนินคดี หรือการชี้ขาดคำอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่อยู่ในขอบข่ายของความตกลงนี้ บุคคลหรือเจ้าหน้าที่เช่นว่านั้นจะใช้ข้อสนเทศนั้นเพียงเพื่อความมุ่งประสงค์นั้นเท่านั้น บุคคลหรือเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอาจเปิดเผยข้อสนเทศในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลหรือในคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล
2. ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม มิให้แปลความหมายบทบัญญัติของวรรค 1 เป็นการตั้งข้อผูกพันให้รัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งรัฐใดต้อง
(ก) ดำเนินมาตรการทางการบริหาร โดยบิดเบือนไปจากกฎหมายและวิธีปฏิบัติทางการบริหารของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นหรือรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง
(ข) ให้ข้อสนเทศอันมิอาจจัดหาได้ตามกฎหมายหรือตามทางการบริหาร โดยปกติของรัฐผู้ทำสัญญารัฐนั้นหรือรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง
(ค) ให้ข้อสนเทศซึ่งจะเปิดเผยความลับทางการค้า ธุรกิจ อุตสาหกรรมพาณิชยกรรมหรือวิชาชีพหรือกรรมวิธีทางการค้า หรือข้อสนเทศซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการขัดกับนโยบายสาธารณะ (ความสงบเรียบร้อยหรือศิลธรรมอันดีของสาธารณชน)
ข้อ 27 ผู้แทนทางการทูตและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล
ไม่มีข้อความใดในความตกลงนี้จะมีผลกระทบกระเทือนต่อเอกสิทธิ์ทางการรัษฎากรของผู้แทนทางการทูตหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลตามหลักทั่วไปแห่งกฎหมายระหว่างประเทศหรือตามบทบัญญัติแห่งความตกลงพิเศษทั้งหลาย
ข้อ 28 การเริ่มใช้บังคับ
1. ความตกลงนี้จะได้รับการให้สัตยาบันและจะได้ทำการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารกัน ณ...โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
2. ความตกลงนี้จะเริ่มใช้บังคับต่อเมื่อมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารและจะมีผลใช้บังคับ
(ก) ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับจำนวนเงินได้ที่ได้จ่ายหรือนำส่งในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมของปีถัดจากปีที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร
(ข) ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้อื่น ๆ สำหรับปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมของปีถัดจากปีซึ่งมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร
ข้อ 29 การเลิกใช้
ความตกลงนี้จะยังคงมีผลใช้บังคับตลอดไป แต่รัฐผู้ทำสัญญารัฐใดรัฐหนึ่ง อาจแจ้งการบอกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยช่องทางการทูตต่อรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งได้ในหรือก่อนวันที่ 30 มิถุนายนในปีปฏิทินใด ๆ ที่เริ่มต้นภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาห้าปีนับจากวันที่ความตกลงนี้มีผลใช้บังคับ
ในกรณีเช่นว่านั้น ความตกลงเป็นอันเลิกมีผลใช้บังคับ
(ก) ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับจำนวนที่จ่ายหรือนำส่งในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากเดือนที่มีการแจ้งการบอกเลิก
(ข) ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้อื่น ๆ สำหรับปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นในหรือหลังจากวันแรกของเดือนมกราคมถัดจากเดือนที่มีการแจ้งการบอกเลิก
เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้ลงนามข้างท้ายซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องลงนามในความตกลงฉบับนี้
ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ
--ข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 2/31 มกราคม 2541--