ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยืนยันยังไม่มีความจำเป็นต้องออก พธบ.ในขณะนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ก.คลังอนุมัติให้ ธปท.ออก พธบ.ในวงเงินประมาณ 250,000 ล.บาท เพื่อใช้เป็น
เครื่องมือในการดูดซับสภาพคล่องในระบบว่า เป็นเพียงการขอโควตาจาก ก.คลังเท่านั้น ยังไม่มีการกำหนดวัน
จำหน่าย ซึ่งภาวะเศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นต้องออก พธบ. ดังกล่าว (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
2. ธปท.ขอข้อมูลสินเชื่อนอนแบงก์เพื่อใช้ในการกำหนดทิศทางการกำกับดูแล ผู้อำนวยการอาวุโส
ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย
เกี่ยวกับการดูแลการให้สินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์)ว่า กิจการนอนแบงก์ต้อง
รายงานตัวเลขการดำเนินงานครั้งแรกให้กับ ธปท.ในเดือน ต.ค.นี้ โดยเป็นการรายงานผลการดำเนินงานของ
เดือน มิ.ย.-ก.ย.48 ทั้งนี้ การที่ผู้ประกอบการนอนแบงก์ต้องรายงานตัวเลขของเดือน มิ.ย.ด้วย ทั้งที่เกณฑ์กำกับ
สินเชื่อส่วนบุคคลเริ่มขึ้นเดือน ก.ค. เนื่องจาก ธปท.ต้องการนำข้อมูลก่อนหน้าการกำกับมาใช้ในการกำหนดทิศทาง
และกำกับดูแลต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
3. ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ในเดือน พ.ค.48 ยังคงซบเซาต่อเนื่อง รายงานข่าวจากธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) แจ้งถึงภาวะเศรษฐกิจของภาคใต้ในเดือน พ.ค.48 ว่า ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้าน
การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากรายได้ภาคเกษตรและบริการลดลง ตลอดจนความ
ไม่สงบในชายแดนภายใต้ที่ยืดเยื้อ การสูงขึ้นของราคาสินค้า และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับราคา
น้ำมันที่มีสัญญาณว่ารัฐบาลอาจจะปล่อยลอยตัว นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในภาคใต้ยังคงอยู่ในภาวะซบเซา เนื่องจาก
นักท่องเที่ยวไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัด และธรณีพิบัติจากเหตุการณ์
คลื่นสึนามิ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ในเดือน พ.ค.48 มี
จำนวนเพียง 135,926 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 26.9% (มติชน)
4. ยอดนักท่องเที่ยวเข้าไทยในช่วง 6 เดือนแรกปี 48 ขยายตัวเพียง 1.4% รายงานสถิตินักท่อง
เที่ยวเข้าไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี (ม.ค.-มิ.ย.48) ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ จากการท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ยอดรวมนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 3,859,320 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนที่มีจำนวน 3,805,908 คน หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1.4% ทั้งนี้ ภาพรวมในทุกตลาดมีอัตราโตขึ้น ยกเว้นตลาด
เอเชียที่อัตราถดถอยประมาณ 2.78% โดยตลาดนักท่องเที่ยวจีน ทรุดหนักมากที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ)
5. ยอดการซื้อขายหลักทรัพย์แบบ net settlement มีทิศทางเพิ่มขึ้นสะท้อนความเสี่ยงของผู้ลง
ทุน รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการเก็บสถิติการซื้อขายแบบหักกลบลบหนี้ใน
หุ้นตัวเดียวกันวันเดียวกัน (net settlement) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่ายอดการซื้อขายในลักษณะดังกล่าวมีเพิ่ม
ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขล่าสุดเดือน พ.ค.48 มียอดการซื้อขายสูงถึง 61,689.86 ล.บาท คิดเป็น 19.12%
เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาดที่มี 322,638.65 ล.บาท โดยในเดือน ม.ค., ก.พ., มี.ค. และ
เม.ย. ยอดการซื้อขายแบบ net settlement คิดเป็น 14.86%, 14.94%, 15.32% และ 16.14% ตาม
ลำดับ เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด ทั้งนี้ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดการซื้อขายแบบ net settlement ที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าผู้
ลงทุนหันมาซื้อขายลักษณะเก็งกำไรกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงของผู้ลงทุน เนื่องจากภาวะรวมขณะนี้ส่วนใหญ่
ราคาหุ้นจะแกว่งตัวในขาลง ดังนั้น โอกาสขาดทุนมีมากกว่าโอกาสจะได้กำไร (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าธ.กลางยุโรปจะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องให้ปรับลด
ก็ตาม รายงานจาก Frankfurt เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 48 นักวิเคราะห์คาดว่าธ.กลางยุโรป (ECB) จะยังคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 2.0 ต่อไปอีกในการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ แม้ว่าจะได้
รับแรงกดดันทางการเมืองให้ปรับลดลงก็ตาม ทั้งนี้การอ่อนค่าของเงินยูโรและสัญญานการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นทาง
ธุรกิจในบางเขตของยูโรโซนจะส่งผลให้ ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อไป ขณะที่รัฐบาลของเยอรนี
อิตาลีและออสเตรียได้ร้องขอให้ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐสภายุโรปไม่เห็นด้วยและ
ปฎิเสธการร้องขอดังกล่าวโดย ECB ยังคงเห็นชอบในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจ
ของ 12 ชาติในยูโรโซนยังไม่ชัดเจนเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่สูงกว่าบาร์เรลละ 60 ดอลลาร์ สรอ. และยังไม่มี
แนวโน้มว่าจะลดลงในเร็ววันรวมทั้งสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ค่อยราบรื่นนักจึงอาจทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีการ
เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงอีกครั้งในปลายปีนี้ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า ECB จะยังคงเข้มงวดกับ
นโยบายที่เป็นกลางและตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนหน้าจะเป็นเครื่องตัดสินใจที่สำคัญของ ECB ว่าจะผ่อนปรนนโยบาย
การเงินหรือไม่(รอยเตอร์)
2. เยอรมนีคาดว่าอัตราการว่างงานในปีนี้จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุง
เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 6 ก.ค.48 สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างอิงข้อมูลจาก สนง.แรงงานกลางของ
เยอรมนี ว่า อัตราการว่างงานของเยอรมนีในปีนี้จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยสถาบันวิจัย IAB ซึ่งเป็น
หน่วยงานของ สนง.แรงงานกลางของรัฐ คาดว่าจำนวนคนว่างงานทั้งหมดอาจจะเพิ่มขึ้นประมาณ 370,000 คน
อยู่ที่ระดับ 4.75 ล้านคน จาก 4.38 ล้านคน ในปี 47 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ธ.ค.47
ว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 4.37 ล้านคน ทั้งนี้ ในข้อมูลดังกล่าวเน้นว่า ความไม่แน่นอนของวงจรธุรกิจและผลกระทบ
จากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของตลาดแรงงานทำให้เป็นการยากมากที่จะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง โดยคน
เยอรมันจำนวนมากที่ก่อนหน้านี้ได้รับความช่วยเหลือทางสังคมจากรัฐจะถูกนับรวมเข้าไปในจำนวนคนว่างงานด้วย
ซึ่งจะเป็นการบังคับให้มีการเปลี่ยนสถานะของการรับความช่วยเหลือจากการว่างงาน และจากกฎระเบียบที่เข้มงวด
ขึ้นจะทำให้ผู้ขอรับความช่วยเหลือจำนวนมากหมดสิทธิได้รับความช่วยเหลืออีกต่อไป ทั้งนี้ การเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
ของการขอรับความช่วยเหลือจากการว่างงานและการขอความช่วยเหลือทางสังคมจะทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น
สูงถึง 4 — 5 แสนคน ในขณะที่ ถ้าไม่นับคนที่ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐโดยไม่ลงทะเบียนคนว่างงานจะทำให้
จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นเพียง 2 แสนคน อนึ่ง ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้สถานการณ์ของตลาดแรงงานไม่สู้ดีนัก แต่
คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนในปีหน้าสถานการณ์ของตลาดแรงงานยังคงขึ้นอยู่อัตราการเติบโต
ทางเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจเติบโตประมาณร้อยละ 1.5 ก็อาจจะทำให้ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 843.537 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโตเกียว เมื่อ 7 ก.ค.48 ก.คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
ของญี่ปุ่น (ซึ่งมีจำนวนสูงสุดของโลก) ณ สิ้นเดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 843.537 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.
จากระดับ 842.468 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุสำคัญจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร
รัฐบาล สรอ. ในเดือน มิ.ย.อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ส่งผลให้ราคาพันธบัตรสูงขึ้น ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ
ของญี่ปุ่นพุ่งทะยานสูงขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงโดยการขายเงินเยนจำนวน 20 ล้านล้านเยน
(178.3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ในปี 46 และเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านล้านเยนในไตรมาสแรก ปี 47 และหยุดแทรก
แซงในตลาดอีกตั้งแต่นั้นมา อนึ่ง มูลค่าทุนสำรองฯ ของญี่ปุ่นเคยอยู่ในระดับสูงสุดที่จำนวน 844.543 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ.เมื่อเดือน ธ.ค.47 (รอยเตอร์)
4. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 2 ปี 48 ชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 8.9 เทียบต่อ
ไตรมาส รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 7 ก.ค.48 The Financial News อ้างถึงผลวิจัยของสถาบันวิจัยของ ธ.
กลางจีน ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 2 ปี 48 ชะลอตัวลงอยู่ที่ร้อยละ 8.9 เทียบกับที่
ขยายตัวถึงร้อยละ 9.4 ในไตรมาสก่อนหน้า และจะชะลอตัวลงอีกอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.7 ในไตรมาสที่ 3 ปี 48
ก่อนที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 8.8 ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถาบันวิจัยดังกล่าวจะเป็น
ส่วนหนึ่งของ ธ.กลางจีน แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ไม่นับเป็นตัวเลขทางการ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์ใน
ประเทศ (จีดีพี) ในปี 48 น่าจะเติบโตถึงร้อยละ 9.0 หลังจากที่ครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 9.2 (รอยเตอร์)
5. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเกาหลีใต้สำหรับเดือน มิ.ย.48 ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อ
กัน รายงานจากโซล เมื่อ 7 ก.ค.48 รัฐบาลเกาหลีใต้รายงานดัชนีชี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.48
เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการใช้จ่ายส่วนบุคคลในอีก 6 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 95.4 ลดลงเป็นเดือนที่ 3
ติดต่อกันจากระดับ 101.3 และ 99.2 ในเดือน เม.ย.และ พ.ค.48 ตามลำดับ เช่นเดียวกับดัชนีชี้วัดว่าผู้บริโภค
ประเมินภาวะเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพในปัจจุบันเทียบกับ 6 เดือนที่ผ่านมาอย่างไรที่ลดลงเป็นเดือนที่
3 ติดต่อกันมาอยู่ที่ระดับ 79.7 จากระดับ 90.2 และ 85.5 ในเดือน เม.ย.และ พ.ค.48 ตามลำดับ โดยตัว
เลขดัชนีที่ต่ำกว่า 100 ซึ่งเป็นระดับที่เป็นกลางชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับต่ำกว่าปรกติ รายงาน
ดังกล่าวข้างต้นออกมาก่อนหน้าที่จะมีการประชุมนโยบายการเงินของ ธ.กลางเกาหลีใต้เพียงไม่กี่ชั่วโมงซึ่งผล
สำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ
ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปีเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 5 ก.ค.48 ที่ผ่านมา ธ.
กลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของการบริโภคในประเทศในปีนี้จากร้อยละ 1.8 ที่คาดไว้เมื่อ
เดือน ธ.ค.47 เป็นร้อยละ 2.7 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ
7 ก.ค. 48 6 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.519 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.3205/41.6080 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.59375-2.60 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 659.91/15.01 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,300/8,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.06 53.06 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม เมื่อ 7 ก.ค. 48 25.34*/21.79 24.94/21.39 16.99/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ยืนยันยังไม่มีความจำเป็นต้องออก พธบ.ในขณะนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ก.คลังอนุมัติให้ ธปท.ออก พธบ.ในวงเงินประมาณ 250,000 ล.บาท เพื่อใช้เป็น
เครื่องมือในการดูดซับสภาพคล่องในระบบว่า เป็นเพียงการขอโควตาจาก ก.คลังเท่านั้น ยังไม่มีการกำหนดวัน
จำหน่าย ซึ่งภาวะเศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นต้องออก พธบ. ดังกล่าว (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
2. ธปท.ขอข้อมูลสินเชื่อนอนแบงก์เพื่อใช้ในการกำหนดทิศทางการกำกับดูแล ผู้อำนวยการอาวุโส
ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย
เกี่ยวกับการดูแลการให้สินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์)ว่า กิจการนอนแบงก์ต้อง
รายงานตัวเลขการดำเนินงานครั้งแรกให้กับ ธปท.ในเดือน ต.ค.นี้ โดยเป็นการรายงานผลการดำเนินงานของ
เดือน มิ.ย.-ก.ย.48 ทั้งนี้ การที่ผู้ประกอบการนอนแบงก์ต้องรายงานตัวเลขของเดือน มิ.ย.ด้วย ทั้งที่เกณฑ์กำกับ
สินเชื่อส่วนบุคคลเริ่มขึ้นเดือน ก.ค. เนื่องจาก ธปท.ต้องการนำข้อมูลก่อนหน้าการกำกับมาใช้ในการกำหนดทิศทาง
และกำกับดูแลต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
3. ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ในเดือน พ.ค.48 ยังคงซบเซาต่อเนื่อง รายงานข่าวจากธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) แจ้งถึงภาวะเศรษฐกิจของภาคใต้ในเดือน พ.ค.48 ว่า ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้าน
การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากรายได้ภาคเกษตรและบริการลดลง ตลอดจนความ
ไม่สงบในชายแดนภายใต้ที่ยืดเยื้อ การสูงขึ้นของราคาสินค้า และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับราคา
น้ำมันที่มีสัญญาณว่ารัฐบาลอาจจะปล่อยลอยตัว นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในภาคใต้ยังคงอยู่ในภาวะซบเซา เนื่องจาก
นักท่องเที่ยวไม่มีความมั่นใจในความปลอดภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัด และธรณีพิบัติจากเหตุการณ์
คลื่นสึนามิ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ในเดือน พ.ค.48 มี
จำนวนเพียง 135,926 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 26.9% (มติชน)
4. ยอดนักท่องเที่ยวเข้าไทยในช่วง 6 เดือนแรกปี 48 ขยายตัวเพียง 1.4% รายงานสถิตินักท่อง
เที่ยวเข้าไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี (ม.ค.-มิ.ย.48) ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ จากการท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ยอดรวมนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 3,859,320 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อนที่มีจำนวน 3,805,908 คน หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1.4% ทั้งนี้ ภาพรวมในทุกตลาดมีอัตราโตขึ้น ยกเว้นตลาด
เอเชียที่อัตราถดถอยประมาณ 2.78% โดยตลาดนักท่องเที่ยวจีน ทรุดหนักมากที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ)
5. ยอดการซื้อขายหลักทรัพย์แบบ net settlement มีทิศทางเพิ่มขึ้นสะท้อนความเสี่ยงของผู้ลง
ทุน รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการเก็บสถิติการซื้อขายแบบหักกลบลบหนี้ใน
หุ้นตัวเดียวกันวันเดียวกัน (net settlement) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่ายอดการซื้อขายในลักษณะดังกล่าวมีเพิ่ม
ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขล่าสุดเดือน พ.ค.48 มียอดการซื้อขายสูงถึง 61,689.86 ล.บาท คิดเป็น 19.12%
เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาดที่มี 322,638.65 ล.บาท โดยในเดือน ม.ค., ก.พ., มี.ค. และ
เม.ย. ยอดการซื้อขายแบบ net settlement คิดเป็น 14.86%, 14.94%, 15.32% และ 16.14% ตาม
ลำดับ เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด ทั้งนี้ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดการซื้อขายแบบ net settlement ที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าผู้
ลงทุนหันมาซื้อขายลักษณะเก็งกำไรกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงของผู้ลงทุน เนื่องจากภาวะรวมขณะนี้ส่วนใหญ่
ราคาหุ้นจะแกว่งตัวในขาลง ดังนั้น โอกาสขาดทุนมีมากกว่าโอกาสจะได้กำไร (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าธ.กลางยุโรปจะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องให้ปรับลด
ก็ตาม รายงานจาก Frankfurt เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 48 นักวิเคราะห์คาดว่าธ.กลางยุโรป (ECB) จะยังคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 2.0 ต่อไปอีกในการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ แม้ว่าจะได้
รับแรงกดดันทางการเมืองให้ปรับลดลงก็ตาม ทั้งนี้การอ่อนค่าของเงินยูโรและสัญญานการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นทาง
ธุรกิจในบางเขตของยูโรโซนจะส่งผลให้ ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อไป ขณะที่รัฐบาลของเยอรนี
อิตาลีและออสเตรียได้ร้องขอให้ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐสภายุโรปไม่เห็นด้วยและ
ปฎิเสธการร้องขอดังกล่าวโดย ECB ยังคงเห็นชอบในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจ
ของ 12 ชาติในยูโรโซนยังไม่ชัดเจนเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่สูงกว่าบาร์เรลละ 60 ดอลลาร์ สรอ. และยังไม่มี
แนวโน้มว่าจะลดลงในเร็ววันรวมทั้งสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ค่อยราบรื่นนักจึงอาจทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีการ
เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงอีกครั้งในปลายปีนี้ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า ECB จะยังคงเข้มงวดกับ
นโยบายที่เป็นกลางและตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนหน้าจะเป็นเครื่องตัดสินใจที่สำคัญของ ECB ว่าจะผ่อนปรนนโยบาย
การเงินหรือไม่(รอยเตอร์)
2. เยอรมนีคาดว่าอัตราการว่างงานในปีนี้จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุง
เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 6 ก.ค.48 สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างอิงข้อมูลจาก สนง.แรงงานกลางของ
เยอรมนี ว่า อัตราการว่างงานของเยอรมนีในปีนี้จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยสถาบันวิจัย IAB ซึ่งเป็น
หน่วยงานของ สนง.แรงงานกลางของรัฐ คาดว่าจำนวนคนว่างงานทั้งหมดอาจจะเพิ่มขึ้นประมาณ 370,000 คน
อยู่ที่ระดับ 4.75 ล้านคน จาก 4.38 ล้านคน ในปี 47 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ธ.ค.47
ว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 4.37 ล้านคน ทั้งนี้ ในข้อมูลดังกล่าวเน้นว่า ความไม่แน่นอนของวงจรธุรกิจและผลกระทบ
จากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของตลาดแรงงานทำให้เป็นการยากมากที่จะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง โดยคน
เยอรมันจำนวนมากที่ก่อนหน้านี้ได้รับความช่วยเหลือทางสังคมจากรัฐจะถูกนับรวมเข้าไปในจำนวนคนว่างงานด้วย
ซึ่งจะเป็นการบังคับให้มีการเปลี่ยนสถานะของการรับความช่วยเหลือจากการว่างงาน และจากกฎระเบียบที่เข้มงวด
ขึ้นจะทำให้ผู้ขอรับความช่วยเหลือจำนวนมากหมดสิทธิได้รับความช่วยเหลืออีกต่อไป ทั้งนี้ การเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
ของการขอรับความช่วยเหลือจากการว่างงานและการขอความช่วยเหลือทางสังคมจะทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น
สูงถึง 4 — 5 แสนคน ในขณะที่ ถ้าไม่นับคนที่ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐโดยไม่ลงทะเบียนคนว่างงานจะทำให้
จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นเพียง 2 แสนคน อนึ่ง ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้สถานการณ์ของตลาดแรงงานไม่สู้ดีนัก แต่
คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนในปีหน้าสถานการณ์ของตลาดแรงงานยังคงขึ้นอยู่อัตราการเติบโต
ทางเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจเติบโตประมาณร้อยละ 1.5 ก็อาจจะทำให้ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น (รอยเตอร์)
3. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 843.537 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโตเกียว เมื่อ 7 ก.ค.48 ก.คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
ของญี่ปุ่น (ซึ่งมีจำนวนสูงสุดของโลก) ณ สิ้นเดือน มิ.ย.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 843.537 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.
จากระดับ 842.468 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุสำคัญจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร
รัฐบาล สรอ. ในเดือน มิ.ย.อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ส่งผลให้ราคาพันธบัตรสูงขึ้น ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ
ของญี่ปุ่นพุ่งทะยานสูงขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงโดยการขายเงินเยนจำนวน 20 ล้านล้านเยน
(178.3 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ในปี 46 และเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านล้านเยนในไตรมาสแรก ปี 47 และหยุดแทรก
แซงในตลาดอีกตั้งแต่นั้นมา อนึ่ง มูลค่าทุนสำรองฯ ของญี่ปุ่นเคยอยู่ในระดับสูงสุดที่จำนวน 844.543 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ.เมื่อเดือน ธ.ค.47 (รอยเตอร์)
4. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 2 ปี 48 ชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 8.9 เทียบต่อ
ไตรมาส รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 7 ก.ค.48 The Financial News อ้างถึงผลวิจัยของสถาบันวิจัยของ ธ.
กลางจีน ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 2 ปี 48 ชะลอตัวลงอยู่ที่ร้อยละ 8.9 เทียบกับที่
ขยายตัวถึงร้อยละ 9.4 ในไตรมาสก่อนหน้า และจะชะลอตัวลงอีกอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.7 ในไตรมาสที่ 3 ปี 48
ก่อนที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 8.8 ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถาบันวิจัยดังกล่าวจะเป็น
ส่วนหนึ่งของ ธ.กลางจีน แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ไม่นับเป็นตัวเลขทางการ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์ใน
ประเทศ (จีดีพี) ในปี 48 น่าจะเติบโตถึงร้อยละ 9.0 หลังจากที่ครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 9.2 (รอยเตอร์)
5. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเกาหลีใต้สำหรับเดือน มิ.ย.48 ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อ
กัน รายงานจากโซล เมื่อ 7 ก.ค.48 รัฐบาลเกาหลีใต้รายงานดัชนีชี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.48
เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการใช้จ่ายส่วนบุคคลในอีก 6 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 95.4 ลดลงเป็นเดือนที่ 3
ติดต่อกันจากระดับ 101.3 และ 99.2 ในเดือน เม.ย.และ พ.ค.48 ตามลำดับ เช่นเดียวกับดัชนีชี้วัดว่าผู้บริโภค
ประเมินภาวะเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพในปัจจุบันเทียบกับ 6 เดือนที่ผ่านมาอย่างไรที่ลดลงเป็นเดือนที่
3 ติดต่อกันมาอยู่ที่ระดับ 79.7 จากระดับ 90.2 และ 85.5 ในเดือน เม.ย.และ พ.ค.48 ตามลำดับ โดยตัว
เลขดัชนีที่ต่ำกว่า 100 ซึ่งเป็นระดับที่เป็นกลางชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับต่ำกว่าปรกติ รายงาน
ดังกล่าวข้างต้นออกมาก่อนหน้าที่จะมีการประชุมนโยบายการเงินของ ธ.กลางเกาหลีใต้เพียงไม่กี่ชั่วโมงซึ่งผล
สำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ
ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปีเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 5 ก.ค.48 ที่ผ่านมา ธ.
กลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของการบริโภคในประเทศในปีนี้จากร้อยละ 1.8 ที่คาดไว้เมื่อ
เดือน ธ.ค.47 เป็นร้อยละ 2.7 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ
7 ก.ค. 48 6 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.519 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.3205/41.6080 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.59375-2.60 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 659.91/15.01 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,300/8,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.06 53.06 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม เมื่อ 7 ก.ค. 48 25.34*/21.79 24.94/21.39 16.99/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--