ส.ส. ไทยรักไทย พาคนงานร้องกรรมาธิการ ถูก ส.ส. ด้วยกันต้มตุ๋น วันที่ 6 มิถุนายน 2544 คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้มี การประชุมเกี่ยวกับกรณีที่นายนิพนธ์ คนขยัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย พรรคไทยรักไทย ได้นำคนงานประมาณ 10 คน ที่ถูกบริษัทจัดหางาน ซึ่งเป็นบริษัทของ ส.ส. พรรคไทยรักไทยในภาคอีสาน หลอกเก็บเงินค่าธรรมเนียมรายละ 150,000 - 190,000 บาทเพื่อแลกกับการไปทำงานต่างประเทศ แต่กลับถูกลอยแพทำให้เดือดร้อน นายนิพนธ์ คนขยัน กรรมาธิการการแรงงาน แถลงภายหลังการประชุมว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านก็ได้ยื่นเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมพรรคไทยรักไทยหลายครั้ง เพื่อให้แก้ปัญหานี้ แต่พรรคได้เสนอให้นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคนำไปพิจารณา แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า หลังจากนั้นตนก็ไปร้องเรียนโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็มอบหมายให้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการแต่เรื่องก็เงียบหายไป หรือ แม้แต่การส่งเรื่องไปให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องก็ไม่มีความคืบหน้า นายนิพนธ์ กล่าวว่า บริษัทจัดหางานที่หลอกคนงานในจังหวัดหนองคายไปเป็นจำนวนมากคือ บริษัท เค.ที.เอ็ม. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งกรรมการผู้จัดการมีนามสกุลเดียวกับ ส.ส. ของพรรคไทยรักไทยในภาคอีสาน โดยก่อนหน้านี้ ส.ส. คนดังกล่าวซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท ได้พยายามล็อบบี้ไม่ให้ตนนำเรื่องไปร้องต่อพรรคและคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร โดยรับปากว่าจะนำเงินที่เก็บจากคนงานไปคืนให้แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป และตนเห็นว่า หากไม่นำเรื่องเข้าพิจารณาในคณะกรรมาธิการแรงงานปัญหาก็จะไม่จบ และเมื่อนำเรื่องเข้ากรรมาธิการแล้ว ที่ประชุมคณะกรรมาธิการก็ยืนยันว่า จะต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นและถูกต้องโดยเร่งด่วน ปัญหานี้เป็นปัญหาสำคัญต่อแรงงานมาก ในการดำเนินการจะต้องขจัดที่ ต้นเหตุ เพื่อหาข้อเท็จจริงและความถูกต้อง และในวันพุธที่ 13 มิถุนายน 2544 คณะกรรมาธิการ จะเชิญอธิบดีกรมการจัดหางานและผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาชี้แจง นายนิพนธ์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ส.ส. คนที่เป็นเจ้าของบริษัทจัดหางานดังกล่าว ในอดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งบริษัทจัดหางานชื่อบริษัท เค.ที.เอ็ม.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยให้หลานชายเป็นกรรมการผู้จัดการ เก็บเงินค่าธรรมเนียมจากคนงานคนละ 150,000 - 190,000 บาท ไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2543 จนถึงปัจจุบันก็ ไม่สามารถส่งคนงานไปทำงานที่ประเทศไต้หวันตามที่ตกลงไว้ได้ ก่อนหน้านี้ ส.ส. เจ้าของบริษัทได้พยายามติดต่อมายังตนหลายครั้ง โดยขอให้ยุติการเคลื่อนไหวและขอร้องไม่ให้นำเรื่องนี้เข้าคณะกรรมาธิการการแรงงาน เช่นเดียวกับที่นายวิทยา ภูมิเหล่าแจ้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายสุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งมี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดมหาสารคาม และได้มีชาวบ้านของทั้งสองจังหวัดที่ถูกบริษัทดังกล่าวต้มตุ๋น มาร้องเรียน ก็ได้ถูกล็อบบี้ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งทั้งสองคนก็ยินยอม แต่ในส่วนของตนนั้น ไม่ยินยอมเนื่องจากผู้ที่ถูกหลอกเป็นญาติพี่น้องของตน จึงได้นำเรื่องเข้าคณะกรรมาธิการ การแรงงาน ซึ่งมีนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น พรรคความหวังใหม่ เป็นประธาน และนายเปรมศักดิ์ก็จะผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ กองการประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร