ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สรุปผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือประจำเดือน พ.ค. 43 จากแบบสำรวจของผู้ประกอบการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 105 ตัวอย่าง ดังนี้ :-
1. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค. 43 ลดลงจากเดือนก่อน โดยอยู่ต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มลดลงอีกใน 4 เดือนข้างหน้าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค. 43 อยู่ที่ระดับร้อยละ 48.8 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 50.1 และต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มลดลงอีกใน 4 เดือนข้างหน้า เนื่องจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านอำนาจซื้อของประชาชน ด้านการลงทุนโดยรวม ด้านต้นทุนการประกอบการ และแนวโน้มการส่งออก ลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่ปัจจัยด้านผลประกอบการและด้านการจ้างงานดีขึ้นจากเดือนก่อน
2. ตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อการปรับตัวของธุรกิจแต่ไม่รวมอยู่ในองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่น่าสังเกต ได้แก่
2.1 ปริมาณสินค้าคงคลัง ทั้งวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปในเดือน พ.ค. ลดลงจากเดือนก่อน ดัชนีปริมาณสินค้าคงคลังมีค่าเท่ากับร้อยละ 51.9 สูงกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ย (ร้อยละ 50) ผู้ประกอบการมีการควบคุมสต๊อกสินค้าให้พอเหมาะกับปริมาณสั่งซื้อเพื่อควบคุมต้นทุนการผลิต โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 45.7 เห็นว่าปริมาณสินค้าคงคลังเท่าเดิม
2.2 การแข่งขันทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่มีตลาดในประเทศประสบปัญหาการแข่งขันทางธุรกิจทั้งด้านตลาดและราคาสูงขึ้นจากเดือนก่อน ดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศอยู่ในระดับร้อยละ 35.4 การแข่งขันยังคงรุนแรง เนื่องจากความต้องการบริโภคสินค้าในประเทศลดลง โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 49.5 เห็นว่าการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศสูงขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการร้อยละ 37.1 เห็นว่าการแข่งขันภายในประเทศยังคงเท่าเดิม
นอกจากนี้ ธุรกิจส่งออกมีการแข่งขันสูงขึ้นจากเดือนก่อน ดัชนีอยู่ที่ระดับร้อยละ 39.7 เทียบกับการแข่งขันในระดับปกติ (คือร้อยละ 50) การแข่งขันยังคงมีความรุนแรง โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 50.0 เห็นว่าการแข่งขันด้านการส่งออกยังคงเท่าเดิม ขณะที่ผู้ประกอบการร้อยละ 44.1 เห็นว่าการแข่งขันด้านการส่งออกยังคงรุนแรง
2.3 ภาวะการเงินเดือน พ.ค. 43 ลดลงจากเดือนก่อน ธุรกิจมีสภาพคล่อง ทางการเงินลดลง และมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังมีการให้เครดิตกับลูกค้าเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
2.4 ตลาดเงินช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. 43 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และสภาพคล่องทางธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้น สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์มีแนวโน้มลดลง เงินบาทมีค่าแข็งขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกในระยะต่อไป
3. ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ
3.1 ภาครัฐควรดูแลราคาสินค้าเกษตรให้เหมาะสม เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาก รวมทั้งหาตลาดให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น
3.2 ภาครัฐควรเร่งสร้างงานเพื่อแก้ปัญหาการว่างงานที่มีจำนวนมาก และกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
3.3 ผู้ประกอบการประสบปัญหาต้นทุนการผลิต เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น รวมทั้งมีการแข่งขันด้านการส่งเสริมการตลาดที่รุนแรง
3.4 รัฐควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
3.5 รัฐควรเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้มากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการยังขาดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาตลาดเอาไว้
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
องค์ประกอบดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ไม่ตอบ
1. สถานะเศรษฐกิจหรือผลประกอบการธุรกิจ 30.0 47.9 21.1 0.9
2. อำนาจซื้อของประชาชน 25.8 44.6 26.8 2.8
3. การลงทุนโดยรวมในธุรกิจ 22.5 63.4 13.1 0.9
4. การจ้างงานในธุรกิจ 17.8 72.3 8.9 0.9
เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
5. ต้นทุนการประกอบการโดยรวมในธุรกิจ 39.4 53.5 4.2 2.8
6. แนวโน้มการส่งออก 25.6 32.6 41.9 -
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
ตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
1. ปริมาณสินค้าคงคลัง
- วัตถุดิบ 13.3 36.2 16.2 34.3
- สินค้าสำเร็จรูป 12.4 55.2 22.9 9.5
2. การแข่งขันธุรกิจด้านการตลาดและหรือด้านราคา
- ในประเทศ 49.5 37.1 2.9 10.5
- ต่างประเทศ 44.1 50.0 5.9 -
3. ภาวะการเงินเดือน พ.ค. 43
- ภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 18.1 57.1 5.7 19.0
- การให้เครดิตแก่ลูกค้า 13.3 51.4 18.1 17.1
- สภาพคล่อง 10.5 70.5 6.7 12.4
4. แนวโน้มตลาดเงินที่คาดไว้ในเดือน ก.ค.-ก.ย. 43
เทียบกับเดือน พ.ค. 43
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 10.5 70.5 6.7 12.4
- อัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์ 19.0 44.8 16.2 20.0
- สภาพคล่อง 12.4 50.5 21.2 16.2
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-
1. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค. 43 ลดลงจากเดือนก่อน โดยอยู่ต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มลดลงอีกใน 4 เดือนข้างหน้าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค. 43 อยู่ที่ระดับร้อยละ 48.8 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 50.1 และต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มลดลงอีกใน 4 เดือนข้างหน้า เนื่องจากปัจจัยความเชื่อมั่นด้านอำนาจซื้อของประชาชน ด้านการลงทุนโดยรวม ด้านต้นทุนการประกอบการ และแนวโน้มการส่งออก ลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่ปัจจัยด้านผลประกอบการและด้านการจ้างงานดีขึ้นจากเดือนก่อน
2. ตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อการปรับตัวของธุรกิจแต่ไม่รวมอยู่ในองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่น่าสังเกต ได้แก่
2.1 ปริมาณสินค้าคงคลัง ทั้งวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปในเดือน พ.ค. ลดลงจากเดือนก่อน ดัชนีปริมาณสินค้าคงคลังมีค่าเท่ากับร้อยละ 51.9 สูงกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ย (ร้อยละ 50) ผู้ประกอบการมีการควบคุมสต๊อกสินค้าให้พอเหมาะกับปริมาณสั่งซื้อเพื่อควบคุมต้นทุนการผลิต โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 45.7 เห็นว่าปริมาณสินค้าคงคลังเท่าเดิม
2.2 การแข่งขันทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่มีตลาดในประเทศประสบปัญหาการแข่งขันทางธุรกิจทั้งด้านตลาดและราคาสูงขึ้นจากเดือนก่อน ดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศอยู่ในระดับร้อยละ 35.4 การแข่งขันยังคงรุนแรง เนื่องจากความต้องการบริโภคสินค้าในประเทศลดลง โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 49.5 เห็นว่าการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศสูงขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการร้อยละ 37.1 เห็นว่าการแข่งขันภายในประเทศยังคงเท่าเดิม
นอกจากนี้ ธุรกิจส่งออกมีการแข่งขันสูงขึ้นจากเดือนก่อน ดัชนีอยู่ที่ระดับร้อยละ 39.7 เทียบกับการแข่งขันในระดับปกติ (คือร้อยละ 50) การแข่งขันยังคงมีความรุนแรง โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 50.0 เห็นว่าการแข่งขันด้านการส่งออกยังคงเท่าเดิม ขณะที่ผู้ประกอบการร้อยละ 44.1 เห็นว่าการแข่งขันด้านการส่งออกยังคงรุนแรง
2.3 ภาวะการเงินเดือน พ.ค. 43 ลดลงจากเดือนก่อน ธุรกิจมีสภาพคล่อง ทางการเงินลดลง และมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังมีการให้เครดิตกับลูกค้าเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
2.4 ตลาดเงินช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. 43 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และสภาพคล่องทางธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้น สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์มีแนวโน้มลดลง เงินบาทมีค่าแข็งขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกในระยะต่อไป
3. ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ
3.1 ภาครัฐควรดูแลราคาสินค้าเกษตรให้เหมาะสม เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาก รวมทั้งหาตลาดให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น
3.2 ภาครัฐควรเร่งสร้างงานเพื่อแก้ปัญหาการว่างงานที่มีจำนวนมาก และกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
3.3 ผู้ประกอบการประสบปัญหาต้นทุนการผลิต เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น รวมทั้งมีการแข่งขันด้านการส่งเสริมการตลาดที่รุนแรง
3.4 รัฐควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
3.5 รัฐควรเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้มากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการยังขาดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาตลาดเอาไว้
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
องค์ประกอบดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ไม่ตอบ
1. สถานะเศรษฐกิจหรือผลประกอบการธุรกิจ 30.0 47.9 21.1 0.9
2. อำนาจซื้อของประชาชน 25.8 44.6 26.8 2.8
3. การลงทุนโดยรวมในธุรกิจ 22.5 63.4 13.1 0.9
4. การจ้างงานในธุรกิจ 17.8 72.3 8.9 0.9
เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
5. ต้นทุนการประกอบการโดยรวมในธุรกิจ 39.4 53.5 4.2 2.8
6. แนวโน้มการส่งออก 25.6 32.6 41.9 -
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
ตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
1. ปริมาณสินค้าคงคลัง
- วัตถุดิบ 13.3 36.2 16.2 34.3
- สินค้าสำเร็จรูป 12.4 55.2 22.9 9.5
2. การแข่งขันธุรกิจด้านการตลาดและหรือด้านราคา
- ในประเทศ 49.5 37.1 2.9 10.5
- ต่างประเทศ 44.1 50.0 5.9 -
3. ภาวะการเงินเดือน พ.ค. 43
- ภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 18.1 57.1 5.7 19.0
- การให้เครดิตแก่ลูกค้า 13.3 51.4 18.1 17.1
- สภาพคล่อง 10.5 70.5 6.7 12.4
4. แนวโน้มตลาดเงินที่คาดไว้ในเดือน ก.ค.-ก.ย. 43
เทียบกับเดือน พ.ค. 43
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 10.5 70.5 6.7 12.4
- อัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์ 19.0 44.8 16.2 20.0
- สภาพคล่อง 12.4 50.5 21.2 16.2
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-