เศรษฐกิจภาคเหนือเดือนพฤษภาคม 2548 ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่ทางด้านอุปทาน ผลผลิตพืชผลหลักลดลงจากปีก่อนมาก เป็นผลจากภาวะความแห้งแล้ง ทำให้รายได้เกษตรกรลดลงเป็นเดือนแรกในปีนี้ สำหรับการผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาค บริการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน ขณะที่แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเป็นสำคัญ ส่วนเงินฝากและเงินให้สินเชื่อเร่งตัวจากกิจกรรมของภาครัฐ
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม 2548 มีดังนี้
1. ภาคเกษตร ผลผลิตพืชหลักที่ออกสู่ตลาดเดือนนี้ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.9 โดยเฉพาะผลผลิตข้าวนาปรังและลิ้นจี่ลดลงร้อยละ 21.1 และร้อยละ 3.7 ตามลำดับ ส่วนราคาพืชผลหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 โดยราคาข้าวเปลือกเจ้านาปรังความชื้น 14-15% สูงขึ้นตามอุปทานในตลาดโลกที่ลดลง ส่วนราคาลิ้นจี่เพิ่มขึ้น เนื่องจากใช้การบริหารจัดการมาช่วยกระจายผลผลิตไม่ให้กระจุกตัวในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด จากราคาที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าผลผลิตที่ลดลง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลสำคัญลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.3 โดยลดลงเป็นเดือนแรกในปีนี้
2. ภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือขยายตัวแต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยมูลค่าการผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.0 เป็น 141.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจากเดือนก่อน สอดคล้องกับภาวะการส่งออก ทางด้านการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 34.0 เป็น 178.5 พันเมตริกตัน เร่งตัวจากเดือนก่อนตามความต้องการเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการก่อสร้างถนนและโรงแรมในจังหวัดใหญ่ เป็นสำคัญ
3. ภาคบริการ ภาคบริการชะลอลงและมีแนวโน้มที่ลดลง แม้ว่าในช่วงก่อนหน้ายังมีนักท่องเที่ยวชาวไทย และนักท่องเที่ยวบางส่วนที่เปลี่ยนแผนการเดินท่องเที่ยวมาภาคเหนือแทน จากปัญหาของสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมเฉลี่ยลดลงเหลือเพียงร้อยละ 40.9 เทียบกับร้อยละ 45.2 ในปีก่อน ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมใกล้เคียงกับปีก่อน 870.9 บาทต่อห้อง ส่วนหนึ่งจากการที่ได้มีการปรับราคาไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มโรงแรมและภัตตาคารลดลงร้อยละ 4.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 มีอัตราชะลอลงจากปีก่อนซึ่งขยายตัวมากจากการเริ่มเปิดดำเนินงานของสายการบินต้นทุนต่ำ
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวจากเดือนก่อน สะท้อนจากกิจกรรมสำคัญได้แก่ มูลค่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทค้าปลีกค้าส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 แต่มีทิศทางชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ปริมาณจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 ชะลอลงจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 และร้อยละ 30.0 ตามลำดับ เป็นการชะลอตัวทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถปิกอัพ ขณะที่ปริมาณจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ยังคงลดลงร้อยละ 3.1 โดยบริเวณภาคเหนือตอนล่างลดลงร้อยละ 12.4 ขณะที่ภาคเหนือตอนบนยังมีอัตราการขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 4.1
5. การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวแต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยการก่อสร้างภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนตามฤดูกาล แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ขยายตัวมาก เนื่องจากได้เร่งรัดก่อสร้างในช่วงก่อนหน้า สำหรับพื้นที่ขอรับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลลดลงร้อยละ 1.8 ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อน จากการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนล่าง สำหรับค่าธรรมเนียมขายฝากที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ทางด้านการลงทุนเพื่อการผลิต ไม่มีสัญญาณการขยายตัว เนื่องจากมีโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก BOI ในเดือนนี้มีเพียง 5 แห่ง มูลค่าเงินลงทุนลดลงร้อยละ 95.3 โดยเป็นโครงการที่ลงทุนเกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตร และอิเล็กทรอนิกส์
6. การค้าต่างประเทศ การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.6 เป็น 203 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกด่านนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.0 เป็น 141.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประเภทเครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า การส่งออกผ่านด่านท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.3 เป็น 16.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. การส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.3 เป็น 45.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยการส่งออกไปพม่าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 5.0 เป็น 34.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อน เนื่องจากพม่าเข้มงวดการค้าชายแดนบริเวณด่านแม่สายและด่านแม่สอดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทเพื่อการอุปโภคบริโภค ส่วนการส่งออกไปลาวเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เป็น 3.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว สำหรับการส่งออกไปจีนตอนใต้เพิ่มขึ้นกว่า เท่าตัวเป็น 6.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากผลิตภัณฑ์พืชสวน ประเภท ยางแผ่น ยางแท่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคายางปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือน ส่งผลทำให้จีนเริ่มชะลอการสั่งซื้อ
การนำเข้า เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.5 เป็น 127.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจากเดือนก่อนส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าผ่านด่านนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เป็น 118.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. การนำเข้าผ่านด่านชายแดน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 เป็น 6.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าสินค้าจากพม่าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 จากการนำเข้าสินค้าประมงเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่การนำเข้าเข้าโค-กระบือมีชีวิตลดลง ส่วนการนำเข้าจากลาว เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.6 จากการนำเข้าไม้แปรรูปและลิกไนต์เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่การนำเข้าจากจีนตอนใต้ ลดลงร้อยละ 21.8 เหลือ 1.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการนำเข้าผลิตภัณฑ์พืชสวน อาทิ เช่น แอปเปิ้ล หอม กระเทียม เมล็ดทานตะวัน ลดลง ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการลดลงของจำนวนเที่ยวเรือที่ส่งสินค้าไปยังจีน
ดุลการค้า ในเดือนพฤษภาคม 2548 เกินดุล 76.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.6 แต่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า
7. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2548 เร่งตัวจากเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและระยะเดียวกันปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 และร้อยละ 2.1 ตามลำดับ โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ตามราคาผัก และผลไม้ ผักสดแปรรูปและอื่นๆ สำหรับราคาหมวดอื่นที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 3.9 สูงขึ้นตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 1.0 เร่งตัวจากเดือนก่อน
8. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติเดือน เมษายน 2548 พบว่ามีกำลังแรงงานในภาคเหนือรวม 6.7 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 97.0 ของกำลังแรงงานรวม สูงกว่าร้อยละ 95.5 ระยะเดียวกันปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากความต้องการแรงงานภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 ขณะที่นอกภาคเกษตรทรงตัว โดยแรงงานในสาขาการขายส่ง-ปลีกขยายตัวร้อยละ 3.8 แต่แรงงานสาขาการก่อสร้าง โรงแรมและภัตตาคาร การผลิตลดลงทางด้านอัตราการว่างงานเหลือเพียงร้อยละ 2.3 ลดลงจากร้อยละ 3.0 ในปีก่อน และจากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคมเดือนพฤษภาคม 2548 พบว่ามีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวน 548,779 คน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.8
9. การเงิน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2548 สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ มียอดคงค้างเงินฝากทั้งสิ้น 302,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 6.0 เร่งตัวจากเดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของส่วนราชการ โดยเพิ่มขึ้นบริเวณภาคเหนือตอนล่างหลายจังหวัด ได้แก่ จังหวดสุโขทัย เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และอุตรดิตถ์ ส่วนบริเวณภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดเชียงใหม่ จากการนำฝากเงินที่ได้จากการขายหน่วยกองทุนในระยะสั้นๆ ส่วนเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 226,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.6 เร่งตัวจากเดือนก่อน จากความต้องการสินเชื่อของสหกรณ์ออมทรัพย์ และอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรและพ่อค้าพืชไร่เพื่อซื้อวัตถุดิบ โดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และสุโขทัย ส่วนจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าส่ง-ปลีกรถยนต์รายใหญ่ และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ74.4 สูงกว่าร้อยละ 71.3 ระยะเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม 2548 มีดังนี้
1. ภาคเกษตร ผลผลิตพืชหลักที่ออกสู่ตลาดเดือนนี้ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.9 โดยเฉพาะผลผลิตข้าวนาปรังและลิ้นจี่ลดลงร้อยละ 21.1 และร้อยละ 3.7 ตามลำดับ ส่วนราคาพืชผลหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 โดยราคาข้าวเปลือกเจ้านาปรังความชื้น 14-15% สูงขึ้นตามอุปทานในตลาดโลกที่ลดลง ส่วนราคาลิ้นจี่เพิ่มขึ้น เนื่องจากใช้การบริหารจัดการมาช่วยกระจายผลผลิตไม่ให้กระจุกตัวในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด จากราคาที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าผลผลิตที่ลดลง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลสำคัญลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.3 โดยลดลงเป็นเดือนแรกในปีนี้
2. ภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือขยายตัวแต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยมูลค่าการผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.0 เป็น 141.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจากเดือนก่อน สอดคล้องกับภาวะการส่งออก ทางด้านการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 34.0 เป็น 178.5 พันเมตริกตัน เร่งตัวจากเดือนก่อนตามความต้องการเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการก่อสร้างถนนและโรงแรมในจังหวัดใหญ่ เป็นสำคัญ
3. ภาคบริการ ภาคบริการชะลอลงและมีแนวโน้มที่ลดลง แม้ว่าในช่วงก่อนหน้ายังมีนักท่องเที่ยวชาวไทย และนักท่องเที่ยวบางส่วนที่เปลี่ยนแผนการเดินท่องเที่ยวมาภาคเหนือแทน จากปัญหาของสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมเฉลี่ยลดลงเหลือเพียงร้อยละ 40.9 เทียบกับร้อยละ 45.2 ในปีก่อน ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมใกล้เคียงกับปีก่อน 870.9 บาทต่อห้อง ส่วนหนึ่งจากการที่ได้มีการปรับราคาไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มโรงแรมและภัตตาคารลดลงร้อยละ 4.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 มีอัตราชะลอลงจากปีก่อนซึ่งขยายตัวมากจากการเริ่มเปิดดำเนินงานของสายการบินต้นทุนต่ำ
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวจากเดือนก่อน สะท้อนจากกิจกรรมสำคัญได้แก่ มูลค่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทค้าปลีกค้าส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 แต่มีทิศทางชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ปริมาณจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 ชะลอลงจากเดือนก่อนและระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 และร้อยละ 30.0 ตามลำดับ เป็นการชะลอตัวทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถปิกอัพ ขณะที่ปริมาณจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ยังคงลดลงร้อยละ 3.1 โดยบริเวณภาคเหนือตอนล่างลดลงร้อยละ 12.4 ขณะที่ภาคเหนือตอนบนยังมีอัตราการขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 4.1
5. การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวแต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยการก่อสร้างภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนตามฤดูกาล แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่ขยายตัวมาก เนื่องจากได้เร่งรัดก่อสร้างในช่วงก่อนหน้า สำหรับพื้นที่ขอรับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลลดลงร้อยละ 1.8 ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อน จากการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนล่าง สำหรับค่าธรรมเนียมขายฝากที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ทางด้านการลงทุนเพื่อการผลิต ไม่มีสัญญาณการขยายตัว เนื่องจากมีโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก BOI ในเดือนนี้มีเพียง 5 แห่ง มูลค่าเงินลงทุนลดลงร้อยละ 95.3 โดยเป็นโครงการที่ลงทุนเกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตร และอิเล็กทรอนิกส์
6. การค้าต่างประเทศ การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.6 เป็น 203 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกด่านนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.0 เป็น 141.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประเภทเครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า การส่งออกผ่านด่านท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.3 เป็น 16.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. การส่งออกผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.3 เป็น 45.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยการส่งออกไปพม่าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 5.0 เป็น 34.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อน เนื่องจากพม่าเข้มงวดการค้าชายแดนบริเวณด่านแม่สายและด่านแม่สอดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทเพื่อการอุปโภคบริโภค ส่วนการส่งออกไปลาวเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เป็น 3.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว สำหรับการส่งออกไปจีนตอนใต้เพิ่มขึ้นกว่า เท่าตัวเป็น 6.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากผลิตภัณฑ์พืชสวน ประเภท ยางแผ่น ยางแท่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคายางปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือน ส่งผลทำให้จีนเริ่มชะลอการสั่งซื้อ
การนำเข้า เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.5 เป็น 127.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงจากเดือนก่อนส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าผ่านด่านนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เป็น 118.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. การนำเข้าผ่านด่านชายแดน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 เป็น 6.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าสินค้าจากพม่าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 จากการนำเข้าสินค้าประมงเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่การนำเข้าเข้าโค-กระบือมีชีวิตลดลง ส่วนการนำเข้าจากลาว เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.6 จากการนำเข้าไม้แปรรูปและลิกไนต์เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่การนำเข้าจากจีนตอนใต้ ลดลงร้อยละ 21.8 เหลือ 1.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการนำเข้าผลิตภัณฑ์พืชสวน อาทิ เช่น แอปเปิ้ล หอม กระเทียม เมล็ดทานตะวัน ลดลง ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการลดลงของจำนวนเที่ยวเรือที่ส่งสินค้าไปยังจีน
ดุลการค้า ในเดือนพฤษภาคม 2548 เกินดุล 76.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.6 แต่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า
7. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2548 เร่งตัวจากเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและระยะเดียวกันปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 และร้อยละ 2.1 ตามลำดับ โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ตามราคาผัก และผลไม้ ผักสดแปรรูปและอื่นๆ สำหรับราคาหมวดอื่นที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 3.9 สูงขึ้นตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 1.0 เร่งตัวจากเดือนก่อน
8. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติเดือน เมษายน 2548 พบว่ามีกำลังแรงงานในภาคเหนือรวม 6.7 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 97.0 ของกำลังแรงงานรวม สูงกว่าร้อยละ 95.5 ระยะเดียวกันปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากความต้องการแรงงานภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 ขณะที่นอกภาคเกษตรทรงตัว โดยแรงงานในสาขาการขายส่ง-ปลีกขยายตัวร้อยละ 3.8 แต่แรงงานสาขาการก่อสร้าง โรงแรมและภัตตาคาร การผลิตลดลงทางด้านอัตราการว่างงานเหลือเพียงร้อยละ 2.3 ลดลงจากร้อยละ 3.0 ในปีก่อน และจากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคมเดือนพฤษภาคม 2548 พบว่ามีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวน 548,779 คน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.8
9. การเงิน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2548 สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ มียอดคงค้างเงินฝากทั้งสิ้น 302,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 6.0 เร่งตัวจากเดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของส่วนราชการ โดยเพิ่มขึ้นบริเวณภาคเหนือตอนล่างหลายจังหวัด ได้แก่ จังหวดสุโขทัย เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และอุตรดิตถ์ ส่วนบริเวณภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดเชียงใหม่ จากการนำฝากเงินที่ได้จากการขายหน่วยกองทุนในระยะสั้นๆ ส่วนเงินให้สินเชื่อมียอดคงค้าง 226,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.6 เร่งตัวจากเดือนก่อน จากความต้องการสินเชื่อของสหกรณ์ออมทรัพย์ และอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรและพ่อค้าพืชไร่เพื่อซื้อวัตถุดิบ โดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และสุโขทัย ส่วนจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าส่ง-ปลีกรถยนต์รายใหญ่ และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ74.4 สูงกว่าร้อยละ 71.3 ระยะเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--