กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 นายกษิต ภิรมย์ เอกอัครราชฑูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์และปัญหาของสตรีไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
นายกษิตฯ ได้กล่าวถึงปัญหาชายแปลงเพศในเยอรมนีว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของสถานเอกอัครราชฑูต ได้แก่ การเพิ่มภาพถ่ายของบุคคลภายหลังการแปลงเพศในหนังสือเดินทางให้แก่ชายแปลงเพศในเยอรมนีที่สมรัสกับชาวเยอรมันซึ่งประสงค์จะเดินทางมาประเทศไทย ส่วนการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวโดยสถานเอกอัครราชฑูตได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมประชาสงเคราะห์ เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องการแปลงเพศ เนื่องด้วยปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการแปลงเพศในขณะที่เยอรมนีได้ออกกฎหมายรับรองการแปลงเพศแล้ว
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2544 สถานเอกอัครราชฑูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้จัดการพบปะและบรรยายเรื่องแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่คนไทยที่มีอาชีพค้าบริการและที่มีปัญหาการพำนักอาศัยอยู่ในเยอรมนี ณ นครแฟรงเฟิร์ต โดยมีทางการตำรวจเยอรมนีเข้าร่วมด้วย ซึ่งนายกษิตฯ ได้กล่าวเน้นย้ำว่า การที่มีคนไทยค้าบริการในเยอรมนีจำนวนมากก็เนื่องมาจากการดำเนินงานของขบวนการค้ามนุษย์เริ่มตั้งแต่ในเมืองไทย และเมื่อหญิงไทยที่ค้าบริการในเยอรมนีมีปัญหาก็ไม่สามารถขอความช่วยเหลือ่จากทางการไทยได้เพราะถูกกักขังและข่มขู่จากขบวนการค้ามนุษย์ อีกทั้งยังเกรงกลัวการจับกุมโดยทางการตำรวจเยอรมัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายกษิตฯ กล่าวย้ำว่าสถานเอกอัครราชฑูตและตำรวจเยอรมันไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ทางการตำรวจเยอรมันจะไม่ส่งหญิงไทยที่ไปขอความช่วยเหลือกลับประเทศไทยทันทีแต่จะนำหญิงไทยไปพำนักที่บ้านฉุกเฉิน และให้การคุ้มครอง โดยหญิงไทยสามารถอยู่ในเยอรมันเพื่อเป็นพยานในคดีที่เกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์ และเมื่อหญิงไทยกลับถึงประเทศไทยแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ทางการไทยไปรับและส่งกลับบ้าน นอกจากนี้ องค์การโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ (International Migration Organization) ก็มีโครงการให้ความช่วยเหลือหญิงไทยที่ต้องการกลับประเทศไทย โดยการจัดซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินกลับประเทศให้ในราคาต่ำที่สุด
การแก้ไขปัญหาหญิงไทยค้าบริการในเยอรมนีเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลกระทบอย่างมากต่อภาพพจน์ไทย และมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่ทำธุรกิจโดยสุจริตในเยอรมนี ฉะนั้นปัญหานี้ควรจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยต่าง ๆ ของไทย เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กรมศุลกากร และสำนักงาตรวจคนเข้าเมืองในการป้องกันและแก้ไข นอกจากนี้ นายกษิตฯ เห็นว่าควรมีการอบรมหญิงไทยที่จะเดินทางไปประเทศเยอรมนีเพื่อรับทราบปัญหา สภาพความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิตของคนเยอรมัน
นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชฑูตได้จัดเจ้าหน้าที่ไปให้บริการและอำนวยความสะดวก งานด้านกงสุลแก่คนไทยตามโครงการกงสุลสัญจร โดยเอกอัครราชฑูตได้ไปพบปะชุมชนชาวไทยที่พำนักอาศัยอยู่ในเยอรมันเพื่อชี้แจงสิทธิหน้าที่ การคุ้มครองคนไทย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตอบปัญหาข้อซักถามต่าง ๆ ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับนโยบายการฑูตเพื่อประชาชนของไทย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 นายกษิต ภิรมย์ เอกอัครราชฑูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์และปัญหาของสตรีไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
นายกษิตฯ ได้กล่าวถึงปัญหาชายแปลงเพศในเยอรมนีว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของสถานเอกอัครราชฑูต ได้แก่ การเพิ่มภาพถ่ายของบุคคลภายหลังการแปลงเพศในหนังสือเดินทางให้แก่ชายแปลงเพศในเยอรมนีที่สมรัสกับชาวเยอรมันซึ่งประสงค์จะเดินทางมาประเทศไทย ส่วนการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวโดยสถานเอกอัครราชฑูตได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมประชาสงเคราะห์ เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องการแปลงเพศ เนื่องด้วยปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการแปลงเพศในขณะที่เยอรมนีได้ออกกฎหมายรับรองการแปลงเพศแล้ว
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2544 สถานเอกอัครราชฑูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้จัดการพบปะและบรรยายเรื่องแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่คนไทยที่มีอาชีพค้าบริการและที่มีปัญหาการพำนักอาศัยอยู่ในเยอรมนี ณ นครแฟรงเฟิร์ต โดยมีทางการตำรวจเยอรมนีเข้าร่วมด้วย ซึ่งนายกษิตฯ ได้กล่าวเน้นย้ำว่า การที่มีคนไทยค้าบริการในเยอรมนีจำนวนมากก็เนื่องมาจากการดำเนินงานของขบวนการค้ามนุษย์เริ่มตั้งแต่ในเมืองไทย และเมื่อหญิงไทยที่ค้าบริการในเยอรมนีมีปัญหาก็ไม่สามารถขอความช่วยเหลือ่จากทางการไทยได้เพราะถูกกักขังและข่มขู่จากขบวนการค้ามนุษย์ อีกทั้งยังเกรงกลัวการจับกุมโดยทางการตำรวจเยอรมัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายกษิตฯ กล่าวย้ำว่าสถานเอกอัครราชฑูตและตำรวจเยอรมันไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ทางการตำรวจเยอรมันจะไม่ส่งหญิงไทยที่ไปขอความช่วยเหลือกลับประเทศไทยทันทีแต่จะนำหญิงไทยไปพำนักที่บ้านฉุกเฉิน และให้การคุ้มครอง โดยหญิงไทยสามารถอยู่ในเยอรมันเพื่อเป็นพยานในคดีที่เกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์ และเมื่อหญิงไทยกลับถึงประเทศไทยแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ทางการไทยไปรับและส่งกลับบ้าน นอกจากนี้ องค์การโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ (International Migration Organization) ก็มีโครงการให้ความช่วยเหลือหญิงไทยที่ต้องการกลับประเทศไทย โดยการจัดซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินกลับประเทศให้ในราคาต่ำที่สุด
การแก้ไขปัญหาหญิงไทยค้าบริการในเยอรมนีเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลกระทบอย่างมากต่อภาพพจน์ไทย และมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่ทำธุรกิจโดยสุจริตในเยอรมนี ฉะนั้นปัญหานี้ควรจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยต่าง ๆ ของไทย เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กรมศุลกากร และสำนักงาตรวจคนเข้าเมืองในการป้องกันและแก้ไข นอกจากนี้ นายกษิตฯ เห็นว่าควรมีการอบรมหญิงไทยที่จะเดินทางไปประเทศเยอรมนีเพื่อรับทราบปัญหา สภาพความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิตของคนเยอรมัน
นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชฑูตได้จัดเจ้าหน้าที่ไปให้บริการและอำนวยความสะดวก งานด้านกงสุลแก่คนไทยตามโครงการกงสุลสัญจร โดยเอกอัครราชฑูตได้ไปพบปะชุมชนชาวไทยที่พำนักอาศัยอยู่ในเยอรมันเพื่อชี้แจงสิทธิหน้าที่ การคุ้มครองคนไทย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตอบปัญหาข้อซักถามต่าง ๆ ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับนโยบายการฑูตเพื่อประชาชนของไทย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-