กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (3 ตุลาคม 2544) นายรัฐกิจ มานะทัต อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2544 คณะรัฐมนตรีได้มีมติรองรับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติข้อมติที่ 1373(2001๗ ว่าด้วยการต่อสู้การก่อการร้ายสากล ซึ่งข้อมติดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ ให้มีการปฏิบัติตามหมวดที่ 7 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับให้เกิดสันติภาพ โดยให้สภาชิกสหประชาชาติทุกประเทศดำเนินการดังนี้
1. ด้านการเงิน ร่วมมือป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายสามารถใช้ทรัพย์สินทางการเงินในประเทศต่าง ๆ โดยอาศัยมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ การอายัดทรัพย์สินทางการเงินของบุคคลหรือองค์กรซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย และป้องกันไม่ให้บุคคลสัญชาติตนหรือบุคคลอื่น สามารถใช้ทรัพย์สินทางการเงินในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
2. ด้านการเมือง ไม่ให้การสนับสนุนองค์กรหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย นอกจากนี้ ทุกประเทศต้องปรับปรุงกฎหมายและกฎหมายภายในประเทศเพื่อระบุว่า การก่อการร้ายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาอย่างร้ายแรงและสมควรแก่การลงโทษอย่างรุนแรง
3. ด้านการตรวจคนเข้าเมือง ขอให้มีการส่งเสริมความร่วมมืออย่างแข็งขันเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายอีกทั้งให้ทุกประเทศตรวจสอบผู้ลี้ภัยหรือผู้พลัดถิ่นว่าไม่มีความเกี่ยวโยงกับการก่อการร้าย
4. ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล เรียกร้องให้เสริมสร้างความร่วมมือซึ่งกันและกันด้านข้อมูลเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย เช่น ข้อมูลด้านการปฏิบัติการของผู้ก่อการร้ายและให้ประเทศต่าง ๆ เข้าเป็นรัฐภาคีและปฏิบัติตามอนุสัญญาและพิธีสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อร้ายโดยเร็วที่สุด รวมทั้งอนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการสนับสนุนด้านการเงินต่อการก่อการร้ายที่รับรองโดยสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2542 (Internatinal Convention for the Suppression of the Financing of Terrorsim)
ทั้งนี้อนุสัญญา และพิธีสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายมีจำนวนทั้งหมด 12 ฉบับ และไทยเป็นภาคีอยู่ 4 ฉบับคือ
1. อนุสัญญาว่าด้วยความผิดและการกระทำบางประการที่กระทำขึ้นบนอากาศยาน (Convention on Offences and Certain Other Acts Committed on Board Aircraft, Tokyo, 14 September 1963)
2. อนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการยึดเครื่องบิน (Convention for the Suppression of Unlawful Seizure of Aircraft, the Hague, 16 December 1970)
3. อนุสัญญาว่าด้วยการกระทำความผิดต่อความปลอดภัยของการเดินอากาศ (Convention for the Suppression of Unlawful Acts against the Safety of Civil Aviation, Montreal, 23 September 1971)
4. พิธีสารว่าด้วยการปราบปรามการกระทำร้ายแรงที่สนามบินที่ใช้ในการเดินอากาศระหว่างประเทศ (Protocol for the Suppression of Unlawful Acts of Violence at Airport Serving International Civil Aviation, Supplementary to the Convention for the Suppression of Unlawful Acts against the Safety of Civil Aviation, 24 February 1988)
ในฐานะประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ไทยมีพันธะผูกพันตามกฎหมายต้องปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงฯ ตามข้อ 25 ของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุว่าประเทศสมาชิกสหประชาชาติตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ดังนั้นไทยจึงต้องดำเนินการตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ที่ 1373 (2001) ซึ่งขณะนี้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษากฎหมายภายในที่มีอยู่ โดยกระทรวง ทบวง และกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีแก้ไขกฎระเบียบ และกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงฯ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (3 ตุลาคม 2544) นายรัฐกิจ มานะทัต อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2544 คณะรัฐมนตรีได้มีมติรองรับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติข้อมติที่ 1373(2001๗ ว่าด้วยการต่อสู้การก่อการร้ายสากล ซึ่งข้อมติดังกล่าวมีสาระสำคัญคือ ให้มีการปฏิบัติตามหมวดที่ 7 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับให้เกิดสันติภาพ โดยให้สภาชิกสหประชาชาติทุกประเทศดำเนินการดังนี้
1. ด้านการเงิน ร่วมมือป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายสามารถใช้ทรัพย์สินทางการเงินในประเทศต่าง ๆ โดยอาศัยมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ การอายัดทรัพย์สินทางการเงินของบุคคลหรือองค์กรซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย และป้องกันไม่ให้บุคคลสัญชาติตนหรือบุคคลอื่น สามารถใช้ทรัพย์สินทางการเงินในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
2. ด้านการเมือง ไม่ให้การสนับสนุนองค์กรหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย นอกจากนี้ ทุกประเทศต้องปรับปรุงกฎหมายและกฎหมายภายในประเทศเพื่อระบุว่า การก่อการร้ายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาอย่างร้ายแรงและสมควรแก่การลงโทษอย่างรุนแรง
3. ด้านการตรวจคนเข้าเมือง ขอให้มีการส่งเสริมความร่วมมืออย่างแข็งขันเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายอีกทั้งให้ทุกประเทศตรวจสอบผู้ลี้ภัยหรือผู้พลัดถิ่นว่าไม่มีความเกี่ยวโยงกับการก่อการร้าย
4. ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล เรียกร้องให้เสริมสร้างความร่วมมือซึ่งกันและกันด้านข้อมูลเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย เช่น ข้อมูลด้านการปฏิบัติการของผู้ก่อการร้ายและให้ประเทศต่าง ๆ เข้าเป็นรัฐภาคีและปฏิบัติตามอนุสัญญาและพิธีสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อร้ายโดยเร็วที่สุด รวมทั้งอนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการสนับสนุนด้านการเงินต่อการก่อการร้ายที่รับรองโดยสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2542 (Internatinal Convention for the Suppression of the Financing of Terrorsim)
ทั้งนี้อนุสัญญา และพิธีสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายมีจำนวนทั้งหมด 12 ฉบับ และไทยเป็นภาคีอยู่ 4 ฉบับคือ
1. อนุสัญญาว่าด้วยความผิดและการกระทำบางประการที่กระทำขึ้นบนอากาศยาน (Convention on Offences and Certain Other Acts Committed on Board Aircraft, Tokyo, 14 September 1963)
2. อนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการยึดเครื่องบิน (Convention for the Suppression of Unlawful Seizure of Aircraft, the Hague, 16 December 1970)
3. อนุสัญญาว่าด้วยการกระทำความผิดต่อความปลอดภัยของการเดินอากาศ (Convention for the Suppression of Unlawful Acts against the Safety of Civil Aviation, Montreal, 23 September 1971)
4. พิธีสารว่าด้วยการปราบปรามการกระทำร้ายแรงที่สนามบินที่ใช้ในการเดินอากาศระหว่างประเทศ (Protocol for the Suppression of Unlawful Acts of Violence at Airport Serving International Civil Aviation, Supplementary to the Convention for the Suppression of Unlawful Acts against the Safety of Civil Aviation, 24 February 1988)
ในฐานะประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ไทยมีพันธะผูกพันตามกฎหมายต้องปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงฯ ตามข้อ 25 ของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุว่าประเทศสมาชิกสหประชาชาติตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ดังนั้นไทยจึงต้องดำเนินการตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ที่ 1373 (2001) ซึ่งขณะนี้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษากฎหมายภายในที่มีอยู่ โดยกระทรวง ทบวง และกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีแก้ไขกฎระเบียบ และกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงฯ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-