เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2544 คณะมนตรียุโรปด้านการคุ้มครองผู้บริโภคได้เห็นชอบข้อเสนอร่างระเบียบคณะกรรมาธิการยุโรปฉบับแก้ไขล่าสุด ที่ COM(2001)159 final ซึ่งเป็นมาตรการรวบรวมระเบียบว่าด้วยความปลอดภัยอาหารประเด็นหนึ่งที่ประกาศไว้ภายใต้ White Paper on Food Safety โดยระเบียบนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ประเด็น คือ
-- รวบรวมระเบียบระดับชาติของประเทศสมาชิกฯ ว่าด้วยอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของวิตามิน หรือเกลือแร่ต่างๆ ในรูปแบบเม็ดหรือวุ้น เพื่อก่อให้เกิดความราบรื่นในการค้าขายสินค้า
-- รับประกันความปลอดภัยของสินค้าโดยการระบุข้อมูลสินค้าที่ชัดเจนบนฉลาก เช่น ข้อแนะนำปริมาณการบริโภคต่อวัน รายละเอียดส่วนผสมวิตามิน/เกลือแร่หรือคำเตือนในกรณีที่บริโภคในปริมาณเกินที่กำหนดไว้ตามคำแนะนำของผู้ผลิต ซึ่งเป็นการตอบสนองคำเรียกร้องภายใต้นโยบายความปลอดภัยอาหารของสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ ร่างระเบียบมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้.-
1). กำหนดคำจำกัดความอาหารเสริมว่าเป็นสารอาหารที่ประกอบเป็นแหล่งที่มารวมของอาหารบำรุงหรือสารอื่นๆ ที่มีผลต่อด้านโภชนาการหรือผลต่อร่างกาย (ใช้คำว่ามีผลแทนมีบทบาท) โดยมีผลอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซึ่งมีการจัดจำหน่ายในรูปแบบของขนาดที่ใช้หรือมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการเสริมอาหารที่รับประทานโดยปกติ
2). ระบุเงื่อนไขปริมาณสูงสุดในการบริโภควิตามินและเกลือแร่ต่อวันที่กำหนดขึ้นโดย Standing Com- mittee on Food ซึ่งผ่านการประเมินทางวิทยาศาสตร์ในด้านความเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับคุณค่าทางอาหารจากแหล่งอื่น และคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ผู้บริโภคสามารถรับจากอาหารเสริม โดยคณะกรรมมาธิการฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ทางอาหาร (Scientific Committee on Food - SCF) ดำเนินการวิจัยปริมาณการบริโภคสูงสุดต่อวันที่ไม่เกิดอันตรายต่อสุขอนามัยผู้บริโภคและกำหนดปัจจัยความปลอดภัยของวิตามิน/เกลือแร่แต่ละชนิดเพื่อรับประกันความปลอดภัยของอาหารเสริมและอาหารที่มีประโยชน์ทางโภชนาการเพิ่มเติม (Fortified Food)
3). ระบุรายการสารเคมีที่ได้รับอนุญาตให้นำมาผลิตเป็นวิตามินและเกลือแร่ตามผลการประเมินของ SCF
4). รับประกันการติดฉลากที่มีข้อมูลปรากฎตามที่อ้างถึงข้างต้นในข้อ 2. เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้บริโภคสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาซื้อสินค้า โดยห้ามการอ้างอิงโดยสิ้นเชิงถึงคุณค่าในการรักษาหรือบำบัดโรคภัยไข้เจ็บหรือการให้ข้อชวนคิดว่าการรับประทานอาหารหลากหลายจะไม่มีผลต่อการได้รับคุณค่าทางอาหารที่จำเป็น
5). กำหนดขั้นตอนการตรวจตราสินค้าโดย Competent Authority ของแต่ละประเทศสมาชิกฯ ซึ่งครอบคลุมสินค้านำเข้าจากประเทศที่สาม
6). การปรับปรุงข้อมูลความเป็นอันตรายของสินค้าให้ทันสมัยเพื่อนำไปใช้ในการห้ามวางจำหน่ายสินค้าหรือจำกัดการใช้
7). กำหนดให้ประเทศสมาชิกฯ ปรับกฎหมายระดับชาติให้สอดคล้องกับระเบียบฉบับนี้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2545 เป็นต้นไป ทั้งนี้อนุญาตให้มีช่วงเวลาการปรับตัวจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2545 เป็นอย่างช้า และห้ามการวางจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบนี้โดยสิ้นเชิงหลังวันที่ 1 มิถุนายน 2547 ข้อคิดเห็น/เสนอแนะ
ในกรณีที่ประเทศไทยส่งอาหารที่เกี่ยวข้อง ก็ควรเตรียมการปฏิบัติตามระเบียบฉบับนี้เกี่ยวกับการผลิต ปิดฉลาก และส่งออกสินค้าอาหารเสริม เช่น สมุนไพรที่มีแร่ธาตุวิตามินหรือเกลือแร่ โดยเพิ่มความเคร่งครัดให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยต่างๆ เพื่อที่สินค้าไทยสามารถมีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าสินค้าดังกล่าวของสหภาพยุโรป
(ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศฯ ณ กรุงบรัสเซลส์)
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำเดือนตุลาคม 2544--
-อน-
-- รวบรวมระเบียบระดับชาติของประเทศสมาชิกฯ ว่าด้วยอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของวิตามิน หรือเกลือแร่ต่างๆ ในรูปแบบเม็ดหรือวุ้น เพื่อก่อให้เกิดความราบรื่นในการค้าขายสินค้า
-- รับประกันความปลอดภัยของสินค้าโดยการระบุข้อมูลสินค้าที่ชัดเจนบนฉลาก เช่น ข้อแนะนำปริมาณการบริโภคต่อวัน รายละเอียดส่วนผสมวิตามิน/เกลือแร่หรือคำเตือนในกรณีที่บริโภคในปริมาณเกินที่กำหนดไว้ตามคำแนะนำของผู้ผลิต ซึ่งเป็นการตอบสนองคำเรียกร้องภายใต้นโยบายความปลอดภัยอาหารของสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ ร่างระเบียบมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้.-
1). กำหนดคำจำกัดความอาหารเสริมว่าเป็นสารอาหารที่ประกอบเป็นแหล่งที่มารวมของอาหารบำรุงหรือสารอื่นๆ ที่มีผลต่อด้านโภชนาการหรือผลต่อร่างกาย (ใช้คำว่ามีผลแทนมีบทบาท) โดยมีผลอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซึ่งมีการจัดจำหน่ายในรูปแบบของขนาดที่ใช้หรือมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการเสริมอาหารที่รับประทานโดยปกติ
2). ระบุเงื่อนไขปริมาณสูงสุดในการบริโภควิตามินและเกลือแร่ต่อวันที่กำหนดขึ้นโดย Standing Com- mittee on Food ซึ่งผ่านการประเมินทางวิทยาศาสตร์ในด้านความเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับคุณค่าทางอาหารจากแหล่งอื่น และคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ผู้บริโภคสามารถรับจากอาหารเสริม โดยคณะกรรมมาธิการฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ทางอาหาร (Scientific Committee on Food - SCF) ดำเนินการวิจัยปริมาณการบริโภคสูงสุดต่อวันที่ไม่เกิดอันตรายต่อสุขอนามัยผู้บริโภคและกำหนดปัจจัยความปลอดภัยของวิตามิน/เกลือแร่แต่ละชนิดเพื่อรับประกันความปลอดภัยของอาหารเสริมและอาหารที่มีประโยชน์ทางโภชนาการเพิ่มเติม (Fortified Food)
3). ระบุรายการสารเคมีที่ได้รับอนุญาตให้นำมาผลิตเป็นวิตามินและเกลือแร่ตามผลการประเมินของ SCF
4). รับประกันการติดฉลากที่มีข้อมูลปรากฎตามที่อ้างถึงข้างต้นในข้อ 2. เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้บริโภคสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาซื้อสินค้า โดยห้ามการอ้างอิงโดยสิ้นเชิงถึงคุณค่าในการรักษาหรือบำบัดโรคภัยไข้เจ็บหรือการให้ข้อชวนคิดว่าการรับประทานอาหารหลากหลายจะไม่มีผลต่อการได้รับคุณค่าทางอาหารที่จำเป็น
5). กำหนดขั้นตอนการตรวจตราสินค้าโดย Competent Authority ของแต่ละประเทศสมาชิกฯ ซึ่งครอบคลุมสินค้านำเข้าจากประเทศที่สาม
6). การปรับปรุงข้อมูลความเป็นอันตรายของสินค้าให้ทันสมัยเพื่อนำไปใช้ในการห้ามวางจำหน่ายสินค้าหรือจำกัดการใช้
7). กำหนดให้ประเทศสมาชิกฯ ปรับกฎหมายระดับชาติให้สอดคล้องกับระเบียบฉบับนี้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2545 เป็นต้นไป ทั้งนี้อนุญาตให้มีช่วงเวลาการปรับตัวจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2545 เป็นอย่างช้า และห้ามการวางจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบนี้โดยสิ้นเชิงหลังวันที่ 1 มิถุนายน 2547 ข้อคิดเห็น/เสนอแนะ
ในกรณีที่ประเทศไทยส่งอาหารที่เกี่ยวข้อง ก็ควรเตรียมการปฏิบัติตามระเบียบฉบับนี้เกี่ยวกับการผลิต ปิดฉลาก และส่งออกสินค้าอาหารเสริม เช่น สมุนไพรที่มีแร่ธาตุวิตามินหรือเกลือแร่ โดยเพิ่มความเคร่งครัดให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยต่างๆ เพื่อที่สินค้าไทยสามารถมีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าสินค้าดังกล่าวของสหภาพยุโรป
(ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศฯ ณ กรุงบรัสเซลส์)
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำเดือนตุลาคม 2544--
-อน-