ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. นรม. คาดภัยแล้งและราคาน้ำมันแพงจะกระทบจีดีพีเพียงเล็กน้อย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นรม. เปิดเผยว่า ปัญหาภัยแล้งและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อจีดีพีของไทยเพียงร้อย
ละ 0.3 — 0.5 และเชื่อว่าจะมีปัจจัยอื่นมาช่วยลดผลกระทบดังกล่าวได้ เช่น การจัดสรร งปม.กลางปี ซึ่งจะทำ
ให้จีดีพีกลับไปเป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.5 — 6.5 ทั้งนี้ ปัญหาภัยแล้งในปีนี้รุนแรงมากกว่าปี
ที่ผ่านมาและส่งผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายมาก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะเร่งจัด
ทำฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวจะมีการผันน้ำจากแม่น้ำของประเทศเพื่อนบ้านทั้ง
ลาว พม่า และกัมพูชา มาเติมในแหล่งต้นน้ำของไทย แต่ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับประเทศดังกล่าว
(ไทยรัฐ, บ้านเมือง)
2. ธปท. เสนอ ก.คลังกำหนดดอกเบี้ยสูงสุดสินเชื่อบุคคล นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ
สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า เงื่อนไขเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวมถึงหลัก
เกณฑ์ที่จะนำมาควบคุมการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลได้กำหนดชัดเจนแล้ว รอการพิจารณาอนุมัติจาก รมว.คลัง คาดว่า
จะสามารถนำมาบังคับใช้ได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยเกณฑ์ดังกล่าวจะใช้บังคับกับ ธ.พาณิชย์และสถาบันการเงินที่มิใช่ ธ.
พาณิชย์ด้วย ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวจะเน้นการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งการควบคุมอัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บสูงสุดนี้เพื่อป้องกัน
ภาระหนี้สินของประชาชนที่อาจจะมีมากเกินไป เพราะสินเชื่อเหล่านี้เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ต่างจากสินเชื่อ
บ้าน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ หรือสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการผลิตที่มีหลักประกัน สำหรับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยบัตร
เครดิตจะปรับจากร้อยละ 18 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่การขอปรับต้องมีเหตุผล
ที่ชัดเจนและดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในปัจจุบันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ยอดหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือน ธ.ค.47 คิดเป็นร้อยละ 47.84 ของจีดีพี นางพรรณี
สถาวโรดม ผอ.สนง.บริหารหนี้สาธารณะ ก.คลัง กล่าวว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ธ.ค.47 มีจำนวน
3,120,803 ล้านบาท หรือร้อยละ 47.84 ของจีดีพี โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,808,581 ล้านบาท หนี้ของ
รัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 932,447 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 379,775 ล้านบาท ซึ่ง
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะลดลง 2,112 ล้านบาท สำหรับการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐใน
เดือน ก.พ.48 ก.คลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ครบกำหนด
เมื่อเดือน พ.ย.47 จำนวน 34,900 ล้านบาท ซึ่งได้กู้เงินระยะสั้นมาชำระคืน รวมทั้งได้ออกพันธบัตรในวงเงิน
14,000 ล้านบาท และใช้เงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 24 ล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 14,024
ล้านบาท (บ้านเมือง, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
4. กลต. แก้ไขหลักเกณฑ์การตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รายงานข่าวจาก สนง.คณะกรรมการ
กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง ในฐานะประธาน
กรรมการคณะกรรมการ กลต. ได้ลงนามในประกาศหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (ฉบับที่ 4) เมื่อวันที่ 9 มี.ค.48 โดยประกาศจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.48
โดยสาระสำคัญของประกาศที่มีการแก้ไขหลักเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบ
สถาบันการเงิน (กอง 2) กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 3) และกองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (กอง 4) จะทำให้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
(บลจ.) มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งในประกาศจะเปิดทางให้สามารถเพิ่มทุนได้ นอกจากนี้ ยังป้องกันการสร้าง
ราคาเทียมหรือการสร้างดีมานด์เทียมในตลาด (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. IMFรายงานว่าเป็นการยากที่จะวัดผลกระทบของการใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่าง
ประเทศคงที่ของมาเลเซีย รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 14 มี.ค.48 IMF รายงานว่าการที่มาเลเซียใช้นโยบาย
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศคงที่โดยการกำหนดให้เงินริงกิตมีค่าคงที่อยู่ที่ 3.8 ริงกิตต่อดอลลาร์ สรอ.นับ
ตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินในเอเชียในปี 41 เป็นต้นมา มีส่วนทำให้มาเลเซียเกินดุลการค้าจำนวนมาก โดย
คาดว่ามาเลเซียจะเกินดุลการค้าในปีนี้จำนวน 29.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.หลังจากเกินดุลการค้าจำนวน 29.0
พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในปี 47 ซึ่งมีส่วนทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียขยายตัวถึงร้อยละ 7.0 ในปี 47 และคาดว่าจะ
ขยายตัวร้อยละ 6.0 ในปีนี้ รัฐบาลมาเลเซียแถลงว่าจะยังคงใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ต่อไปหลังจากใช้มา
แล้วเป็นเวลา 6 ปีครึ่ง เพราะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเนื่องจากไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแม้ว่าต้นทุน
สินค้านำเข้าที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชนก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่ามาเลเซีย
จะเปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเฉพาะในกรณีที่จีนซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจเพื่อนบ้านเปลี่ยนนโยบายอัตราแลก
เปลี่ยนก่อน อย่างไรก็ดี IMF เชื่อว่าการเปลี่ยนไปใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นมากขึ้นจะส่งผลดีต่อ
เศรษฐกิจของมาเลเซียในระยะยาว (รอยเตอร์)
2. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในเดือนก.พ.ลดลงอยู่ที่ระดับ 3.9 พันล.ดอลลาร์
สรอ. รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 48 รัฐบาลจีนเปิดเผยว่าในเดือนก.พ. การลงทุนโดยตรงจากต่าง
ประเทศ (FDI) ของจีนอยู่ที่ระดับ 3.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 7.0 ส่วน
สัญญาการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งรวมทั้งการลงทุนที่ทำสัญญาแล้วแต่ยังไม่มีการส่งมอบ อยู่ที่ระดับ 7.3 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 18 สำหรับตัวเลขเมื่อเทียบต่อเดือนซึ่งรอยเตอร์คำนวณจาก
การเปรียบเทียบตัวเลขสะสมของเดือนม.ค. และก.พ.ที่ ก.พาณิชย์จีนประกาศ ก่อนหน้านั้นในเดือนม.ค. 48 จีน
ดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศถึง 4.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. และสัญญา FDI 12.8 พัน ล.ดอลลาร์
สรอ. ทั้งนี้ในปี 47 FDI ของจีนทำสถิติสูงสุดถึง 61 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14 จากปี 46
และสัญญาการลงทุนอยู่ที่ระดับ 153.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 1 ใน 3 จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามตัว
เลข FDI รายเดือนค่อนข้างไม่มีเสถียรภาพดังนั้นนักวิเคราะห์จึงเห็นว่าน่าจะมองแนวโน้มในระยะยาวมากกว่า
และมีความเป็นไปได้ที่จีนจะเป็นประเทศที่มี FDI มากที่สุดในโลก อนึ่ง FDI รวมของเดือนม.ค. และก.พ.อยู่ที่
ระดับ 8 พันล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8.2 ส่วนสัญญา FDI อยู่ที่ 20.1 พัน ล.ดอลลาร์สรอ.
เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 จากปีก่อน (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่ายอดการขายปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ม.ค.48 จะลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
ที่ร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบต่อเดือน ขณะที่เทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 11 มี.ค.48
ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่า ยอดการขายปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ม.ค.48 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ร้อยละ 2.0
(ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) หลังจากที่ลดลงร้อยละ 5.7 และ 3.1 ในเดือน ธ.ค. และ พ.ย.47 ตามลำดับ
ขณะที่เมื่อเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (ธ.ค.47) ที่อยู่ที่ร้อยละ 2.2 เนื่องจากยอดขายรถ
ยนต์เพิ่มสูงขึ้นจากการที่ภาษีรถยนต์ลดลง ทั้งนี้ สำนักงานสถิติจะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่
15 มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เห็นว่า เทศกาลตรุษจีนในปีนี้ที่ตรงกับเดือน ก.พ.ขณะที่ปีก่อนอยู่ในเดือน
ม.ค.นั้น อาจทำให้ตัวเลขยอดขายปลีกเทียบต่อปีบิดเบือนได้ ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายปลีกเมื่อเทียบต่อเดือนที่ลดลงมี
สาเหตุจากจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ม.ค.48 ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 2.3 จากร้อยละ 16.0 ในเดือน ธ.ค.47
หลังจากเกิดภัยพิบัติสึนามิในแถบมหาสมุทรอินเดียเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่สร้างความเสียหายกับหลายประเทศ
ชายฝั่งทะเลรอบมหาสมุทรอินเดีย แม้ว่าสิงคโปร์จะไม่ได้ประสบกับภัยสึนามิโดยตรง แต่ก็ได้รับผลกระทบต่อ
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไปด้วย (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกของเกาหลีใต้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 48 ปรับตัว
เพิ่มขึ้นที่ระดับ 106 รายงานจากโซลเมื่อ 15 มี.ค.48 Chamber of Commerce and Industry เปิดเผย
ว่า The retail business survey index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจของบรรดาผู้
ประกอบการค้าปลีกของเกาหลีใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 106 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 48 จากระดับ 68 ในช่วง
ไตรมาสแรกของปี สาเหตุจากการที่ผู้ประกอบการค้าปลีกเชื่อมั่นว่าการใช้จ่ายภายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้น เนื่องจาก
ตลาดหุ้นแข็งแกร่งขึ้น ประกอบกับการลดลงของหนี้ภาคครัวเรือน แม้ว่าจะมีปัจจัยภายนอกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนว่า
จะส่งผลกระทบหรือไม่ อาทิเช่น อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงก็ตาม ทั้ง
นี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนีดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 ปี 48 นับเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ดัชนีอยู่เหนือระดับ 100 บ่งชี้ว่า ผู้
ประกอบการธุรกิจค้าปลีกประเภทห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ และซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ธุรกิจ
จะปรับตัวดีขึ้น มีจำนวนมากกว่าที่มองว่าสถานการณ์ธุรกิจจะเลวร้ายลง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 มี.ค. 48 14 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.314 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.1050/38.3984 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 700.22/16.36 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,000/8,100 8,050/8,150 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.17 45.54 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/15.19** 22.09*/15.19** 16.99/14.59 ปตท
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. นรม. คาดภัยแล้งและราคาน้ำมันแพงจะกระทบจีดีพีเพียงเล็กน้อย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นรม. เปิดเผยว่า ปัญหาภัยแล้งและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อจีดีพีของไทยเพียงร้อย
ละ 0.3 — 0.5 และเชื่อว่าจะมีปัจจัยอื่นมาช่วยลดผลกระทบดังกล่าวได้ เช่น การจัดสรร งปม.กลางปี ซึ่งจะทำ
ให้จีดีพีกลับไปเป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.5 — 6.5 ทั้งนี้ ปัญหาภัยแล้งในปีนี้รุนแรงมากกว่าปี
ที่ผ่านมาและส่งผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายมาก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะเร่งจัด
ทำฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวจะมีการผันน้ำจากแม่น้ำของประเทศเพื่อนบ้านทั้ง
ลาว พม่า และกัมพูชา มาเติมในแหล่งต้นน้ำของไทย แต่ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับประเทศดังกล่าว
(ไทยรัฐ, บ้านเมือง)
2. ธปท. เสนอ ก.คลังกำหนดดอกเบี้ยสูงสุดสินเชื่อบุคคล นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ
สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า เงื่อนไขเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวมถึงหลัก
เกณฑ์ที่จะนำมาควบคุมการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลได้กำหนดชัดเจนแล้ว รอการพิจารณาอนุมัติจาก รมว.คลัง คาดว่า
จะสามารถนำมาบังคับใช้ได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยเกณฑ์ดังกล่าวจะใช้บังคับกับ ธ.พาณิชย์และสถาบันการเงินที่มิใช่ ธ.
พาณิชย์ด้วย ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวจะเน้นการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งการควบคุมอัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บสูงสุดนี้เพื่อป้องกัน
ภาระหนี้สินของประชาชนที่อาจจะมีมากเกินไป เพราะสินเชื่อเหล่านี้เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ต่างจากสินเชื่อ
บ้าน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ หรือสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการผลิตที่มีหลักประกัน สำหรับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยบัตร
เครดิตจะปรับจากร้อยละ 18 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่การขอปรับต้องมีเหตุผล
ที่ชัดเจนและดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในปัจจุบันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
3. ยอดหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือน ธ.ค.47 คิดเป็นร้อยละ 47.84 ของจีดีพี นางพรรณี
สถาวโรดม ผอ.สนง.บริหารหนี้สาธารณะ ก.คลัง กล่าวว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ธ.ค.47 มีจำนวน
3,120,803 ล้านบาท หรือร้อยละ 47.84 ของจีดีพี โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,808,581 ล้านบาท หนี้ของ
รัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 932,447 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 379,775 ล้านบาท ซึ่ง
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะลดลง 2,112 ล้านบาท สำหรับการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐใน
เดือน ก.พ.48 ก.คลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ครบกำหนด
เมื่อเดือน พ.ย.47 จำนวน 34,900 ล้านบาท ซึ่งได้กู้เงินระยะสั้นมาชำระคืน รวมทั้งได้ออกพันธบัตรในวงเงิน
14,000 ล้านบาท และใช้เงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 24 ล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 14,024
ล้านบาท (บ้านเมือง, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
4. กลต. แก้ไขหลักเกณฑ์การตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รายงานข่าวจาก สนง.คณะกรรมการ
กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง ในฐานะประธาน
กรรมการคณะกรรมการ กลต. ได้ลงนามในประกาศหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (ฉบับที่ 4) เมื่อวันที่ 9 มี.ค.48 โดยประกาศจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.48
โดยสาระสำคัญของประกาศที่มีการแก้ไขหลักเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบ
สถาบันการเงิน (กอง 2) กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 3) และกองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (กอง 4) จะทำให้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
(บลจ.) มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งในประกาศจะเปิดทางให้สามารถเพิ่มทุนได้ นอกจากนี้ ยังป้องกันการสร้าง
ราคาเทียมหรือการสร้างดีมานด์เทียมในตลาด (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. IMFรายงานว่าเป็นการยากที่จะวัดผลกระทบของการใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่าง
ประเทศคงที่ของมาเลเซีย รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 14 มี.ค.48 IMF รายงานว่าการที่มาเลเซียใช้นโยบาย
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศคงที่โดยการกำหนดให้เงินริงกิตมีค่าคงที่อยู่ที่ 3.8 ริงกิตต่อดอลลาร์ สรอ.นับ
ตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินในเอเชียในปี 41 เป็นต้นมา มีส่วนทำให้มาเลเซียเกินดุลการค้าจำนวนมาก โดย
คาดว่ามาเลเซียจะเกินดุลการค้าในปีนี้จำนวน 29.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.หลังจากเกินดุลการค้าจำนวน 29.0
พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในปี 47 ซึ่งมีส่วนทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียขยายตัวถึงร้อยละ 7.0 ในปี 47 และคาดว่าจะ
ขยายตัวร้อยละ 6.0 ในปีนี้ รัฐบาลมาเลเซียแถลงว่าจะยังคงใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ต่อไปหลังจากใช้มา
แล้วเป็นเวลา 6 ปีครึ่ง เพราะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเนื่องจากไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแม้ว่าต้นทุน
สินค้านำเข้าที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชนก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่ามาเลเซีย
จะเปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเฉพาะในกรณีที่จีนซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจเพื่อนบ้านเปลี่ยนนโยบายอัตราแลก
เปลี่ยนก่อน อย่างไรก็ดี IMF เชื่อว่าการเปลี่ยนไปใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นมากขึ้นจะส่งผลดีต่อ
เศรษฐกิจของมาเลเซียในระยะยาว (รอยเตอร์)
2. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในเดือนก.พ.ลดลงอยู่ที่ระดับ 3.9 พันล.ดอลลาร์
สรอ. รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 48 รัฐบาลจีนเปิดเผยว่าในเดือนก.พ. การลงทุนโดยตรงจากต่าง
ประเทศ (FDI) ของจีนอยู่ที่ระดับ 3.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 7.0 ส่วน
สัญญาการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งรวมทั้งการลงทุนที่ทำสัญญาแล้วแต่ยังไม่มีการส่งมอบ อยู่ที่ระดับ 7.3 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 18 สำหรับตัวเลขเมื่อเทียบต่อเดือนซึ่งรอยเตอร์คำนวณจาก
การเปรียบเทียบตัวเลขสะสมของเดือนม.ค. และก.พ.ที่ ก.พาณิชย์จีนประกาศ ก่อนหน้านั้นในเดือนม.ค. 48 จีน
ดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศถึง 4.1 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. และสัญญา FDI 12.8 พัน ล.ดอลลาร์
สรอ. ทั้งนี้ในปี 47 FDI ของจีนทำสถิติสูงสุดถึง 61 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14 จากปี 46
และสัญญาการลงทุนอยู่ที่ระดับ 153.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 1 ใน 3 จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามตัว
เลข FDI รายเดือนค่อนข้างไม่มีเสถียรภาพดังนั้นนักวิเคราะห์จึงเห็นว่าน่าจะมองแนวโน้มในระยะยาวมากกว่า
และมีความเป็นไปได้ที่จีนจะเป็นประเทศที่มี FDI มากที่สุดในโลก อนึ่ง FDI รวมของเดือนม.ค. และก.พ.อยู่ที่
ระดับ 8 พันล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8.2 ส่วนสัญญา FDI อยู่ที่ 20.1 พัน ล.ดอลลาร์สรอ.
เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 จากปีก่อน (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่ายอดการขายปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ม.ค.48 จะลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
ที่ร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบต่อเดือน ขณะที่เทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 11 มี.ค.48
ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่า ยอดการขายปลีกของสิงคโปร์ในเดือน ม.ค.48 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ร้อยละ 2.0
(ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) หลังจากที่ลดลงร้อยละ 5.7 และ 3.1 ในเดือน ธ.ค. และ พ.ย.47 ตามลำดับ
ขณะที่เมื่อเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (ธ.ค.47) ที่อยู่ที่ร้อยละ 2.2 เนื่องจากยอดขายรถ
ยนต์เพิ่มสูงขึ้นจากการที่ภาษีรถยนต์ลดลง ทั้งนี้ สำนักงานสถิติจะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่
15 มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เห็นว่า เทศกาลตรุษจีนในปีนี้ที่ตรงกับเดือน ก.พ.ขณะที่ปีก่อนอยู่ในเดือน
ม.ค.นั้น อาจทำให้ตัวเลขยอดขายปลีกเทียบต่อปีบิดเบือนได้ ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายปลีกเมื่อเทียบต่อเดือนที่ลดลงมี
สาเหตุจากจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ม.ค.48 ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 2.3 จากร้อยละ 16.0 ในเดือน ธ.ค.47
หลังจากเกิดภัยพิบัติสึนามิในแถบมหาสมุทรอินเดียเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่สร้างความเสียหายกับหลายประเทศ
ชายฝั่งทะเลรอบมหาสมุทรอินเดีย แม้ว่าสิงคโปร์จะไม่ได้ประสบกับภัยสึนามิโดยตรง แต่ก็ได้รับผลกระทบต่อ
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไปด้วย (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกของเกาหลีใต้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 48 ปรับตัว
เพิ่มขึ้นที่ระดับ 106 รายงานจากโซลเมื่อ 15 มี.ค.48 Chamber of Commerce and Industry เปิดเผย
ว่า The retail business survey index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจของบรรดาผู้
ประกอบการค้าปลีกของเกาหลีใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 106 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 48 จากระดับ 68 ในช่วง
ไตรมาสแรกของปี สาเหตุจากการที่ผู้ประกอบการค้าปลีกเชื่อมั่นว่าการใช้จ่ายภายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้น เนื่องจาก
ตลาดหุ้นแข็งแกร่งขึ้น ประกอบกับการลดลงของหนี้ภาคครัวเรือน แม้ว่าจะมีปัจจัยภายนอกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนว่า
จะส่งผลกระทบหรือไม่ อาทิเช่น อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงก็ตาม ทั้ง
นี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนีดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 ปี 48 นับเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ดัชนีอยู่เหนือระดับ 100 บ่งชี้ว่า ผู้
ประกอบการธุรกิจค้าปลีกประเภทห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ และซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ธุรกิจ
จะปรับตัวดีขึ้น มีจำนวนมากกว่าที่มองว่าสถานการณ์ธุรกิจจะเลวร้ายลง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 มี.ค. 48 14 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.314 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.1050/38.3984 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 700.22/16.36 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,000/8,100 8,050/8,150 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.17 45.54 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/15.19** 22.09*/15.19** 16.99/14.59 ปตท
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--