ภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2543
การผลิตภาคอุตสาหกรรม : ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ยังคงขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เริ่มมีอัตราลดลงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในหมวดเครื่องดื่ม การก่อสร้าง และปิโตรเลียม เนื่องจากความต้องการในประเทศชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออกยังขยายตัวสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการค้าของโลก
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเป็นลำดับ ส่งผลให้ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.1 ระดับต่ำ จึงทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวไม่มากนัก แม้ว่าทางการจะดำเนินมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ และมาตรการสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน
อุตสาหกรรมที่การผลิตยังคงขยายตัวดีในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ได้แก่
หมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.4 ตามการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องรับโทรทัศน์ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะโทรทัศน์จอแบน ทำให้การใช้กำลังการผลิตของหมวดนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 63.3
หมวดอัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนสูงถึงร้อยละ 35.8 โดยเฉพาะการผลิตเครื่องประดับที่ทำด้วยเงิน เนื่องจากปีนี้เป็นปีเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ ทำให้การส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิสราเอล และเบลเยี่ยม ขยายตัวสูง ประกอบกับทางการได้ออกมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ สำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 11 รายการ รวมทั้งปรับปรุงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับทองคำ ซึ่งช่วยลดการเสียภาษีซ้ำซ้อน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ
หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 30.1 โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์นั่ง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถจักรยานยนต์ เนื่องจากปีนี้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ออโต้ อัลลายแอนด์ (ประเทศไทย)จำกัด อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของการผลิตในหมวดนี้ได้ชะลอลงมากในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมและราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นสำคัญ ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของหมวดนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำคือ ระดับร้อยละ 41.4
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
แต่หากไม่รวมผลผลิตสุราเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 ที่สำคัญเป็นการผลิตเพิ่มขึ้นในหมวดสินค้าที่ขยายการส่งออกได้ดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ และยานยนต์สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 อยู่ที่ระดับร้อยละ 55.7 (หากไม่รวมผลผลิตสุราอยู่ที่ระดับร้อยละ 59.5) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็มที่ในช่วงนี้ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ยางรถยนต์ เยื่อกระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ
ปัจจัยที่ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวเป็นผลจากปริมาณการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น ทำให้การส่งออกของไทย ในรูปของดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 ประกอบกับผลการปรับโครงสร้างหนี้ และการปรับโครงสร้างธุรกิจ ได้ประสบความสำเร็จเป็นลำดับรวมทั้งผู้ประกอบการจำนวนมากได้ปรับกลยุทธ์โดยเน้นการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง อย่างไรก็ตาม ความต้องการภายในประเทศยังอยู่ใน
หมวดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.1ตามการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกได้ดี อาทิ ยางแท่ง ปิโตรเคมี เยื่อกระดาษและคอมเพรสเซอร์ โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูงร้อยละ 70.1 หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.4 ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง คือ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับ การส่งออกท่อเหล็กไปยังตลาดสหรัฐฯ และยุโรป และผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนและรีดเย็นไปยังญี่ปุ่นสามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น การใช้กำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ในหมวดนี้ จึงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน โดยอยู่ในระดับร้อยละ 45.7
สำหรับหมวดที่ผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ได้แก่ หมวดอาหาร ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.8 โดยเป็นผลจากการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง และสับปะรดกระป๋องที่ส่งออกได้ลดลง ในขณะที่การผลิตของหมวดสิ่งทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.5 ในช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกที่ขยายตัวได้มากขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ผลิตลดลง ได้แก่ หมวดเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นไปตามการลดลงของผลผลิตสุรา เนื่องจากผู้ผลิตที่ได้รับสัมปทานได้เก็บสต็อกไว้มากในปีก่อน ในขณะที่การผลิตเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ ยังขยายตัว หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตลดลงเนื่องจากโรงกลั่น ไทยออยล์เกิดเหตุเพลิงไหม้ในช่วงสิ้นปีก่อน ประกอบกับการใช้น้ำมันในประเทศได้ลดลงเพราะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมวดวัสดุก่อสร้าง ผลิตลดลงตามความต้องการภายในประเทศที่ยังซบเซา แม้ว่าสามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย บังคลาเทศ และศรีลังกา ได้เพิ่มขึ้นบ้าง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
การผลิตภาคอุตสาหกรรม : ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ยังคงขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เริ่มมีอัตราลดลงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในหมวดเครื่องดื่ม การก่อสร้าง และปิโตรเลียม เนื่องจากความต้องการในประเทศชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออกยังขยายตัวสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการค้าของโลก
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเป็นลำดับ ส่งผลให้ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.1 ระดับต่ำ จึงทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวไม่มากนัก แม้ว่าทางการจะดำเนินมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ และมาตรการสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน
อุตสาหกรรมที่การผลิตยังคงขยายตัวดีในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 ได้แก่
หมวดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 38.4 ตามการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องรับโทรทัศน์ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะโทรทัศน์จอแบน ทำให้การใช้กำลังการผลิตของหมวดนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 63.3
หมวดอัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนสูงถึงร้อยละ 35.8 โดยเฉพาะการผลิตเครื่องประดับที่ทำด้วยเงิน เนื่องจากปีนี้เป็นปีเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ ทำให้การส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิสราเอล และเบลเยี่ยม ขยายตัวสูง ประกอบกับทางการได้ออกมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ สำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 11 รายการ รวมทั้งปรับปรุงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับทองคำ ซึ่งช่วยลดการเสียภาษีซ้ำซ้อน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ
หมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 30.1 โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์นั่ง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถจักรยานยนต์ เนื่องจากปีนี้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ออโต้ อัลลายแอนด์ (ประเทศไทย)จำกัด อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของการผลิตในหมวดนี้ได้ชะลอลงมากในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมและราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นสำคัญ ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของหมวดนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำคือ ระดับร้อยละ 41.4
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
แต่หากไม่รวมผลผลิตสุราเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 ที่สำคัญเป็นการผลิตเพิ่มขึ้นในหมวดสินค้าที่ขยายการส่งออกได้ดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ และยานยนต์สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2543 อยู่ที่ระดับร้อยละ 55.7 (หากไม่รวมผลผลิตสุราอยู่ที่ระดับร้อยละ 59.5) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็มที่ในช่วงนี้ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ยางรถยนต์ เยื่อกระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ
ปัจจัยที่ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวเป็นผลจากปริมาณการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น ทำให้การส่งออกของไทย ในรูปของดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 ประกอบกับผลการปรับโครงสร้างหนี้ และการปรับโครงสร้างธุรกิจ ได้ประสบความสำเร็จเป็นลำดับรวมทั้งผู้ประกอบการจำนวนมากได้ปรับกลยุทธ์โดยเน้นการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง อย่างไรก็ตาม ความต้องการภายในประเทศยังอยู่ใน
หมวดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.1ตามการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกได้ดี อาทิ ยางแท่ง ปิโตรเคมี เยื่อกระดาษและคอมเพรสเซอร์ โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูงร้อยละ 70.1 หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.4 ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง คือ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับ การส่งออกท่อเหล็กไปยังตลาดสหรัฐฯ และยุโรป และผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนและรีดเย็นไปยังญี่ปุ่นสามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น การใช้กำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ในหมวดนี้ จึงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน โดยอยู่ในระดับร้อยละ 45.7
สำหรับหมวดที่ผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ได้แก่ หมวดอาหาร ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.8 โดยเป็นผลจากการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง และสับปะรดกระป๋องที่ส่งออกได้ลดลง ในขณะที่การผลิตของหมวดสิ่งทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.5 ในช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกที่ขยายตัวได้มากขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ผลิตลดลง ได้แก่ หมวดเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นไปตามการลดลงของผลผลิตสุรา เนื่องจากผู้ผลิตที่ได้รับสัมปทานได้เก็บสต็อกไว้มากในปีก่อน ในขณะที่การผลิตเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ ยังขยายตัว หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตลดลงเนื่องจากโรงกลั่น ไทยออยล์เกิดเหตุเพลิงไหม้ในช่วงสิ้นปีก่อน ประกอบกับการใช้น้ำมันในประเทศได้ลดลงเพราะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมวดวัสดุก่อสร้าง ผลิตลดลงตามความต้องการภายในประเทศที่ยังซบเซา แม้ว่าสามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย บังคลาเทศ และศรีลังกา ได้เพิ่มขึ้นบ้าง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-