กรุงเทพ--4 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ญี่ปุ่น : ข้อคิดเห็นของคณะผู้บริหารญี่ปุ่นต่อการบริการด้านการแพทย์ไทย
การบริการด้านการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของไทยมิใช่แต่จะได้รับความนิยมชมชอบจาก
ผู้ชมรายการโทรทัศน์ “ซิทตี้ มินิส์” ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังได้รับความชื่นชมจากคณะผู้บริหารของบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วย นายโคอิชิ โนมูระ ที่ปรึกษาของประธานบริษัท ANA นายฮิโรชิ นากาตะ ที่ปรึกษาบริษัทมิตซุย และนายชุนนิชิ ซาโตะ ที่ปรึกษาบริษัทโตโยต้า ซูโซ ที่ได้มาเยือนไทยและเข้าเยี่ยมชมบริการรักษาคนต่างชาติของโรงพยาบาลเอกชนในกทม.
ข้อคิดเห็นของคณะผู้บริหารญี่ปุ่นทำให้เราได้ทราบว่า การบริการด้านการแพทย์ของไทยมิได้ด้อยกว่าชาติใดในเอเชีย เพราะหลังจากที่คณะได้มาพบเห็นและสัมผัสด้วยตนเองแล้ว เมื่อเดินทางกลับญี่ปุ่น นายซาโตะ ผู้บริหารของบริษัทโตโยต้า ได้กล่าวชื่นชมว่าโรงพยาบาลเอกชนของไทยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ และมีบริการหลายอย่างดีกว่าโรงพยาบาลในญี่ปุ่นด้วยซ้ำ
นายซาโตะกล่าวว่าบริษัทโตโยต้ามีบริษัทและโรงงานย่อยหลายแห่งในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยและจำเป็นต้องมีศูนย์กลางการแพทย์เพื่อบริการพนักงานประจำบริษัทและโรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้บริการการแพทย์ในสิงคโปร์ แต่ค่าใช้จ่ายในสิงคโปร์สูงมาก ดังนั้น ข้อมูลที่ได้รับจากการเยือนไทยจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของบริษัทฯ
ด้านนายนากาตะมีความเห็นว่า การที่ญี่ปุ่นเป็นสังคมผู้สูงอายุ ทำให้ค่ารักษาพยาบาลในญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น เช่น ค่าตรวจสุขภาพในญี่ปุ่นสูงกว่าในไทยประมาณ 3 เท่า ค่าทำฟันสูงกว่าประมาณ 5 เท่า ซึ่งการเดินทางไปใช้บริการทางการแพทย์ในต่างประเทศและมีโอกาสพักผ่อนไปในตัว มีความน่าสนใจและดูคุ้มค่ากว่าการรักษาพยาบาลในญี่ปุ่น เขาจึงเสนอให้บริษัท ANA จัดเที่ยวบินสำหรับผู้สูงอายุเพื่อมารักษาตัวในเมืองไทย ซึ่งนายโนมูระก็ได้เสริมว่า ANA กำลังศึกษาเรื่องการจัดทัวร์สุขภาพไปเมืองไทยอยู่
เรื่องนี้ นายสุวิทย์ สิมะสกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวได้แจ้งต่อคณะผู้บริหารญี่ปุ่นว่าโรงพยาบาลเอกชนของไทยมีการพัฒนาปรับปรุงตลอดเวลา ปัจจัยสำคัญ คือ บุคลากรทางการแพทย์ของไทยสามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ได้ เพราะแพทย์ไทยส่วนใหญ่ได้รับการฝึกอบรมหรือมีประสบการณ์ทำงานในสหรัฐฯ มาแล้ว ขณะที่สิงคโปร์ต้องจ้างแพทย์จากต่างประเทศ อีกทั้งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่บริการชาวต่างชาติไม่ได้มีแต่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่มีในต่างจังหวัดด้วย เช่นโรงพยาบาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะบริการรักษาพยาบาลชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในลาว กัมพูชา และเวียดนามด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
ญี่ปุ่น : ข้อคิดเห็นของคณะผู้บริหารญี่ปุ่นต่อการบริการด้านการแพทย์ไทย
การบริการด้านการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของไทยมิใช่แต่จะได้รับความนิยมชมชอบจาก
ผู้ชมรายการโทรทัศน์ “ซิทตี้ มินิส์” ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังได้รับความชื่นชมจากคณะผู้บริหารของบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วย นายโคอิชิ โนมูระ ที่ปรึกษาของประธานบริษัท ANA นายฮิโรชิ นากาตะ ที่ปรึกษาบริษัทมิตซุย และนายชุนนิชิ ซาโตะ ที่ปรึกษาบริษัทโตโยต้า ซูโซ ที่ได้มาเยือนไทยและเข้าเยี่ยมชมบริการรักษาคนต่างชาติของโรงพยาบาลเอกชนในกทม.
ข้อคิดเห็นของคณะผู้บริหารญี่ปุ่นทำให้เราได้ทราบว่า การบริการด้านการแพทย์ของไทยมิได้ด้อยกว่าชาติใดในเอเชีย เพราะหลังจากที่คณะได้มาพบเห็นและสัมผัสด้วยตนเองแล้ว เมื่อเดินทางกลับญี่ปุ่น นายซาโตะ ผู้บริหารของบริษัทโตโยต้า ได้กล่าวชื่นชมว่าโรงพยาบาลเอกชนของไทยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ และมีบริการหลายอย่างดีกว่าโรงพยาบาลในญี่ปุ่นด้วยซ้ำ
นายซาโตะกล่าวว่าบริษัทโตโยต้ามีบริษัทและโรงงานย่อยหลายแห่งในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยและจำเป็นต้องมีศูนย์กลางการแพทย์เพื่อบริการพนักงานประจำบริษัทและโรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้บริการการแพทย์ในสิงคโปร์ แต่ค่าใช้จ่ายในสิงคโปร์สูงมาก ดังนั้น ข้อมูลที่ได้รับจากการเยือนไทยจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของบริษัทฯ
ด้านนายนากาตะมีความเห็นว่า การที่ญี่ปุ่นเป็นสังคมผู้สูงอายุ ทำให้ค่ารักษาพยาบาลในญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น เช่น ค่าตรวจสุขภาพในญี่ปุ่นสูงกว่าในไทยประมาณ 3 เท่า ค่าทำฟันสูงกว่าประมาณ 5 เท่า ซึ่งการเดินทางไปใช้บริการทางการแพทย์ในต่างประเทศและมีโอกาสพักผ่อนไปในตัว มีความน่าสนใจและดูคุ้มค่ากว่าการรักษาพยาบาลในญี่ปุ่น เขาจึงเสนอให้บริษัท ANA จัดเที่ยวบินสำหรับผู้สูงอายุเพื่อมารักษาตัวในเมืองไทย ซึ่งนายโนมูระก็ได้เสริมว่า ANA กำลังศึกษาเรื่องการจัดทัวร์สุขภาพไปเมืองไทยอยู่
เรื่องนี้ นายสุวิทย์ สิมะสกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวได้แจ้งต่อคณะผู้บริหารญี่ปุ่นว่าโรงพยาบาลเอกชนของไทยมีการพัฒนาปรับปรุงตลอดเวลา ปัจจัยสำคัญ คือ บุคลากรทางการแพทย์ของไทยสามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ได้ เพราะแพทย์ไทยส่วนใหญ่ได้รับการฝึกอบรมหรือมีประสบการณ์ทำงานในสหรัฐฯ มาแล้ว ขณะที่สิงคโปร์ต้องจ้างแพทย์จากต่างประเทศ อีกทั้งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่บริการชาวต่างชาติไม่ได้มีแต่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่มีในต่างจังหวัดด้วย เช่นโรงพยาบาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะบริการรักษาพยาบาลชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในลาว กัมพูชา และเวียดนามด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-