กรุงเทพ--29 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมระดับรัฐมนตรีระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN + 3) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ในการประชุม ASEAN + 3 ได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศและสถานการณ์ในภูมิภาค โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคาบสมุทรเกาหลีและการปฎิรูปสหประชาชาติ ในส่วนของคาบสมุทรเกาหลีนั้น ฝ่ายอาเซียนได้ให้ความสำคัญแก่การประชุม 6 ฝ่ายที่กำลังจะมีขึ้น และแสดงความหวังว่าการประชุมจะประสบความสำเร็จ และจะสามารถนำไปสู่ความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีได้ ทั้งนี้ เนื่องจากความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีก็มีความสำคัญต่อความมั่นคงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกโดยรวมด้วย
2. สำหรับการจัดการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit - EAS) ครั้งที่ 1ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ในเดือนธันวาคม ศกนี้ นั้น เป็นความริเริ่มของอาเซียนเพื่อให้เป็นเวทีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งจะมีประเทศที่เข้าร่วมประชุมคือ ประเทศสมาชิกอาเซียน + 3 (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี) กับมีประเทศอื่นๆ ที่แสดงความสนใจขอเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุม ASEAN + 3 ได้เห็นชอบให้อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เข้าร่วมในการประชุม EAS ครั้งแรก สำหรับรัสเซียก็ได้แสดงความสนใจเช่นกัน และเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนจะได้หารือกันในโอกาสต่อไป
การประชุม EAS เป็นเวทีสำหรับการหารือที่แยกต่างหากจากกรอบ ASEAN+3 ซึ่งเป็นทั้งเวทีการหารือและกระบวนการร่วมมือ และสมาชิกภาพก็ไม่เหมือนกันทีเดียว อย่างไรก็ดี ก็มีลักษณะคล้ายกันอยู่ คือเป็นกรอบความร่วมมือที่อาเซียนเป็นผู้มีบทบาทหลัก (ASEAN driven) และในชั้นนี้กำหนดว่าประเทศอาเซียนจะเป็นประธานและเป็นเจ้าภาพการประชุมแต่ละครั้ง ส่วนรูปแบบการประชุม อาจมีการจัดประชุม EAS ทุก 2 หรือ 3 ปี ซึ่งแตกต่างจากกรอบ ASEAN+3 ซึ่งจะมีการประชุมทุกปี
3. ที่ประชุม ASEAN + 3 ได้รับรองอีกครั้งหนึ่งว่า ในหลักการ วาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติวาระต่อไป ควรเป็นวาระของเอเชีย นอกจากนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้กล่าวเน้นด้วยว่า จีนสนับสนุน ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีของไทย ในการสมัครเป็นเลขาธิการสหประชาชาติ
เกี่ยวกับการปฏิรูปสหประชาชาตินั้นได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และก่อนหน้าการประชุม ASEAN + 3 ในวันนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (AMM) ครั้งที่ 38 เมื่อ 26 กรกฎาคม 2548 ได้มีถ้อยแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศแสดงความกังวลเกี่ยวกับร่างข้อมติในเรื่องการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่กำลังเสนอให้สมาชิกสหประชาชาติพิจารณา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวว่า ฝ่ายอาเซียนเห็นว่า การปฏิรูปสหประชาชาติเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรเร่งรัด โดยเฉพาะเมื่อการเร่งรัดเกินไปจะก่อให้เกิดความแตกแยกในบรรดาประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ในลักษณะที่เป็นการบีบบังคับให้ต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความเป็นปึกแผ่นของสหประชาชาติเอง และไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของอาเซียนที่ปรารถนาจะเห็นการปฏิรูปสหประชาชาติทั้งระบบเพื่อประสิทธิภาพขององค์การเป็นส่วนรวม ทั้งนี้ อาเซียนมิได้ต่อต้านประเทศหนึ่งประเทศใด เพียงแต่มีความกังวลในรูปแบบการนำเสนอร่างข้อมติดังกล่าวเท่านั้น
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ที่ประชุม AMM ครั้งที่ 38 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2548ได้รับทราบคำร้องขอของอินโดนีเซียที่ขอให้อาเซียนส่งคณะผู้สังเกตการณ์ไปจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย เพื่อสังเกตและติดตามกระบวนการสันติภาพในช่วงเปลี่ยนผ่าน และอาเซียนก็พร้อมที่จะสนองต่อคำขอดังกล่าวของอินโดนีเซีย
5. ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธว่าประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะมีการหยิบยกขึ้นในการประชุม ASEAN Regional Forum (ARF) ครั้งที่ 12 ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2548 และไม่มีปรากฏในระเบียบวาระการประชุมดังกล่าว ในขณะนี้รัฐบาลได้เข้าไปควบคุมสถานการณ์ในภาคใต้ได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่งมีการออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นกลไกหนึ่งในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ แต่รัฐบาลก็หวังว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการตามพระราชกำหนดดังกล่าวทุกมาตรการ
6. ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า การประชุมคู่เจรจาอาเซียน และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในปีนี้ได้รับความสนใจน้อยลง เห็นได้ว่าประเทศคู่เจรจากับอาเซียน คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ต่างลดระดับผู้เข้าร่วมลงจากระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ หรือไม่อยู่ร่วมประชุมจนเสร็จสิ้นการประชุม ซึ่งอาจเป็นการแสดงว่าประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับอาเซียนน้อยลงหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า แต่ละประเทศที่มีเหตุจำเป็นไม่อาจส่งรัฐมนตรีต่างประเทศมาร่วมได้นั้น ต่างก็มีเหตุผลที่อธิบายได้และเป็นที่เข้าใจได้ ซึ่งก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่แต่ละประเทศมีภารกิจต่างๆ กันในช่วงนี้ และไม่น่าจะเป็นการแสดงนัยทางนโยบายของประเทศเหล่านี้ต่ออาเซียนแต่อย่างใด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมระดับรัฐมนตรีระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN + 3) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ในการประชุม ASEAN + 3 ได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศและสถานการณ์ในภูมิภาค โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคาบสมุทรเกาหลีและการปฎิรูปสหประชาชาติ ในส่วนของคาบสมุทรเกาหลีนั้น ฝ่ายอาเซียนได้ให้ความสำคัญแก่การประชุม 6 ฝ่ายที่กำลังจะมีขึ้น และแสดงความหวังว่าการประชุมจะประสบความสำเร็จ และจะสามารถนำไปสู่ความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีได้ ทั้งนี้ เนื่องจากความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีก็มีความสำคัญต่อความมั่นคงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกโดยรวมด้วย
2. สำหรับการจัดการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit - EAS) ครั้งที่ 1ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ในเดือนธันวาคม ศกนี้ นั้น เป็นความริเริ่มของอาเซียนเพื่อให้เป็นเวทีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งจะมีประเทศที่เข้าร่วมประชุมคือ ประเทศสมาชิกอาเซียน + 3 (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี) กับมีประเทศอื่นๆ ที่แสดงความสนใจขอเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุม ASEAN + 3 ได้เห็นชอบให้อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เข้าร่วมในการประชุม EAS ครั้งแรก สำหรับรัสเซียก็ได้แสดงความสนใจเช่นกัน และเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนจะได้หารือกันในโอกาสต่อไป
การประชุม EAS เป็นเวทีสำหรับการหารือที่แยกต่างหากจากกรอบ ASEAN+3 ซึ่งเป็นทั้งเวทีการหารือและกระบวนการร่วมมือ และสมาชิกภาพก็ไม่เหมือนกันทีเดียว อย่างไรก็ดี ก็มีลักษณะคล้ายกันอยู่ คือเป็นกรอบความร่วมมือที่อาเซียนเป็นผู้มีบทบาทหลัก (ASEAN driven) และในชั้นนี้กำหนดว่าประเทศอาเซียนจะเป็นประธานและเป็นเจ้าภาพการประชุมแต่ละครั้ง ส่วนรูปแบบการประชุม อาจมีการจัดประชุม EAS ทุก 2 หรือ 3 ปี ซึ่งแตกต่างจากกรอบ ASEAN+3 ซึ่งจะมีการประชุมทุกปี
3. ที่ประชุม ASEAN + 3 ได้รับรองอีกครั้งหนึ่งว่า ในหลักการ วาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติวาระต่อไป ควรเป็นวาระของเอเชีย นอกจากนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้กล่าวเน้นด้วยว่า จีนสนับสนุน ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีของไทย ในการสมัครเป็นเลขาธิการสหประชาชาติ
เกี่ยวกับการปฏิรูปสหประชาชาตินั้นได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และก่อนหน้าการประชุม ASEAN + 3 ในวันนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (AMM) ครั้งที่ 38 เมื่อ 26 กรกฎาคม 2548 ได้มีถ้อยแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศแสดงความกังวลเกี่ยวกับร่างข้อมติในเรื่องการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่กำลังเสนอให้สมาชิกสหประชาชาติพิจารณา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวว่า ฝ่ายอาเซียนเห็นว่า การปฏิรูปสหประชาชาติเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรเร่งรัด โดยเฉพาะเมื่อการเร่งรัดเกินไปจะก่อให้เกิดความแตกแยกในบรรดาประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ในลักษณะที่เป็นการบีบบังคับให้ต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความเป็นปึกแผ่นของสหประชาชาติเอง และไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของอาเซียนที่ปรารถนาจะเห็นการปฏิรูปสหประชาชาติทั้งระบบเพื่อประสิทธิภาพขององค์การเป็นส่วนรวม ทั้งนี้ อาเซียนมิได้ต่อต้านประเทศหนึ่งประเทศใด เพียงแต่มีความกังวลในรูปแบบการนำเสนอร่างข้อมติดังกล่าวเท่านั้น
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ที่ประชุม AMM ครั้งที่ 38 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2548ได้รับทราบคำร้องขอของอินโดนีเซียที่ขอให้อาเซียนส่งคณะผู้สังเกตการณ์ไปจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย เพื่อสังเกตและติดตามกระบวนการสันติภาพในช่วงเปลี่ยนผ่าน และอาเซียนก็พร้อมที่จะสนองต่อคำขอดังกล่าวของอินโดนีเซีย
5. ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธว่าประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะมีการหยิบยกขึ้นในการประชุม ASEAN Regional Forum (ARF) ครั้งที่ 12 ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2548 และไม่มีปรากฏในระเบียบวาระการประชุมดังกล่าว ในขณะนี้รัฐบาลได้เข้าไปควบคุมสถานการณ์ในภาคใต้ได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่งมีการออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นกลไกหนึ่งในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ แต่รัฐบาลก็หวังว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการตามพระราชกำหนดดังกล่าวทุกมาตรการ
6. ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า การประชุมคู่เจรจาอาเซียน และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในปีนี้ได้รับความสนใจน้อยลง เห็นได้ว่าประเทศคู่เจรจากับอาเซียน คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ต่างลดระดับผู้เข้าร่วมลงจากระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ หรือไม่อยู่ร่วมประชุมจนเสร็จสิ้นการประชุม ซึ่งอาจเป็นการแสดงว่าประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับอาเซียนน้อยลงหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า แต่ละประเทศที่มีเหตุจำเป็นไม่อาจส่งรัฐมนตรีต่างประเทศมาร่วมได้นั้น ต่างก็มีเหตุผลที่อธิบายได้และเป็นที่เข้าใจได้ ซึ่งก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่แต่ละประเทศมีภารกิจต่างๆ กันในช่วงนี้ และไม่น่าจะเป็นการแสดงนัยทางนโยบายของประเทศเหล่านี้ต่ออาเซียนแต่อย่างใด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-