ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์เป็นประมุขมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 69 ปีแล้ว
แต่การพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยยังก้าวหน้าไม่เท่าที่ควร เพราะปรากฏว่าในการ
เลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมามีประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในเกณฑ์ต่ำเมื่อเทียบกับจำนวนของ
ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ และยังปรากฏว่ามีข่าวเกี่ยวกับการซื้อเสียงโดยทั่วไป
ในการเลือกตั้งทุกครั้งด้วย สิ่งเหล่านี้ได้เป็นตัวชี้ให้เห็นถึงความไม่ก้าวหน้าในการพัฒนา
ประชาธิปไตย
ดังนั้น การพัฒนาประชาธิปไตยให้มีความก้าวหน้า จึงควรที่จะปลูกจิตสำนึก
ในความเป็นประชาธิปไตยให้ประชาชนรู้จักสิทธิ หน้าที่ และผลกระทบต่อการไม่ไปใช้สิทธิ
หรือผลเสียหายต่อการไปใช้สิทธิโดยไม่ชอบธรรม จะเห็นได้จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศได้กำหนดรูปแบบ
ของการปกครอง และเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน และรัฐธรรมนูญทุกฉบับ
ที่ผ่านมาได้กำหนดเรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยไว้ โดยเริ่มจากรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2492
เป็นต้นมา แต่มิได้บัญญัติเรื่องการไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของชนชาวไทย คงจะมีเฉพาะ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เท่านั้น ที่ได้เริ่มบัญญัติ ให้บุคคลมีหน้าที่
ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง บุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุผลอันควรย่อมเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ
นอกจากนั้นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังได้บัญญัติให้
บุคคลมีหน้าที่ต่าง ๆ คือ รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รับราชการ
เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม พิทักษ์ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรม
ของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรื่องการสืบสาน
ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้นเป็น
เรื่องใหม่ที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นกันหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของชนชาวไทยก็คือ
บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่
ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และ
การให้บริการแก่ประชาชน จะเห็นได้ว่าชาวไทยที่เป็นข้าราชการจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของ
ชนชาวไทยมากกว่าบุคคลที่เป็นประชาชนทั่วไป
เนื่องในโอกาสวันที่ 10 ธันวาคม 2544 นี้ เป็นวันครบรอบวันพระราชทาน
รัฐธรรมนูญอีกวาระหนึ่ง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐสภาขอเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน คณะบุคคล
และประชาชนทั่วไป วางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา
ถนนอู่ทองใน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 10 ธันวาคม 2544 ตั้งแต่เวลา
08.30-16.30 นาฬิกา
---------------------------------------------------
เรียบเรียงโดย วรกนก สังข์ทอง / นุสรา เกตุแก้ว พิมพ์
กองการประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
พระมหากษัตริย์เป็นประมุขมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 69 ปีแล้ว
แต่การพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยยังก้าวหน้าไม่เท่าที่ควร เพราะปรากฏว่าในการ
เลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมามีประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในเกณฑ์ต่ำเมื่อเทียบกับจำนวนของ
ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ และยังปรากฏว่ามีข่าวเกี่ยวกับการซื้อเสียงโดยทั่วไป
ในการเลือกตั้งทุกครั้งด้วย สิ่งเหล่านี้ได้เป็นตัวชี้ให้เห็นถึงความไม่ก้าวหน้าในการพัฒนา
ประชาธิปไตย
ดังนั้น การพัฒนาประชาธิปไตยให้มีความก้าวหน้า จึงควรที่จะปลูกจิตสำนึก
ในความเป็นประชาธิปไตยให้ประชาชนรู้จักสิทธิ หน้าที่ และผลกระทบต่อการไม่ไปใช้สิทธิ
หรือผลเสียหายต่อการไปใช้สิทธิโดยไม่ชอบธรรม จะเห็นได้จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศได้กำหนดรูปแบบ
ของการปกครอง และเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน และรัฐธรรมนูญทุกฉบับ
ที่ผ่านมาได้กำหนดเรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยไว้ โดยเริ่มจากรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2492
เป็นต้นมา แต่มิได้บัญญัติเรื่องการไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของชนชาวไทย คงจะมีเฉพาะ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เท่านั้น ที่ได้เริ่มบัญญัติ ให้บุคคลมีหน้าที่
ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง บุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้งโดยไม่แจ้งเหตุผลอันควรย่อมเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติ
นอกจากนั้นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังได้บัญญัติให้
บุคคลมีหน้าที่ต่าง ๆ คือ รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รับราชการ
เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม พิทักษ์ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรม
ของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรื่องการสืบสาน
ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้นเป็น
เรื่องใหม่ที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นกันหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของชนชาวไทยก็คือ
บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่
ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และ
การให้บริการแก่ประชาชน จะเห็นได้ว่าชาวไทยที่เป็นข้าราชการจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของ
ชนชาวไทยมากกว่าบุคคลที่เป็นประชาชนทั่วไป
เนื่องในโอกาสวันที่ 10 ธันวาคม 2544 นี้ เป็นวันครบรอบวันพระราชทาน
รัฐธรรมนูญอีกวาระหนึ่ง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐสภาขอเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน คณะบุคคล
และประชาชนทั่วไป วางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา
ถนนอู่ทองใน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 10 ธันวาคม 2544 ตั้งแต่เวลา
08.30-16.30 นาฬิกา
---------------------------------------------------
เรียบเรียงโดย วรกนก สังข์ทอง / นุสรา เกตุแก้ว พิมพ์
กองการประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร