'หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์’ ระบุ นายกฯ หงุดหงิดกับปัญหาที่แก้ไม่ได้ เลยเกรี้ยวกราดใส่คนอื่น แนะให้ทบทวนตัวเอง พร้อมเห็นด้วยกับมาตรการประหยัดพลังงาน แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้วย
วันนี้(5ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์เป็นไปตามหน้าที่ของฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งยุคนี้ตนมองว่าทำมากกว่าตรวจสอบ คือมีข้อเสนอให้ด้วยทุกครั้ง แต่คนที่ด่าคือนายกฯ ด่าฝ่ายค้าน นักวิชาการ คนที่เคลื่อนไหว รวมทั้งสื่อมวลชน ดังนั้นนายกฯควรกลับไปทบทวนตัวเองดีกว่า เพราะนายกฯบอกอยากจะทำการเมืองให้สร้างสรรค์ แต่ท่านเองยังปรับตัวไม่ได้ ซึ่งสาเหตุเกิดขึ้นจากความหงุดหงิดของท่านเอง ที่ตอนนี้แก้ปัญหาหลายอย่างไม่ได้ อีกทั้งความล้มเหลวหลายอย่างเริ่มปรากฏ เพราะฉะนั้นแทนที่นายกฯจะมาเกรี้ยวกราดใส่คนอื่น ควรไปทบทวนดูว่าจุดที่เป็นปัญหาของความล้มเหลวจะแก้ไขอย่างไร เพราะนั่นคือหน้าที่ของท่าน
“คำว่าฝนตกขี้หมูไหล ก็ปล่อยเถอะครับ เดี๋ยวสักพักหนึ่งอาจจะปรับตัวทำใจได้ ตอนนี้คงต้องให้เวลาเพราะว่าท่านหงุดหงิดอยู่กับหลายๆเรื่อง เมื่อแก้ไขปัญหาต่างๆไม่ได้ ก็มักใช้วิธีโทษฝ่ายค้าน โทษสื่อ แต่บังเอิญว่าที่ผ่านมาทุกคนเขาเห็นว่าแต่ละฝ่ายก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ แต่หน้าที่ของท่านไม่ใช่มายืนด่าคน หน้าที่ของท่านคือการทำงานแก้ไขปัญหา พวกผมก็มีหน้าที่ในการที่จะให้ความคิด ให้ความเห็นต่างๆ ซึ่งก็ทำไปตามปกติ ก็อยากจะเรียนท่านว่าหงุดหงิดไปปัญหาก็แก้ไม่ได้ ให้กลับไปทบทวนว่าสาเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหนแล้วไปแก้ไขจะดีกว่า” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่าการใช้อารมณ์ของนายกฯจะเกิดผลกระทบอะไรกับการบริหารประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเป็นห่วงว่าตอนนี้หลายเรื่องมันกระทบความเชื่อมั่นอยู่แล้ว ดังนั้นผู้นำต้องแสดงตัวให้เกิดความมั่นใจด้วยการแสดงออกว่าเข้าใจสภาพการณ์ต่างๆ และตั้งสติได้ในการแก้ไขปัญหา อย่าไปแสดงออกในลักษณะที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นมากไปกว่านี้
เมื่อถามว่ามาตรการหลายๆอย่างที่รัฐบาลพยายามจะออกมาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำมันราคาแพงมาถูกทางหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มาตรการประหยัดเป็นเรื่องที่เราเห็นด้วย แต่ขอให้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพราะที่ผ่านมาตอนช่วงรณรงค์ค่อนข้างจะขาดความเป็นระบบและขาดความต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้จะตั้งกี่มาตรการก็แล้วแต่ ต้องมาไล่พิจารณาถึงผลกระทบและลำดับความสำคัญต่างๆว่าเป็นอย่างไร โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชน สิ่งไหนที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของเขา โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความยากลำบากสำหรับหลายๆคน ก็ต้องระมัดระวัง แต่ตรงไหนที่เห็นว่าเป็นเรื่องของความฟุ่มเฟือย ไม่มีความจำเป็นก็คงตัดสินใจได้ง่าย
เมื่อถามถึงมาตรการให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจหยุดวันจันทร์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยังไม่ค่อยแน่ใจว่าหมายความว่าอย่างไร แต่มาตรการในเรื่องการประหยัดเป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งอยากให้เริ่มต้นจากความฟุ่มเฟือยหรือความไม่จำเป็นในบางเรื่องก่อน เช่น ป้ายโฆษณา หรือสนามกอล์ฟ เป็นต้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ค. 2548--จบ--
วันนี้(5ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์เป็นไปตามหน้าที่ของฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งยุคนี้ตนมองว่าทำมากกว่าตรวจสอบ คือมีข้อเสนอให้ด้วยทุกครั้ง แต่คนที่ด่าคือนายกฯ ด่าฝ่ายค้าน นักวิชาการ คนที่เคลื่อนไหว รวมทั้งสื่อมวลชน ดังนั้นนายกฯควรกลับไปทบทวนตัวเองดีกว่า เพราะนายกฯบอกอยากจะทำการเมืองให้สร้างสรรค์ แต่ท่านเองยังปรับตัวไม่ได้ ซึ่งสาเหตุเกิดขึ้นจากความหงุดหงิดของท่านเอง ที่ตอนนี้แก้ปัญหาหลายอย่างไม่ได้ อีกทั้งความล้มเหลวหลายอย่างเริ่มปรากฏ เพราะฉะนั้นแทนที่นายกฯจะมาเกรี้ยวกราดใส่คนอื่น ควรไปทบทวนดูว่าจุดที่เป็นปัญหาของความล้มเหลวจะแก้ไขอย่างไร เพราะนั่นคือหน้าที่ของท่าน
“คำว่าฝนตกขี้หมูไหล ก็ปล่อยเถอะครับ เดี๋ยวสักพักหนึ่งอาจจะปรับตัวทำใจได้ ตอนนี้คงต้องให้เวลาเพราะว่าท่านหงุดหงิดอยู่กับหลายๆเรื่อง เมื่อแก้ไขปัญหาต่างๆไม่ได้ ก็มักใช้วิธีโทษฝ่ายค้าน โทษสื่อ แต่บังเอิญว่าที่ผ่านมาทุกคนเขาเห็นว่าแต่ละฝ่ายก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ แต่หน้าที่ของท่านไม่ใช่มายืนด่าคน หน้าที่ของท่านคือการทำงานแก้ไขปัญหา พวกผมก็มีหน้าที่ในการที่จะให้ความคิด ให้ความเห็นต่างๆ ซึ่งก็ทำไปตามปกติ ก็อยากจะเรียนท่านว่าหงุดหงิดไปปัญหาก็แก้ไม่ได้ ให้กลับไปทบทวนว่าสาเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหนแล้วไปแก้ไขจะดีกว่า” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่าการใช้อารมณ์ของนายกฯจะเกิดผลกระทบอะไรกับการบริหารประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเป็นห่วงว่าตอนนี้หลายเรื่องมันกระทบความเชื่อมั่นอยู่แล้ว ดังนั้นผู้นำต้องแสดงตัวให้เกิดความมั่นใจด้วยการแสดงออกว่าเข้าใจสภาพการณ์ต่างๆ และตั้งสติได้ในการแก้ไขปัญหา อย่าไปแสดงออกในลักษณะที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นมากไปกว่านี้
เมื่อถามว่ามาตรการหลายๆอย่างที่รัฐบาลพยายามจะออกมาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำมันราคาแพงมาถูกทางหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มาตรการประหยัดเป็นเรื่องที่เราเห็นด้วย แต่ขอให้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพราะที่ผ่านมาตอนช่วงรณรงค์ค่อนข้างจะขาดความเป็นระบบและขาดความต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้จะตั้งกี่มาตรการก็แล้วแต่ ต้องมาไล่พิจารณาถึงผลกระทบและลำดับความสำคัญต่างๆว่าเป็นอย่างไร โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชน สิ่งไหนที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของเขา โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความยากลำบากสำหรับหลายๆคน ก็ต้องระมัดระวัง แต่ตรงไหนที่เห็นว่าเป็นเรื่องของความฟุ่มเฟือย ไม่มีความจำเป็นก็คงตัดสินใจได้ง่าย
เมื่อถามถึงมาตรการให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจหยุดวันจันทร์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยังไม่ค่อยแน่ใจว่าหมายความว่าอย่างไร แต่มาตรการในเรื่องการประหยัดเป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งอยากให้เริ่มต้นจากความฟุ่มเฟือยหรือความไม่จำเป็นในบางเรื่องก่อน เช่น ป้ายโฆษณา หรือสนามกอล์ฟ เป็นต้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ค. 2548--จบ--