สรุปสถานการณ์: นิวยอร์กไทม์รายงานว่าขณะนี้มีกลุ่มนักวิเคราะห์ได้อธิบายว่าการที่ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกมักจะระบุสถานที่ผลิตสินค้าซึ่งเป็นสถานที่ประกอบสุดท้ายจึงเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้หลายประเทศกล่าวหาจีนว่าเป็นภัยคุกคามทางการค้าเกินสภาพความเป็นจริงนั้น จีนได้ออกมาโต้ตอบข้อกล่าวหาที่ว่านั้นแสดงให้เห็นว่าจีนเกินดุลการค้าอย่างมหาศาลเป็นดัชนีที่บ่งชี้สินทรัพย์ของประเทศที่ผิด สิ่งที่จีนได้รับมีเพียงตัวเลขที่สวยหรูในขณะที่บริษัทต่างประเทศเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์(กำไร) อย่างแท้จริง หวงย่าเซิง อาจารย์จากคณะการจัดการแห่งวิทยาลัยเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ให้ข้อมูลว่าในช่วงปี 1990 บริษัทต่างประเทศที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในเอเซียได้มีการย้ายฐานการผลิตมายังจีน จึงเป็นที่แน่นอนว่าการควบคุมและผลกำไรต่างๆ จะตกเป็นของบริษัทต่างประเทศ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือจีนจะได้กำไรจากค่าแรงที่ต่างชาติว่าจ้างเท่านั้นในขณะที่ผลกระทบจะตกอยู่ที่กลุ่มพนักงานในบริษัทต่างๆ ที่ต้องตกงานเพราะมีการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตมายังจีน โดยข้อมูลล่าสุดของกรมศุลกากรจีนระบุว่า ประมาณ 60% ของการส่งออกทั้งหมดของจีนจะมาจากบริษัทที่มาลงทุนโดยต่างประเทศและมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้าประเภทชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศได้มองว่าการสร้างห่วงโซ่การผลิตเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะหลายประเทศที่แยกผลิตชิ้นส่วนแต่ละชนิดจะส่งสินค้ามาประกอบขั้นสุดท้ายที่จีน ซึ่งจะทำให้สถิติการค้าทั่วโลกบิดเบือนจากความเป็นจริง ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มแนะไม่ไห้สนใจตัวเลขการค้าเนื่องจากความเป็นจริงสินค้าตัวหนึ่งๆ ได้ผ่านมือคนหลายเชื้อชาติและหลายสถานที่ เถาตง นักเศรษฐศาสตร์แห่งยูบีเอส กล่าวว่าจากการที่จีนมีแรงงานราคาถูกประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนที่ต่ำกว่าความเป็นจริงจะดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่จีนถึง 465,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงปี 1995-2004 ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่น่าลงทุนอันดับต้นของโลก ผู้เชี่ยวชาญในจีนได้ให้ความเห็นของคำว่าเมคอินไชน่าว่าไม่สะท้อนถึงตัวเลขการค้าที่แท้จริงของจีน เนื่องจากจีนเกินดุลการค้าเพราะรับจ้างประกอบขั้นสุดท้ายในขณะที่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงคือผู้บริโภคสินค้าต้นทุนต่ำนั่นเองประเด็นวิเคราะห์: การที่จีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเติบโตมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเนื่องจากมีบริษัทต่างประเทศได้เข้ามาลงทุนผลิตสินค้าและส่งออกสินค้าต่างๆ เหล่านั้นยังต่างประเทศ นั่นเองแต่ได้มีผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาโต้แย้งถึงตัวเลขเหล่านั้นว่าเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจีนในการผลิตแต่ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นบริษัทของต่างประเทศเหล่านั้นเอง ที่มา: http://www.depthai.go.th