กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย และนายซก อัน (Sok An) รัฐมนตรีอาวุโสและประธานการปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชาได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจนี้จะมีผลเมื่อรัฐบาลทั้งสองให้ความเห็นชอบแล้ว
ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 การอ้างสิทธิทางทะเลในบริเวณอ่าวไทยของไทยและกัมพูชามีการทับซ้อนกันอยู่ เป็นเหตุให้ทั้งสองประเทศไม่สามารถนำแหล่งน้ำมันปิโตรเลียมที่อยู่ในบริเวณนี้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ทั้งสองประเทศต่างให้สัมปทานการสำรวจปิโตรเลียมครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าวซึ่งทับซ้อนกัน จึงไม่มีการเข้าไปสำรวจจนกว่าจะมีการแก้ปัญหาการอ้างสิทธิ ทับซ้อนดังกล่าว
บันทึกความเข้าใจที่ได้ลงนามกันไปแล้วนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการเปิดประตูสู่ แหล่งทรัพยากรที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ที่ทับซ้อนกันนี้ออกเป็นสองส่วนคือ พื้นที่ที่จะต้องมีการแบ่งเขตและพื้นที่ที่จะพัฒนาร่วมกัน บันทึกความเข้าใจนี้ยืนยันเจตนารมย์ของรัฐบาลทั้งสองที่จะสรุปข้อตกลงในการร่วมกันพัฒนาแหล่งไฮโดรคาร์บอนซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ที่จะพัฒนาร่วมกัน และข้อตกลงการแบ่งเขตทางทะเลในเขตพื้นที่ที่จะต้องมีการแบ่งเขตที่สามารถยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย โดยมีการ จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางด้านเทคนิคซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของฝ่ายไทยและกัมพูชา เพื่อที่จะแก้ไขประเด็นที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้และเพื่อยกร่างสนธิสัญญาระหว่างประเทศทั้งสอง
ทั้งสองฝ่ายรับทราบว่ายังคงมีบางประเด็นที่ยังไม่เห็นตรงกัน ซึ่งจะต้องแก้ไขต่อไป อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายแสดงเจตนาที่จะหาทางแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็น ไปได้
พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนนี้นับเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยน้ำมันและแก๊ส การร่วมมือร่วมกันพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ใหญ่หลวงต่อประเทศทั้งสอง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : [email protected] จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย และนายซก อัน (Sok An) รัฐมนตรีอาวุโสและประธานการปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชาได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจนี้จะมีผลเมื่อรัฐบาลทั้งสองให้ความเห็นชอบแล้ว
ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 การอ้างสิทธิทางทะเลในบริเวณอ่าวไทยของไทยและกัมพูชามีการทับซ้อนกันอยู่ เป็นเหตุให้ทั้งสองประเทศไม่สามารถนำแหล่งน้ำมันปิโตรเลียมที่อยู่ในบริเวณนี้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ทั้งสองประเทศต่างให้สัมปทานการสำรวจปิโตรเลียมครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าวซึ่งทับซ้อนกัน จึงไม่มีการเข้าไปสำรวจจนกว่าจะมีการแก้ปัญหาการอ้างสิทธิ ทับซ้อนดังกล่าว
บันทึกความเข้าใจที่ได้ลงนามกันไปแล้วนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการเปิดประตูสู่ แหล่งทรัพยากรที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ที่ทับซ้อนกันนี้ออกเป็นสองส่วนคือ พื้นที่ที่จะต้องมีการแบ่งเขตและพื้นที่ที่จะพัฒนาร่วมกัน บันทึกความเข้าใจนี้ยืนยันเจตนารมย์ของรัฐบาลทั้งสองที่จะสรุปข้อตกลงในการร่วมกันพัฒนาแหล่งไฮโดรคาร์บอนซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ที่จะพัฒนาร่วมกัน และข้อตกลงการแบ่งเขตทางทะเลในเขตพื้นที่ที่จะต้องมีการแบ่งเขตที่สามารถยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย โดยมีการ จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางด้านเทคนิคซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของฝ่ายไทยและกัมพูชา เพื่อที่จะแก้ไขประเด็นที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้และเพื่อยกร่างสนธิสัญญาระหว่างประเทศทั้งสอง
ทั้งสองฝ่ายรับทราบว่ายังคงมีบางประเด็นที่ยังไม่เห็นตรงกัน ซึ่งจะต้องแก้ไขต่อไป อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายแสดงเจตนาที่จะหาทางแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็น ไปได้
พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนนี้นับเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยน้ำมันและแก๊ส การร่วมมือร่วมกันพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ใหญ่หลวงต่อประเทศทั้งสอง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : [email protected] จบ--
-อน-