กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (16 ตุลาคม 2544) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 13 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. เหตุการณ์การก่อการร้ายในสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนกันยายน ศกนี้ ส่งผลให้การหารือความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจนั้นมีความสำคัญมากขึ้น โดยประเทศสมาชิกจะต้องสร้างความมั่นใจให้กันและกัน เปิดเสรี ช่วยเหลือกันทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น โดยเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
2. หากผู้นำเอเปคตกลงกันได้ว่าควรมีการประชุมระดับรัฐมนตรีของ องค์การการค้าโลก (World Trade Organization | WTO) ที่ประเทศกาตาร์ และหากทุกประเทศเห็นพ้องกันในเรื่องการเจรจาการค้ารอบใหม่ได้ก็จะเป็นจุดเริ่มที่สำคัญของระบบการค้าโลก และในขณะเดียวกันวาระการประชุมจะต้องมีความสมดุลคือนอกจากหัวข้อที่เสนอโดยประเทศพัฒนาแล้ว จะต้องมีประเด็นที่สะท้อนผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาด้วย เช่น เรื่องการเสริมสร้างความสามารถหรือสมรรถนะ (capacity building)
3. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว หรือการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจจะทำให้เกิดความมั่นใจและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้น เช่น Electronic-APEC ก็อาจเชื่อมประเทศที่สนใจให้มาร่วมโครงการอินเตอร์เน็ทตำบลของไทย ซึ่งจะทำให้การค้าชุมชนของไทยเชื่อมกับตลาดโลกได้
4. ตามที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เสนอไว้ว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในอดีตน่าจะมาพบกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้น ขณะนี้ ได้รับการยืนยันแล้วว่านายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับนายตุง ชี วา ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง นางกลอเรีย อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย โดยจะหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อประเมินผลจาก ประสบการณ์และเตรียมการหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต
5. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกรอบเอเปคมีความสำคัญมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การก่อการร้าย เนื่องจากประเทศต่างๆ ต้องช่วยกันพยุงเศรษฐกิจโลก ไม่ให้ถดถอยลงไป ดังนั้นจึงต้องมีความร่วมมือเพื่อสร้างความมั่นใจ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : [email protected] จบ--
-อน-
วันนี้ (16 ตุลาคม 2544) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 13 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. เหตุการณ์การก่อการร้ายในสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนกันยายน ศกนี้ ส่งผลให้การหารือความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจนั้นมีความสำคัญมากขึ้น โดยประเทศสมาชิกจะต้องสร้างความมั่นใจให้กันและกัน เปิดเสรี ช่วยเหลือกันทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น โดยเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
2. หากผู้นำเอเปคตกลงกันได้ว่าควรมีการประชุมระดับรัฐมนตรีของ องค์การการค้าโลก (World Trade Organization | WTO) ที่ประเทศกาตาร์ และหากทุกประเทศเห็นพ้องกันในเรื่องการเจรจาการค้ารอบใหม่ได้ก็จะเป็นจุดเริ่มที่สำคัญของระบบการค้าโลก และในขณะเดียวกันวาระการประชุมจะต้องมีความสมดุลคือนอกจากหัวข้อที่เสนอโดยประเทศพัฒนาแล้ว จะต้องมีประเด็นที่สะท้อนผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาด้วย เช่น เรื่องการเสริมสร้างความสามารถหรือสมรรถนะ (capacity building)
3. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว หรือการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจจะทำให้เกิดความมั่นใจและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้น เช่น Electronic-APEC ก็อาจเชื่อมประเทศที่สนใจให้มาร่วมโครงการอินเตอร์เน็ทตำบลของไทย ซึ่งจะทำให้การค้าชุมชนของไทยเชื่อมกับตลาดโลกได้
4. ตามที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เสนอไว้ว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในอดีตน่าจะมาพบกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้น ขณะนี้ ได้รับการยืนยันแล้วว่านายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับนายตุง ชี วา ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง นางกลอเรีย อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย โดยจะหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อประเมินผลจาก ประสบการณ์และเตรียมการหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต
5. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกรอบเอเปคมีความสำคัญมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การก่อการร้าย เนื่องจากประเทศต่างๆ ต้องช่วยกันพยุงเศรษฐกิจโลก ไม่ให้ถดถอยลงไป ดังนั้นจึงต้องมีความร่วมมือเพื่อสร้างความมั่นใจ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : [email protected] จบ--
-อน-