1. ญี่ปุ่นเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันดับ 3 ของโลก รองจาก สหรัฐฯ จีน โดยมีมูลค่าการนำเข้า335,802,044,714เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.63 (ม.ค.-ส.ค. 2548) ปี 2547 ญี่ปุ่นเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันดับ 6 ของโลกรองจาก สหรัฐฯ เยอรมนี จีน ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยมีมูลค่าการนำเข้า 455,661.441 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.86 2. แหล่งนำเข้าสำคัญของญี่ปุ่น ในเดือนมกราคม — กรกฎาคม 2548 - จีน มูลค่า 70,776.626 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 21.08 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.67 - สหรัฐฯ มูลค่า 42,881.198 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 12.77 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.61 - ซาอุดิฯ มูลค่า 17,225.788 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 5.13 เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.99 - เกาหลีใต้ มูลค่า 15,775.244 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 4.70 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.13 ไทยอยู่อันดับที่ 10 มูลค่า 10,342.160 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 3.08 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.683. ดุลการค้า ประเทศญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าในเดือนมกราคม — สิงหาคม 2548 เป็นมูลค่า 51,349.579 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 28.96 ดังตัวอย่างสถิติต่อไปนี้ตารางเปรียบเทียบดุลการค้าของประเทศญี่ปุ่นเดือนมกราคม — สิงหาคม 2548มูลค่า: ล้านเหรียญสหรัฐลำดับที่ ประเทศ 2546 2547 2548 อัตราการเปลี่ยนแปลง(%) 47/46 48/47 ทั่วโลก 49,741.979 72,279.401 51,349.579 45.31 -28.961. สหรัฐฯ 35,730.500 40,482.430 44,167.435 13.30 9.102. ฮ่องกง 17,774.468 22,049.198 22,148.563 24.05 0.453. จีน -11,447.583 -11,742.258 -20,048.241 2.57 70.744. ไต้หวัน 9,687.215 15,600.418 17,344.128 61.04 11.185. ซาอุดิอาระเบีย -7,505.163 -8,915.565 -14,607.474 18.79 63.8416 ไทย 2,424.627 3,782.996 4,633.072 56.02 22.47ที่มา : WTA Japan Customs4. ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 2 ของไทยโดยมีสัดส่วนการส่งออกไปตลาดนี้ร้อยละ 13.95 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมในเดือนมกราคม - สิงหาคม 2548 การส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นในเดือนมกราคม - สิงหาคมคม 2548 มีมูลค่า 9,981.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.11 หรือคิดเป็นร้อยละ 61.41 ของเป้าหมายการส่งออกที่มูลค่า 16,252 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 5. สินค้าไทยส่งออกไปญี่ปุ่นในเดือนมกราคม — สิงหาคม 2548 25 อันดับแรกมีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 61.95 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมไปตลาดนี้ สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 มี 2 รายการ สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 มี 2 รายการและสินค้าที่มีมูลค่าลดลงมากกว่าร้อยละ 20 มี 2 รายการดังสถิติต่อไปนี้ สถิติการส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นที่มีมูลค่าการเปลี่ยนแปลงสูง ตลาด อันดับที่ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการ %เปลี่ยนแปลง สัดส่วน : ร้อยละ2548 ม.ค.-ส.ค 47 ม.ค.-ส.ค 48 เปลี่ยนแปลง 2547 ม.ค.-ส.ค1. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น มากกว่าร้อยละ 100 มี 2 รายการ - เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 8 120.97 248.11 127.14 105.11 1.19 2.49 - เม็ดพลาสติก 19 65.56 151.14 85.58 130.53 0.93 1.512. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น มากกว่าร้อยละ 50 มี 2 รายการ - แผงวงจรไฟฟ้า 1 435.67 681.37 245.70 56.40 5.58 6.83 - ไก่แปรรูป 12 131.52 214.13 82.61 62.81 1.89 2.153. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่นลดลง มากกว่าร้อยละ 20 มี 2 รายการ - อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด 7 351.69 248.30 -103.39 -29.40 3.58 2.49 - เครื่องโทรสาร โทรพิมพ์ โทรศัพท์ 22 183.51 141.42 -42.09 -22.94 1.90 1.42รวบรวมโดย : ศูนย์สารสนเทศการค้าระหว่างประเทศจากสถิติการส่งออกดังกล่าวมีข้อสังเกต ดังนี้ 1) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (HS 8415) Air Conditioning ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 3 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ จีน สหรัฐฯ ในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-ส.ค 48) มูลค่า 1,095.468 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.51 มีการนำเข้าจาก จีน ไทย มาเลเซียเป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 2 สัดส่วนร้อยละ 23.82 มูลค่า 260.904 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.73 2) เม็ดพลาสติก (HS. 3901) Ethylene, Primary Form ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 12 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ เบลเยี่ยม สหรัฐฯ แคนาดา ในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-ส.ค 48) มูลค่า 216.439 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ54.36 มีการนำเข้าจาก สหรัฐฯ ซาอุดิอาระเบีย ไทย เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 3 สัดส่วนร้อยละ 17.73 มูลค่า 38.383 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 172.51 3) แผงวงจรไฟฟ้า (HS. 8542) Integrated Circuits ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 14 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ สหรัฐฯ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-ส.ค 48) มูลค่า 11,832.702 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.32 มีการนำเข้าจาก ไต้หวัน สหรัฐฯ เกาหลีใต้ เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 8 สัดส่วนร้อยละ 3.08 มูลค่า 364.136 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.22 4) ไก่แปรรูป (HS. 160232) O Chick Prepar / pres. ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 1 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ จีน เนเธอร์แลนด์ ในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-ส.ค 48) มูลค่า 688.175 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.62 มีการนำเข้าจาก จีน ไทย และบราซิล เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 2 สัดส่วนร้อยละ 44.64 มูลค่า 307.231 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 84.54 5) อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด (HS. 8541) Semi Con DV ; L — EMT Diod ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 13 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สิงคโปร์ ในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-ส.ค 48) มูลค่า 1,680.893 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.09 มีการนำเข้าจาก จีน มาเลเซีย สหรัฐฯ เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 5 สัดส่วนร้อยละ 10.22 มูลค่า 171.745 ล้านเหรียญสหรัฐฯลดลงร้อยละ 2.07 6) เครื่องโทรสาร โทรพิมพ์ โทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ (HS 8517) LN TELEPH, ETC EL ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 19 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ สหรัฐฯ จีน ฮ่องกง ในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-ส.ค 48) มูลค่า 1,641.843 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.74 มีการนำเข้าจาก จีน ไต้หวัน สหรัฐฯ เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 4 สัดส่วนร้อยละ 8.58 มูลค่า 140.890 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 11.49 6. ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการค้าระหว่างไทย — ญี่ปุ่น เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีดุลการค้าเกินดุล 116.30 พันล้านเยน ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ 378 พันล้านเยน โดยยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 อย่างไรก็ตามดุลการค้ายังเกินดุลในเดือนส.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค. ร้อยละ 1.3 และ GDP ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 จากไตรมาสแรก ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติได้หันมาสนใจที่จะเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนเพื่อการผลิตและการส่งออก เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีความมั่นใจในเสถียรภาพของประเทศไทยว่ามีศักยภาพในการลงทุนสูงประกอบกับมีบุคลากรที่มีความชำนาญในระดับที่สามารถพัฒนาเทคนิคการผลิตไปสู่ขั้นสูงได้เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน นอกจากนี้หากไทยและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าการลงทุนได้ในอนาคต ไทยก็จะสามารถเป็นประตูทางการค้าได้อย่างแน่นอนและจะทำให้หลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นพิจารณาเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่มาลงทุนในประเทศไทยอันดับ 1 ยังคงได้แก่ญี่ปุ่น รองลงมาคือสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ทั้งนี้รัฐบาลของไทยและญี่ปุ่นต่างก็มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องการร่วมมือกันด้านอุตสาหกรรมโดยเฉพาะนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในหลายๆ โครงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เช่น ยานยนต์และไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะมุ่งเน้น ให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนภายในประเทศ ซึ่งภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นรูปแบบของการแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในภาควิศวกรรมชั้นสูง รองเลขาสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท) ดร.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี ซึ่งเป็นคณะทำงานการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-ญี่ปุ่น เปิดเผยว่าขณะนี้นายกรัฐมนตรีของไทยและญี่ปุ่นได้ร่วมประกาศผลสำเร็จเบื้องต้นในในการจัดทำ FTA ไปแล้ว ณ กรุงโตเกียง แต่ในทางปฏิบัติคณะเจรจาของทั้งสองฝ่ายยังคงไม่บรรลุข้อสรุปในการเจรจาจัดเอกสารบันทึกความตกลง (record of discussion) ในเรื่องกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (rules of origin) ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7-8 กันยายน 2548 ทั้งไทยและญี่ปุ่นได้ร่วมหารือและได้ข้อสรุปที่น่าพอใจในเรื่องดังกล่าวในส่วนของสินค้า 6,000 รายการยกเว้นสินค้าสำคัญๆ ได้แก่ ทูน่ากระป๋อง สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รถยนต์และเหล็ก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนมูลค่าทางการค้าระหว่างกันสูง ซึ่งขณะนี้ทั้งสองฝ่ายจะต้องกลับมาพิจารณาข้อเสนอของตนอีกครั้งเพื่อปรับปรุงข้อตกลงในการเจรจาครั้งต่อไป ประเทศไทยต้องการให้ญี่ปุ่นรับแหล่งกำเนิดสินค้าสินค้าปลาทูน่าแปรรูปให้สามารถใช้วัตถุดิบจากต่างประเทศมาแปรรูปได้หรือยอมรับการเปลี่ยนพิกัดภาษี ในขณะที่ญี่ปุ่นยังคงยืนยันว่าจะต้องเป็นวัตถุดิบหรือปลาที่จับจากประเทศไทยเท่านั้น ส่งผลให้ไทยไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก FTA เพราะไทยจับปลาจากอินโดนีเซียและไต้หวันเป็นส่วนใหญ่ ที่มา: http://www.depthai.go.th