อุตสาหกรรมปลากระป่องของโมร็อกโกอยู่ในภาวะวิกฤต แม้ว่าในปี 2542 การส่งออกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปี 2541 โดยมีปริมาณ 56,656 ตัน และมีมูลค่า 135 ล้านดีร์ฮาม
ตลาดปลากระป๋องของโมร็อกโก ได้แก่
- ประเทศในทวีปยุโรป มีสัดส่วนร้อยละ 52 ของการส่งออกทั้งหมด โดยร้อยละ 50 เป็นประเทศสมาชิกสห-ภาพยุโรป และอีกร้อยละ 2 เป็นประเทศในทวีปยุโรปอื่น ๆ
- ประเทศในทวีปแอฟริกา ร้อยละ 33
- ประเทศอื่น ๆ ร้อยละ 15ทั้งนี้ ร้อยละ 88 ของปลากระป๋องที่ส่งออกเป็นปลาซาร์ดีนกระป๋อง
สำหรับสถานการณ์การส่งออกปลากระป๋องในช่วงต้นปี 2543 ยังไม่แจ่มใสนัก ทั้งนี้การส่งออกประสบปัญหามาตั้งแต่กลางปี 2542 อันเป็นผลมาจากการเสื่อมค่าของเงินสกุลยุโรป ซึ่งเป็นเงินตราต่างประเทศสกุลหลักที่โมร็อกโกได้รับจากการส่งออก (มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 83.5) โดยเงินดีร์ฮามเสื่อมค่าลงประมาณร้อยละ 15 ทำให้ราคาปลากระป๋องเมื่อคิดเป็นเงินตราประเทศลดลงไปด้วย
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกปลากระป๋องของโมร็อกโก ได้แก่ ความล่าช้าในการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของโมร็อกโก และทำให้ผู้ซื้อโดยเฉพาะในตลาดสห- ภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะนำเข้าปลากระป๋องจากประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา และทวีปเอเซียมากขึ้น
สหพันธ์อุตสาหกรรมปลากระป๋องแห่งชาติ (National Union of Fish Canning Industries - UNICOP) ได้จัดการประชุมที่เมืองอากาดีร์ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาภาวะวิกฤตด้านอุตสาหกรรมปลากระป๋อง และกำลังพิจารณาจะทำบันทึกความเข้าใจสำหรับถือปฏิบัติ โดยมีการกำหนดราคาอ้างอิงและกลไกการควบคุม นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2543 UNICOP ได้รณรงค์ส่งเสริมการขายปลากระป๋องโมร็อกโกในตลาดเยอรมัน โดยการลงโฆษณาในนิตยสารต่าง ๆ และจัดทำ Website เพื่อเผยแพร่
ข้อคิดเห็นจากสถานเอกอัครราชทูตฯ
1). ปลากระป๋องเป็นสินค้าส่งออกสำคัญประเภทหนึ่งของโมร็อกโก ทั้งนี้ โมร็อกโกจับปลาทุกประเภทได้เป็นอันดับที่ 25 ของประเทศที่ทำการประมงทั่วโลก แต่จับปลาซาร์ดีน (ตระกูล Sardina Pilchardus) ได้เป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 47
2). นอกจากโมร็อกโกจะจำหน่ายปลาซาร์ดีนในรูปแบบปลากระป๋องแล้วยังจำหน่ายปลาซาร์ดีนสดด้วย ดังนั้น ภาคเอกชนของไทยซึ่งเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปลากระป๋องจึงอาจพิจารณาลู่ทางที่จะแสวงหาแหล่งวัตถุดิบประเภทซาร์ดีนจากโมร็อกโกเพิ่มขึ้นอีกแหล่งหนึ่ง
(ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ)
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 15/2543 วันที่ 15 สิงหาคม 2543--
-อน-
ตลาดปลากระป๋องของโมร็อกโก ได้แก่
- ประเทศในทวีปยุโรป มีสัดส่วนร้อยละ 52 ของการส่งออกทั้งหมด โดยร้อยละ 50 เป็นประเทศสมาชิกสห-ภาพยุโรป และอีกร้อยละ 2 เป็นประเทศในทวีปยุโรปอื่น ๆ
- ประเทศในทวีปแอฟริกา ร้อยละ 33
- ประเทศอื่น ๆ ร้อยละ 15ทั้งนี้ ร้อยละ 88 ของปลากระป๋องที่ส่งออกเป็นปลาซาร์ดีนกระป๋อง
สำหรับสถานการณ์การส่งออกปลากระป๋องในช่วงต้นปี 2543 ยังไม่แจ่มใสนัก ทั้งนี้การส่งออกประสบปัญหามาตั้งแต่กลางปี 2542 อันเป็นผลมาจากการเสื่อมค่าของเงินสกุลยุโรป ซึ่งเป็นเงินตราต่างประเทศสกุลหลักที่โมร็อกโกได้รับจากการส่งออก (มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 83.5) โดยเงินดีร์ฮามเสื่อมค่าลงประมาณร้อยละ 15 ทำให้ราคาปลากระป๋องเมื่อคิดเป็นเงินตราประเทศลดลงไปด้วย
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกปลากระป๋องของโมร็อกโก ได้แก่ ความล่าช้าในการส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของโมร็อกโก และทำให้ผู้ซื้อโดยเฉพาะในตลาดสห- ภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะนำเข้าปลากระป๋องจากประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา และทวีปเอเซียมากขึ้น
สหพันธ์อุตสาหกรรมปลากระป๋องแห่งชาติ (National Union of Fish Canning Industries - UNICOP) ได้จัดการประชุมที่เมืองอากาดีร์ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาภาวะวิกฤตด้านอุตสาหกรรมปลากระป๋อง และกำลังพิจารณาจะทำบันทึกความเข้าใจสำหรับถือปฏิบัติ โดยมีการกำหนดราคาอ้างอิงและกลไกการควบคุม นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2543 UNICOP ได้รณรงค์ส่งเสริมการขายปลากระป๋องโมร็อกโกในตลาดเยอรมัน โดยการลงโฆษณาในนิตยสารต่าง ๆ และจัดทำ Website เพื่อเผยแพร่
ข้อคิดเห็นจากสถานเอกอัครราชทูตฯ
1). ปลากระป๋องเป็นสินค้าส่งออกสำคัญประเภทหนึ่งของโมร็อกโก ทั้งนี้ โมร็อกโกจับปลาทุกประเภทได้เป็นอันดับที่ 25 ของประเทศที่ทำการประมงทั่วโลก แต่จับปลาซาร์ดีน (ตระกูล Sardina Pilchardus) ได้เป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 47
2). นอกจากโมร็อกโกจะจำหน่ายปลาซาร์ดีนในรูปแบบปลากระป๋องแล้วยังจำหน่ายปลาซาร์ดีนสดด้วย ดังนั้น ภาคเอกชนของไทยซึ่งเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปลากระป๋องจึงอาจพิจารณาลู่ทางที่จะแสวงหาแหล่งวัตถุดิบประเภทซาร์ดีนจากโมร็อกโกเพิ่มขึ้นอีกแหล่งหนึ่ง
(ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ)
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 15/2543 วันที่ 15 สิงหาคม 2543--
-อน-