กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (15 มกราคม 2544) นายรัฐกิจ มานะทัต รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2544 นางทักษิณา Dccouvreur บุคคลสัญชาติไทย อายุ 39 ปี ได้ยื่นคำร้องขอให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสช่วยเหลือส่งตนและบุตรชายอายุ 4 ปี เดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากประสบปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน ถูกคุกคามสวัสดิภาพ โดยตนมีสามีชาวฝรั่งเศสที่พิการและไม่สามารถให้ความคุ้มครองและให้การอุปการะแก่ตนและบุตรได้ จึงไม่สามารถพำนักอยู่ในประเทศฝรั่งเศสได้อีกต่อไป
นายรัฐกิจฯ ได้กล่าวถึงภูมิหลังเรื่องนี้ว่า นางทักษิณาฯ ได้มีหนังสือติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสตั้งแต่กลางปี 2542 โดยนางทักษิณาฯ ซึ่งใช้นามสกุลเดิมก่อนสมรมว่า “นิยม” ได้แจ้งสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นและปัญหาที่ตนและสามีถูกทำร้าย รวมทั้งถูกกลั่นแกล้งมิให้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร นอกจากนี้ นางทักษิณาฯ ได้เคยมีหนังสือถึง ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขอความช่วยเหลือกรณีสามีพิการของตนถูกอันธพาลทำร้าย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลทั้งสอง
จากสภาพความกดดันและประเด็นเรื่องความปลอดภัยของนางทักษิณาฯ และบุตรซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทย ปรากฏว่า นางทักษิณาฯ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ สถานเอกอัคร ราชทูต ณ กรุงปารีสจึงได้อนุญาตให้นางทักษิณาฯ และบุตรพำนักอยู่ ณ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ระหว่างที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสจัดหาที่นั่งของสายการบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยประเภทชั่วคราว 1 ปี โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมให้เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อให้การ เดินทางและการนำชื่อเด็กไปแจ้งทะเบียนบ้านในประเทศไทยสะดวกยิ่งขึ้นแทนการออกเอกสาร CI ทั้งนี้ บุคคลทั้งสองได้เดินทางกลับประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2544 โดยสายการบินไทย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : [email protected] จบ--
-อน-
วันนี้ (15 มกราคม 2544) นายรัฐกิจ มานะทัต รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2544 นางทักษิณา Dccouvreur บุคคลสัญชาติไทย อายุ 39 ปี ได้ยื่นคำร้องขอให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสช่วยเหลือส่งตนและบุตรชายอายุ 4 ปี เดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากประสบปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน ถูกคุกคามสวัสดิภาพ โดยตนมีสามีชาวฝรั่งเศสที่พิการและไม่สามารถให้ความคุ้มครองและให้การอุปการะแก่ตนและบุตรได้ จึงไม่สามารถพำนักอยู่ในประเทศฝรั่งเศสได้อีกต่อไป
นายรัฐกิจฯ ได้กล่าวถึงภูมิหลังเรื่องนี้ว่า นางทักษิณาฯ ได้มีหนังสือติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสตั้งแต่กลางปี 2542 โดยนางทักษิณาฯ ซึ่งใช้นามสกุลเดิมก่อนสมรมว่า “นิยม” ได้แจ้งสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นและปัญหาที่ตนและสามีถูกทำร้าย รวมทั้งถูกกลั่นแกล้งมิให้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร นอกจากนี้ นางทักษิณาฯ ได้เคยมีหนังสือถึง ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขอความช่วยเหลือกรณีสามีพิการของตนถูกอันธพาลทำร้าย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลทั้งสอง
จากสภาพความกดดันและประเด็นเรื่องความปลอดภัยของนางทักษิณาฯ และบุตรซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทย ปรากฏว่า นางทักษิณาฯ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ สถานเอกอัคร ราชทูต ณ กรุงปารีสจึงได้อนุญาตให้นางทักษิณาฯ และบุตรพำนักอยู่ ณ ที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ระหว่างที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสจัดหาที่นั่งของสายการบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยประเภทชั่วคราว 1 ปี โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมให้เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อให้การ เดินทางและการนำชื่อเด็กไปแจ้งทะเบียนบ้านในประเทศไทยสะดวกยิ่งขึ้นแทนการออกเอกสาร CI ทั้งนี้ บุคคลทั้งสองได้เดินทางกลับประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2544 โดยสายการบินไทย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : [email protected] จบ--
-อน-