ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เผยการออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าของ ธปท.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังจากที่มีการยกเลิกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในไทยว่า การออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าของ ธปท.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ ถี่ถ้วน และประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งได้ปรึกษากับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ รมว.คลัง แล้วด้วย ซึ่งแม้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงมากกว่าที่คาดไว้ แต่การออกมาตรการก็เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมาจากเงินทุนระยะสั้นที่ไหลเข้ามาในไทย ทั้งนี้ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.49) ดัชนีหุ้นปิดที่ 691.55 จุด เพิ่มขึ้น 69.41 จุด หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.16 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.5 หมื่นล้านบาท ด้าน ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ สายตลาดการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ในอีก 1-2 วันข้างหน้า ธปท.จะประกาศให้มีการใช้บัญชีเงินบาทเพื่อผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non-resident baht account) เพิ่มอีก 1 บัญชี โดยจะเป็นบัญชีที่ไม่จำกัดวงเงินเหมือนกับบัญชีที่มีอยู่เดิม เพื่อเป็นบัญชีสำหรับนักลงทุนที่นำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นโดยเฉพาะ ส่วนบัญชีเงินบาทของนอนเรสิเดนท์เดิมที่เคยจำกัดวงเงินไว้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อรายต่อวันที่ยกเลิกไปหลังมีมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าก็คงจะกลับไปกำหนดวงเงิน 300 ล้านบาทเหมือนเดิม (กรุงเทพธุรกิจ, มติชน, โพสต์ทูเดย์)
2. ผู้ส่งออกเห็นด้วยกับมาตรการของรัฐที่สกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท ประธานกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับมาตรการของรัฐที่สกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท ส่วนการผ่อนปรนมาตรการให้เงินลงทุนในตลาดหุ้นไม่ต้องกันเงินสำรองไว้ร้อยละ 30 ถือว่าเหมาะสม แต่ยังเกรงว่าตลาดหุ้นจะเป็นช่องโหว่ให้มีการโจมตีค่าเงินบาทได้ ดังนั้น ธปท.ควรมีมาตรการอื่นเข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นยอมรับว่ารุนแรงเกินคาด แต่ถือว่าเดินมาถูกทางแม้จะช้าไปบ้าง หลังเอกชนส่งสัญญาณให้รัฐเข้ามาดูแลตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว คาดว่าวันที่ 25 ธ.ค.นี้จะสามารถประเมินผลจากมาตรการดังกล่าวได้ (สยามรัฐ, กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
3. อัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.30 ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ลดลงทั้งตลาด กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านว่า ได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทน (Yield) ในตลาดตราสารหนี้ของไทย วันที่ 19 ธ.ค.49 ปรับตัวขึ้นทันที่ร้อยละ 0.30 เป็นผลให้ราคาของตราสารหนี้ลดลงทั้งตลาด โดยเฉพาะตราสารหนี้อายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ขณะเดียวกันดัชนีพันธบัตรรัฐบาล เมื่อ 19 ธ.ค.ก็มาอยู่ที่ระดับ 97.16 ลดลง 1.36 สำหรับตราสารหนี้กลุ่มที่มีราคาลดลงมากที่สุด คือ รุ่นอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ แม้เกิดผลกระทบจากมาตรการของ ธปท. แต่มูลค่าการซื้อขายยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงวันก่อนหน้า โดยมีการซื้อขายกว่า 20,000 ล้านบาท (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปเตรียมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่ยังไม่ได้กำหนดเวลา รายงานจากบรัสเซล เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 49 นาย Jean-Claude Trichet ประธาน ธ.กลางยุโรปเปิดเผยว่ากำลังเตรียมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อเนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องไปจนถึงปี 50 ซึ่งก่อนหน้านั้นธ.กลางได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 3.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นการเตรียมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นแนวทางที่สามารถทำให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อในระยะปานกลางได้ ขณะที่ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 50 คนโดยรอยเตอร์ชี้ว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 50 อย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 3.75 ในไตรมาสแรก และปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 4.0 ในช่วงปลายปี (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 5.0 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.49 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของ ธ.กลางอังกฤษมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม ร้อยละ 5.0 ในเดือน ธ.ค.นี้ โดยทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่าภาพรวมของภาวะเงินเฟ้อไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนักนับจากเดือน พ.ย. ที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 สำหรับปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่บ้างเกี่ยวกับความสมดุลของความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ โดยกรรมการบางคนให้น้ำหนักของข่าวเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเงิน การลงทุน การพัฒนาตลาดที่อยู่อาศัย และการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่กรรมการบางคนให้น้ำหนักของความเสี่ยงของศักยภาพทางเศรษฐกิจที่จะลดลงตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ สรอ. ที่ลดลงจากการที่ตลาดที่อยู่อาศัยใน สรอ. ชะลอตัวลง รวมทั้งการชะลอตัวของตลาดแรงงานซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการเติบโตการบริโภคภายในครัวเรือนของอังกฤษ นอกจากนี้ MPC ยังต้องการรอดูผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อเดือน ส.ค. และ พ.ย. ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ดุลการค้าของญี่ปุ่นเกินดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.1 ในเดือน พ.ย.49 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 21 ธ.ค.49 ก.คลัง เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.1 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 915.9 พัน ล.เยน (7.76 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่ายอดเกินดุลการค้าจะมีจำนวน 611.3 พัน ล.เยน โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 6.6318 ล้านล้านเยน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เป็นจำนวน 5.7159 ล้านล้านเยน ทั้งนี้ การส่งออกไปยัง สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 1.5058 ล้านล้านเยน ขณะที่การส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 เป็นจำนวน 998.1 พัน ล.เยน สำหรับยอดเกินดุลการค้าหลังปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.9 เทียบต่อเดือน เป็นจำนวน 991.1 พัน ล.เยน (รอยเตอร์)
4. คาดว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในปีนี้จะสูงกว่า 72.4 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 49 โฆษกรัฐบาลจีนรายงานว่าในปีนี้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนคาดว่าจะสูงกว่า 72.4 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. สูงขึ้นเล็กน้อยจากปี 48 ทั้งนี้ตามรายงานของ รมว. ก.พาณิชย์เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในปี 48 มีจำนวน 60.3 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ State Administration of Foreign Exchange รายงานว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนอยู่ที่ระดับ 73.2 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.เนื่องจากการนิยามเงินลงทุนที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ก.พาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่าในช่วง 11 เดือนของปีนี้เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.14 อยู่ที่ระดับ 54.26 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 ธ.ค. 49 20 ธ.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร
(Bht/1US$) 35.723 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ
ธพ. (Bht/1US$) 35.4791/35.8357 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ
7 วัน (ร้อยละ) 5.12313 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (
ฃจุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 691.55/55.22 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,650/10,750 10,400/10,500 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.78 58.54 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) *
ปรับเมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับเมื่อ
16 ธ.ค. 49 26.09*/23.34** 26.09*/23.34** 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เผยการออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าของ ธปท.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังจากที่มีการยกเลิกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในไทยว่า การออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าของ ธปท.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ ถี่ถ้วน และประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งได้ปรึกษากับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ รมว.คลัง แล้วด้วย ซึ่งแม้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงมากกว่าที่คาดไว้ แต่การออกมาตรการก็เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมาจากเงินทุนระยะสั้นที่ไหลเข้ามาในไทย ทั้งนี้ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.49) ดัชนีหุ้นปิดที่ 691.55 จุด เพิ่มขึ้น 69.41 จุด หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.16 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.5 หมื่นล้านบาท ด้าน ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ สายตลาดการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ในอีก 1-2 วันข้างหน้า ธปท.จะประกาศให้มีการใช้บัญชีเงินบาทเพื่อผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non-resident baht account) เพิ่มอีก 1 บัญชี โดยจะเป็นบัญชีที่ไม่จำกัดวงเงินเหมือนกับบัญชีที่มีอยู่เดิม เพื่อเป็นบัญชีสำหรับนักลงทุนที่นำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นโดยเฉพาะ ส่วนบัญชีเงินบาทของนอนเรสิเดนท์เดิมที่เคยจำกัดวงเงินไว้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อรายต่อวันที่ยกเลิกไปหลังมีมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าก็คงจะกลับไปกำหนดวงเงิน 300 ล้านบาทเหมือนเดิม (กรุงเทพธุรกิจ, มติชน, โพสต์ทูเดย์)
2. ผู้ส่งออกเห็นด้วยกับมาตรการของรัฐที่สกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท ประธานกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับมาตรการของรัฐที่สกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท ส่วนการผ่อนปรนมาตรการให้เงินลงทุนในตลาดหุ้นไม่ต้องกันเงินสำรองไว้ร้อยละ 30 ถือว่าเหมาะสม แต่ยังเกรงว่าตลาดหุ้นจะเป็นช่องโหว่ให้มีการโจมตีค่าเงินบาทได้ ดังนั้น ธปท.ควรมีมาตรการอื่นเข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นยอมรับว่ารุนแรงเกินคาด แต่ถือว่าเดินมาถูกทางแม้จะช้าไปบ้าง หลังเอกชนส่งสัญญาณให้รัฐเข้ามาดูแลตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว คาดว่าวันที่ 25 ธ.ค.นี้จะสามารถประเมินผลจากมาตรการดังกล่าวได้ (สยามรัฐ, กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
3. อัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.30 ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ลดลงทั้งตลาด กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านว่า ได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทน (Yield) ในตลาดตราสารหนี้ของไทย วันที่ 19 ธ.ค.49 ปรับตัวขึ้นทันที่ร้อยละ 0.30 เป็นผลให้ราคาของตราสารหนี้ลดลงทั้งตลาด โดยเฉพาะตราสารหนี้อายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ขณะเดียวกันดัชนีพันธบัตรรัฐบาล เมื่อ 19 ธ.ค.ก็มาอยู่ที่ระดับ 97.16 ลดลง 1.36 สำหรับตราสารหนี้กลุ่มที่มีราคาลดลงมากที่สุด คือ รุ่นอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ แม้เกิดผลกระทบจากมาตรการของ ธปท. แต่มูลค่าการซื้อขายยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงวันก่อนหน้า โดยมีการซื้อขายกว่า 20,000 ล้านบาท (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปเตรียมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่ยังไม่ได้กำหนดเวลา รายงานจากบรัสเซล เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 49 นาย Jean-Claude Trichet ประธาน ธ.กลางยุโรปเปิดเผยว่ากำลังเตรียมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อเนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องไปจนถึงปี 50 ซึ่งก่อนหน้านั้นธ.กลางได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 3.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นการเตรียมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นแนวทางที่สามารถทำให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อในระยะปานกลางได้ ขณะที่ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 50 คนโดยรอยเตอร์ชี้ว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 50 อย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 3.75 ในไตรมาสแรก และปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 4.0 ในช่วงปลายปี (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 5.0 รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.49 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของ ธ.กลางอังกฤษมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม ร้อยละ 5.0 ในเดือน ธ.ค.นี้ โดยทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่าภาพรวมของภาวะเงินเฟ้อไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนักนับจากเดือน พ.ย. ที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 สำหรับปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่บ้างเกี่ยวกับความสมดุลของความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ โดยกรรมการบางคนให้น้ำหนักของข่าวเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเงิน การลงทุน การพัฒนาตลาดที่อยู่อาศัย และการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่กรรมการบางคนให้น้ำหนักของความเสี่ยงของศักยภาพทางเศรษฐกิจที่จะลดลงตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ สรอ. ที่ลดลงจากการที่ตลาดที่อยู่อาศัยใน สรอ. ชะลอตัวลง รวมทั้งการชะลอตัวของตลาดแรงงานซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการเติบโตการบริโภคภายในครัวเรือนของอังกฤษ นอกจากนี้ MPC ยังต้องการรอดูผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อเดือน ส.ค. และ พ.ย. ที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
3. ดุลการค้าของญี่ปุ่นเกินดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.1 ในเดือน พ.ย.49 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 21 ธ.ค.49 ก.คลัง เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.1 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 915.9 พัน ล.เยน (7.76 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่ายอดเกินดุลการค้าจะมีจำนวน 611.3 พัน ล.เยน โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 6.6318 ล้านล้านเยน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เป็นจำนวน 5.7159 ล้านล้านเยน ทั้งนี้ การส่งออกไปยัง สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 1.5058 ล้านล้านเยน ขณะที่การส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 เป็นจำนวน 998.1 พัน ล.เยน สำหรับยอดเกินดุลการค้าหลังปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.9 เทียบต่อเดือน เป็นจำนวน 991.1 พัน ล.เยน (รอยเตอร์)
4. คาดว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในปีนี้จะสูงกว่า 72.4 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 49 โฆษกรัฐบาลจีนรายงานว่าในปีนี้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนคาดว่าจะสูงกว่า 72.4 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. สูงขึ้นเล็กน้อยจากปี 48 ทั้งนี้ตามรายงานของ รมว. ก.พาณิชย์เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนในปี 48 มีจำนวน 60.3 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ State Administration of Foreign Exchange รายงานว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนอยู่ที่ระดับ 73.2 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.เนื่องจากการนิยามเงินลงทุนที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ก.พาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่าในช่วง 11 เดือนของปีนี้เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.14 อยู่ที่ระดับ 54.26 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 ธ.ค. 49 20 ธ.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร
(Bht/1US$) 35.723 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ
ธพ. (Bht/1US$) 35.4791/35.8357 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ
7 วัน (ร้อยละ) 5.12313 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (
ฃจุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 691.55/55.22 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,650/10,750 10,400/10,500 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.78 58.54 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) *
ปรับเมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับเมื่อ
16 ธ.ค. 49 26.09*/23.34** 26.09*/23.34** 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--