แท็ก
ประธานสภา
สรุปการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
วันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๔๙ ในวันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เริ่มขึ้นเวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุม เมื่อครบองค์ประชุมประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติดังนี้
๑. เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม
๑.๑ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมข้อสังเกตของ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๔๕ และประจำปี ๒๕๔๖
๑.๒ รับทราบรายงานงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๕ ของ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
๑.๓ รับทรายงานผลการดำเนินงานประจำปี ๒๕๔๕ ประจำปี ๒๕๔๖ และประจำปี
๒๕๔๗ ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
๑.๔ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๔๕ และประจำปี ๒๕๔๖ ของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑.๕ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน (กรณีความรุนแรง
อันเนื่องมาจากโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซียที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา) และข้อเสนอ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อรัฐบาล กรณีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหิน
หินกรูด-บ่อนอก และโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ-มาเลเซีย
๑.๖ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
(กรณีนางสาวรัตนา สัจจเทพ ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ให้รื้อ
ถอนบ้านพักอาศัย)
๑.๗ รับทราบรายงานกิจการ งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนา
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ สำหรับ
สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ สำหรับสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ และสำหรับสิ้นสุด วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๘
๑.๘ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบรายงานการรับ จ่ายเงินของกองทุนสงเคราะห์
เกษตรกรและเงินกองทุนเหมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการ
ความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๖ และประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๗
๑.๙ รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ไตรมาส
ที่ ๔ ประจำปี ๒๕๔๖ และไตรมาสที่ ๑-๔ ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๑๐ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ และ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
๑.๑๑ รับทราบรายงานการเงินของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖
และประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๗
๑.๑๒ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำปี ๒๕๔๖
และประจำปี ๒๕๔๗
๑.๑๓ รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๔๖ ของศาลรัฐธรรมนูญ
๑.๑๔ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม
แห่งชาติ (กทช.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และประจำปี ๒๕๔๘
๑.๑๕ รับทราบทรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคาร
เพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ สำหรับปีสิ้นสุด
วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๘
๑.๑๖ รับทราบรายงานกิจการ งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรอง
สินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๔๗
๑.๑๗ รับทราบรายงานการแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๔๒ (การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์
แห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทย และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย)
๑.๑๘ รับทราบอนุสัญญา พิธีสารและข้อแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ
สมัยที่ ๘๓—๙๑
๑.๑๙ รับทราบนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน (พ.ศ. ๒๕๔๘ - ๒๕๕๓)
๑.๒๐ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวัน
ในโรงเรียนประถมศึกษา ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๒๑ รับทราบราบงานของผู้ตรวจสอบบัญชีและงบการเงินกองทุนประกันสังคม
ประจำปี ๒๕๔๕ และประจำปี ๒๕๔๖
๑.๒๒ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงาน
ต่างประเทศปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗
๑.๒๓ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาการศึกษา
โรงเรียนเอกชนของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗
๑.๒๔ รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๔๗ ของสถาบันพระปกเกล้า
๑.๒๕ รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการ
บริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๘
๑.๒๖ รับทราบรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง
ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๒๗ รับทราบผลการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมตามรายงานผลการ
พิจารณาสอบสวนกรณีการไม่ปฏิบัติตามสัญญาการแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) สัญญาเช่าโรงงาน
สุราบางยี่ขันและให้ใช้สิทธิในการผลิต และจำหน่ายสุรา ระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรม กับ
บริษัทสุรามหาราษฎร จำกัด (มหาชน) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสอบสวนและศึกษา
เรื่องเกี่ยวกับการทุจริต
๑.๒๘ รับทราบผลการดำเนินการของกระทรวงการคลังตามรายงานการพิจารณา
ศึกษารายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า
แห่งประเทศไทย ประจำปี ๒๕๔๓ ประจำปี ๒๕๔๔ และประจำปี ๒๕๔๕ ของคณะกรรมาธิการ
การคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน
๑.๒๙ รับทราบผลการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมตามรายงานการพิจารณา
ศึกษาติดตามตรวจสอบเชิงนโยบาย ด้านอุตสาหกรรม ของคณะกรรมาธิการการเศรษฐฏิจ การพาณิชย์
และอุตสาหกรรม วุฒิสภา
๑.๓๐ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติดประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๗
๑.๓๑ รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำนักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ และ ๒๕๔๕
๑.๓๒ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนค่าเครื่องจักรกลของ
กรมทางหลวง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๗ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๔๖
๑.๓๓ รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๔๘ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
๑.๓๔ รับทราบรายงานการตรวจสอบงบดุล งบรายรับ — รายจ่ายเงินกองทุน
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๓๕ รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๔๗ ศาลรัฐธรรมนูญและรายงานผลการ
สอบบัญชีและการเงิน
๑.๓๖ รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนประกันสังคม
ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๓๗ รับทราบรายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
และงบการเงินกองทุน เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของกรมการขนส่งทางบก
๑.๓๘ รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำนักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๗ และ ๒๕๔๖
๑.๓๙ รับทราบรายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และ
งบการเงินเงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบก ปีงบประมาณ
๒๕๔๘ และปีงบประมาณ ๒๕๔๗
ที่ประชุมรับทราบรายงานทั้ง ๓๙ รายงาน ส่วนรายงานที่ ๑.๔ - ๑.๖ นายโคทม อารียาสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้หารือที่ประชุมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ ในกรณีที่รัฐบาลไม่เห็นชอบด้วยกับรายงาน ต้องส่งเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณา ซึ่งต้องเชิญตัวแทนจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมาชี้แจง แต่ เนื่องด้วยในรายงาน ๑.๔ - ๑.๖ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไม่ได้มาร่วมประชุม จึงขอให้ที่ประชุม เลื่อนไปพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
๒. รับรองรายงานการประชุม (ไม่มี)
เรื่องด่วน
- พิจารณาข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. ….
ซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา
เสร็จแล้ว
ประธานฯ ได้หารือที่ประชุมเพื่อขอให้ใช้ข้อบังคับการประชุมในข้อ ๑๑๕ ซึ่งกำหนดให้
อนุโลมใช้ข้อบังคับการประชุมว่าด้วยการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
ดังนั้น การพิจารณาร่างข้อบังคับฯ นี้ จึงพิจารณาเป็น ๓ วาระ
วาระที่ ๑ ขั้นรับหลักการ
ซึ่งที่ประชุมมีมติรับหลักการในวาระที่ ๑
วาระที่ ๒ พิจารณาโดยกรรมาธิการ
ที่ประชุมฯ ได้เสนอให้ใช้กรรมาธิการเต็มสภา ซึ่งจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความได้ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นคำแปรญัตติคำแปรญัตติล่วงหน้า โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติได้อภิปรายกัน อย่างกว้างขวางในประเด็นของคำนิยามของคำว่า “องค์กรอิสระ” ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราช- อาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ ไม่มีบัญญัติเอาไว้ “กรรมาธิการสามัญยกร่าง ข้อบังคับฯ จึงได้ชี้แจงว่าคำว่า “องค์กรอิสระ” นั้น ใช้แทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภา กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยไม่รวมถึงศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุด โดยองค์กรอิสระจะแยกออกเป็น ๒ ประเภท คือ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระตาม พระราชบัญญัติ
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาใน
หมวดที่ ๑ การเลือกประธานสภาและรองประธานสภา
ข้อ ๕ ในการเลือกประธานสภาและรองประธานสภาครั้งแรก ให้เลขาธิการเชิญสมาชิกผู้มีอายุสูงสุด ซึ่ง อยู่ในที่ประชุมสภาเป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม เพื่อให้ที่ประชุมสภาดำเนินการเลือกตั้งประธานสภาและรองประธานสภา และเพื่อดำเนินการในเรื่องอื่นที่จำเป็นในการประชุมครั้งนั้นด้วย
ในการดำเนินการเลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง ถ้าผู้เป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุมได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานสภาหรือรองประธานสภา ให้สมาชิกผู้มีอายุสูงสุดในลำดับถัดไปซึ่งอยู่ในที่ประชุมเป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม
ซึ่งที่ประชุมลงมติให้เปลี่ยนคำว่า “เลือกตั้ง” เป็น “เลือกทั้งหมด” เพราะในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ มาตรา ๑๙ วรรคท้ายบัญญัติว่า ให้พิจารณาข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปใช้กับการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยอนุโลม
ข้อ ๖ ในการเลือกประธานสภา สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกได้หนึ่งชื่อ การเสนอนั้นต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่าสิบคน
สำหรับการเลือกประธานสภานั้น กรรมาธิการสามัญฯ ชี้แจงต่อที่ประชุม ในกรณีที่มี ผู้ได้รับเสนอชื่อ เป็นประธานเพียงคนเดียว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ ถ้ามีการเสนอชื่อ ๒ คน ผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากก็ถือว่าได้รับเลือก ถ้ามีการเสนอชื่อมากกว่า ๒ คน ผู้ที่ได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งถือว่าได้รับเลือก
จากนั้นที่ประชุมฯ ให้เปลี่ยนแปลงคำในข้อ ๙ วรรคสอง เมื่อมีการเลือกประธานสภาและรองประธานสภาแล้วจะต้องสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แล้วส่งสำเนาการแต่งตั้งไปยังคณะรัฐมนตรี ศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเพื่อทราบ
ทั้งนี้กรรมาธิการสามัญ ขอแก้ไขถ้อยคำใหม่ในหมวด ๓ วรรคสอง เกี่ยวกับเรื่องการประชุมสภาที่เป็นการเปิดเผยอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าฟังการประชุมได้ โดยให้เป็นไปตามระเบียบที่ประธานสภากำหนด และให้ประธานสภาจัดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผ่านทางวิทยุกระจายเสียงและหรือวิทยุโทรทัศน์
จากนั้น ได้มีสมาชิกฯ เสนอลดจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญลง โดยให้ความ เห็นว่า สมาชิกฯ มีเวลาทำงาน ๑ ปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก อีกทั้งกรรมาธิการแต่ละคณะต้องมีค่าใช้จ่ายเดือนละ ๑ แสนกว่าบาท ดังนั้นเพื่อความเหมาะสมอาจรวมกรรมาธิการบางคณะเข้าด้วยกัน เช่น คณะกรรมาธิการตำรวจรวมกับคณะกรรมาธิการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภครวมกับคณะกรรมาธิการพาณิชย์ คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมรวมกับกรรมาธิการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ และคณะกรรมาธิการงบประมาณรวมกับกรรมาธิการติดตาม มติของสภาและตรวจรายงานการประชุม เป็นต้น
เมื่อที่ประชุมฯ ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ในกระเด็นของจำนวนคณะกรรมาธิการพอสมควรแล้ว ที่ประชุมฯ มีมติให้แก้ไขจำนวนกรรมาธิการจาก ๒๖ คณะ เหลือ ๒๑ คณะ โดยให้ยุบคณะกรรมาธิการบางคณะ เพื่อความเหมาะสมดังนี้
๑. คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์
๒. คณะกรรมาธิการการคมนาคม
๓. คณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน
๔. คณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค
๕. คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ
๖. คณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๗. คณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร
๘. คณะกรรมาธิการการปกครอง
๙. คณะกรรมาธิการการพลังงาน
๑๐. คณะกรรมาธิการการพาณิชย์
๑๑. คณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน
๑๒. คณะกรรมาธิการการยุติธรรม สิทธิมนุษยชนและตำรวจ
๑๓. คณะกรรมาธิการการแรงงานและสวัสดิการสังคม
๑๔. คณะกรรมาธิการการศาสนา จริยธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรม
๑๕. คณะกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา
๑๖. คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข
๑๗. คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
๑๘. คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และ
ความมั่นคงของมนุษย์
๑๙. คณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระ
๒๐. คณะกรรมาธิการความมั่นคง
๒๑. คณะกรรมาธิการติดตามมติของสภา ตรวจรายงานการประชุม และ
ติดตามการบริหารงบประมาณ
สำหรับในประเด็นจำนวนกรรมาธิการในแต่ละคณะนั้น สมาชิกฯ อภิปรายว่า จำนวนกรรมาธิการในแต่ละคณะที่ระบุว่ามีจำนวน ๗—๑๓ คน นั้น หากกรรมาธิการมีเพียง ๗ คน อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่ององค์ประชุม จึงควรจะมีกรรมาธิการอย่างน้อย ๙ คน ทั้งนี้ แต่จำนวนสูงสุดไม่ควรเกิน ๑๑ คน
จากนั้น เลขานุการกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับฯ ได้ชี้แจงว่า การกำหนดจำนวน กรรมาธิการได้ยึดกระทรวงเป็นหลัก และนำกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่เคยมีมาพิจารณา รวมถึงการนำข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๔๔ มาประกอบการพิจารณา จึงได้ตามที่บัญญัติไว้ในร่างข้อบังคับ ซึ่งเห็นว่าเหมาะสมแล้ว
เมื่อสมาชิกฯ อภิปรายพอสมควร ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้แก้จำนวนกรรมาธิการของ แต่ละคณะจาก ๗—๑๓ คน เป็น ๙ -๑๓ คน และเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้คณะกรรมาธิการในการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเห็นชอบกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ๓ คณะที่บัญญัติไว้ในร่าง ข้อบังคับ คือ คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะกรรมาธิการวิสามัญ การปฏิรูปการเมือง และคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามกระบวนการและมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและการประพฤติ
จากนั้นที่ประชุม ได้ขอให้มีการพิจารณาร่างข้อบังคับฯ เป็นการสรุปอีกครั้งใน วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
ปิดประชุมเวลา ๑๙.๐๕ นาฬิกา
-----------------------------------------------------------
วันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๔๙ ในวันพุธที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เริ่มขึ้นเวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุม เมื่อครบองค์ประชุมประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติดังนี้
๑. เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม
๑.๑ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมข้อสังเกตของ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๔๕ และประจำปี ๒๕๔๖
๑.๒ รับทราบรายงานงบการเงินประจำปี สิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๕ ของ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
๑.๓ รับทรายงานผลการดำเนินงานประจำปี ๒๕๔๕ ประจำปี ๒๕๔๖ และประจำปี
๒๕๔๗ ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
๑.๔ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๔๕ และประจำปี ๒๕๔๖ ของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑.๕ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน (กรณีความรุนแรง
อันเนื่องมาจากโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซียที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา) และข้อเสนอ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อรัฐบาล กรณีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหิน
หินกรูด-บ่อนอก และโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ-มาเลเซีย
๑.๖ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
(กรณีนางสาวรัตนา สัจจเทพ ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ให้รื้อ
ถอนบ้านพักอาศัย)
๑.๗ รับทราบรายงานกิจการ งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนา
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ สำหรับ
สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ สำหรับสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ และสำหรับสิ้นสุด วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๘
๑.๘ รับทราบรายงานผลการตรวจสอบรายงานการรับ จ่ายเงินของกองทุนสงเคราะห์
เกษตรกรและเงินกองทุนเหมุนเวียนสำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการ
ความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๖ และประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๗
๑.๙ รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ไตรมาส
ที่ ๔ ประจำปี ๒๕๔๖ และไตรมาสที่ ๑-๔ ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๑๐ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ และ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
๑.๑๑ รับทราบรายงานการเงินของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖
และประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๗
๑.๑๒ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำปี ๒๕๔๖
และประจำปี ๒๕๔๗
๑.๑๓ รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๔๖ ของศาลรัฐธรรมนูญ
๑.๑๔ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม
แห่งชาติ (กทช.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และประจำปี ๒๕๔๘
๑.๑๕ รับทราบทรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคาร
เพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ สำหรับปีสิ้นสุด
วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๘
๑.๑๖ รับทราบรายงานกิจการ งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรอง
สินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๔๗
๑.๑๗ รับทราบรายงานการแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๔๒ (การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์
แห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทย และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย)
๑.๑๘ รับทราบอนุสัญญา พิธีสารและข้อแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ
สมัยที่ ๘๓—๙๑
๑.๑๙ รับทราบนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน (พ.ศ. ๒๕๔๘ - ๒๕๕๓)
๑.๒๐ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวัน
ในโรงเรียนประถมศึกษา ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๒๑ รับทราบราบงานของผู้ตรวจสอบบัญชีและงบการเงินกองทุนประกันสังคม
ประจำปี ๒๕๔๕ และประจำปี ๒๕๔๖
๑.๒๒ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงาน
ต่างประเทศปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗
๑.๒๓ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาการศึกษา
โรงเรียนเอกชนของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗
๑.๒๔ รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๔๗ ของสถาบันพระปกเกล้า
๑.๒๕ รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการ
บริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๘
๑.๒๖ รับทราบรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง
ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๒๗ รับทราบผลการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมตามรายงานผลการ
พิจารณาสอบสวนกรณีการไม่ปฏิบัติตามสัญญาการแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) สัญญาเช่าโรงงาน
สุราบางยี่ขันและให้ใช้สิทธิในการผลิต และจำหน่ายสุรา ระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรม กับ
บริษัทสุรามหาราษฎร จำกัด (มหาชน) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสอบสวนและศึกษา
เรื่องเกี่ยวกับการทุจริต
๑.๒๘ รับทราบผลการดำเนินการของกระทรวงการคลังตามรายงานการพิจารณา
ศึกษารายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า
แห่งประเทศไทย ประจำปี ๒๕๔๓ ประจำปี ๒๕๔๔ และประจำปี ๒๕๔๕ ของคณะกรรมาธิการ
การคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน
๑.๒๙ รับทราบผลการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมตามรายงานการพิจารณา
ศึกษาติดตามตรวจสอบเชิงนโยบาย ด้านอุตสาหกรรม ของคณะกรรมาธิการการเศรษฐฏิจ การพาณิชย์
และอุตสาหกรรม วุฒิสภา
๑.๓๐ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติดประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๗
๑.๓๑ รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำนักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ และ ๒๕๔๕
๑.๓๒ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนค่าเครื่องจักรกลของ
กรมทางหลวง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๗ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๔๖
๑.๓๓ รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๔๘ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
๑.๓๔ รับทราบรายงานการตรวจสอบงบดุล งบรายรับ — รายจ่ายเงินกองทุน
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๓๕ รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๔๗ ศาลรัฐธรรมนูญและรายงานผลการ
สอบบัญชีและการเงิน
๑.๓๖ รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนประกันสังคม
ประจำปี ๒๕๔๗
๑.๓๗ รับทราบรายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
และงบการเงินกองทุน เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของกรมการขนส่งทางบก
๑.๓๘ รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำนักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๗ และ ๒๕๔๖
๑.๓๙ รับทราบรายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และ
งบการเงินเงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบก ปีงบประมาณ
๒๕๔๘ และปีงบประมาณ ๒๕๔๗
ที่ประชุมรับทราบรายงานทั้ง ๓๙ รายงาน ส่วนรายงานที่ ๑.๔ - ๑.๖ นายโคทม อารียาสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้หารือที่ประชุมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ ในกรณีที่รัฐบาลไม่เห็นชอบด้วยกับรายงาน ต้องส่งเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณา ซึ่งต้องเชิญตัวแทนจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมาชี้แจง แต่ เนื่องด้วยในรายงาน ๑.๔ - ๑.๖ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไม่ได้มาร่วมประชุม จึงขอให้ที่ประชุม เลื่อนไปพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
๒. รับรองรายงานการประชุม (ไม่มี)
เรื่องด่วน
- พิจารณาข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. ….
ซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา
เสร็จแล้ว
ประธานฯ ได้หารือที่ประชุมเพื่อขอให้ใช้ข้อบังคับการประชุมในข้อ ๑๑๕ ซึ่งกำหนดให้
อนุโลมใช้ข้อบังคับการประชุมว่าด้วยการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
ดังนั้น การพิจารณาร่างข้อบังคับฯ นี้ จึงพิจารณาเป็น ๓ วาระ
วาระที่ ๑ ขั้นรับหลักการ
ซึ่งที่ประชุมมีมติรับหลักการในวาระที่ ๑
วาระที่ ๒ พิจารณาโดยกรรมาธิการ
ที่ประชุมฯ ได้เสนอให้ใช้กรรมาธิการเต็มสภา ซึ่งจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความได้ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นคำแปรญัตติคำแปรญัตติล่วงหน้า โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติได้อภิปรายกัน อย่างกว้างขวางในประเด็นของคำนิยามของคำว่า “องค์กรอิสระ” ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราช- อาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ ไม่มีบัญญัติเอาไว้ “กรรมาธิการสามัญยกร่าง ข้อบังคับฯ จึงได้ชี้แจงว่าคำว่า “องค์กรอิสระ” นั้น ใช้แทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภา กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยไม่รวมถึงศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุด โดยองค์กรอิสระจะแยกออกเป็น ๒ ประเภท คือ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระตาม พระราชบัญญัติ
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาใน
หมวดที่ ๑ การเลือกประธานสภาและรองประธานสภา
ข้อ ๕ ในการเลือกประธานสภาและรองประธานสภาครั้งแรก ให้เลขาธิการเชิญสมาชิกผู้มีอายุสูงสุด ซึ่ง อยู่ในที่ประชุมสภาเป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม เพื่อให้ที่ประชุมสภาดำเนินการเลือกตั้งประธานสภาและรองประธานสภา และเพื่อดำเนินการในเรื่องอื่นที่จำเป็นในการประชุมครั้งนั้นด้วย
ในการดำเนินการเลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง ถ้าผู้เป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุมได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานสภาหรือรองประธานสภา ให้สมาชิกผู้มีอายุสูงสุดในลำดับถัดไปซึ่งอยู่ในที่ประชุมเป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม
ซึ่งที่ประชุมลงมติให้เปลี่ยนคำว่า “เลือกตั้ง” เป็น “เลือกทั้งหมด” เพราะในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ มาตรา ๑๙ วรรคท้ายบัญญัติว่า ให้พิจารณาข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปใช้กับการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยอนุโลม
ข้อ ๖ ในการเลือกประธานสภา สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกได้หนึ่งชื่อ การเสนอนั้นต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่าสิบคน
สำหรับการเลือกประธานสภานั้น กรรมาธิการสามัญฯ ชี้แจงต่อที่ประชุม ในกรณีที่มี ผู้ได้รับเสนอชื่อ เป็นประธานเพียงคนเดียว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ ถ้ามีการเสนอชื่อ ๒ คน ผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากก็ถือว่าได้รับเลือก ถ้ามีการเสนอชื่อมากกว่า ๒ คน ผู้ที่ได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งถือว่าได้รับเลือก
จากนั้นที่ประชุมฯ ให้เปลี่ยนแปลงคำในข้อ ๙ วรรคสอง เมื่อมีการเลือกประธานสภาและรองประธานสภาแล้วจะต้องสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แล้วส่งสำเนาการแต่งตั้งไปยังคณะรัฐมนตรี ศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเพื่อทราบ
ทั้งนี้กรรมาธิการสามัญ ขอแก้ไขถ้อยคำใหม่ในหมวด ๓ วรรคสอง เกี่ยวกับเรื่องการประชุมสภาที่เป็นการเปิดเผยอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าฟังการประชุมได้ โดยให้เป็นไปตามระเบียบที่ประธานสภากำหนด และให้ประธานสภาจัดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผ่านทางวิทยุกระจายเสียงและหรือวิทยุโทรทัศน์
จากนั้น ได้มีสมาชิกฯ เสนอลดจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญลง โดยให้ความ เห็นว่า สมาชิกฯ มีเวลาทำงาน ๑ ปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก อีกทั้งกรรมาธิการแต่ละคณะต้องมีค่าใช้จ่ายเดือนละ ๑ แสนกว่าบาท ดังนั้นเพื่อความเหมาะสมอาจรวมกรรมาธิการบางคณะเข้าด้วยกัน เช่น คณะกรรมาธิการตำรวจรวมกับคณะกรรมาธิการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภครวมกับคณะกรรมาธิการพาณิชย์ คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมรวมกับกรรมาธิการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ และคณะกรรมาธิการงบประมาณรวมกับกรรมาธิการติดตาม มติของสภาและตรวจรายงานการประชุม เป็นต้น
เมื่อที่ประชุมฯ ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ในกระเด็นของจำนวนคณะกรรมาธิการพอสมควรแล้ว ที่ประชุมฯ มีมติให้แก้ไขจำนวนกรรมาธิการจาก ๒๖ คณะ เหลือ ๒๑ คณะ โดยให้ยุบคณะกรรมาธิการบางคณะ เพื่อความเหมาะสมดังนี้
๑. คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์
๒. คณะกรรมาธิการการคมนาคม
๓. คณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน
๔. คณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค
๕. คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ
๖. คณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๗. คณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร
๘. คณะกรรมาธิการการปกครอง
๙. คณะกรรมาธิการการพลังงาน
๑๐. คณะกรรมาธิการการพาณิชย์
๑๑. คณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน
๑๒. คณะกรรมาธิการการยุติธรรม สิทธิมนุษยชนและตำรวจ
๑๓. คณะกรรมาธิการการแรงงานและสวัสดิการสังคม
๑๔. คณะกรรมาธิการการศาสนา จริยธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรม
๑๕. คณะกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา
๑๖. คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข
๑๗. คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
๑๘. คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และ
ความมั่นคงของมนุษย์
๑๙. คณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระ
๒๐. คณะกรรมาธิการความมั่นคง
๒๑. คณะกรรมาธิการติดตามมติของสภา ตรวจรายงานการประชุม และ
ติดตามการบริหารงบประมาณ
สำหรับในประเด็นจำนวนกรรมาธิการในแต่ละคณะนั้น สมาชิกฯ อภิปรายว่า จำนวนกรรมาธิการในแต่ละคณะที่ระบุว่ามีจำนวน ๗—๑๓ คน นั้น หากกรรมาธิการมีเพียง ๗ คน อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่ององค์ประชุม จึงควรจะมีกรรมาธิการอย่างน้อย ๙ คน ทั้งนี้ แต่จำนวนสูงสุดไม่ควรเกิน ๑๑ คน
จากนั้น เลขานุการกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับฯ ได้ชี้แจงว่า การกำหนดจำนวน กรรมาธิการได้ยึดกระทรวงเป็นหลัก และนำกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่เคยมีมาพิจารณา รวมถึงการนำข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๔๔ มาประกอบการพิจารณา จึงได้ตามที่บัญญัติไว้ในร่างข้อบังคับ ซึ่งเห็นว่าเหมาะสมแล้ว
เมื่อสมาชิกฯ อภิปรายพอสมควร ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้แก้จำนวนกรรมาธิการของ แต่ละคณะจาก ๗—๑๓ คน เป็น ๙ -๑๓ คน และเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้คณะกรรมาธิการในการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเห็นชอบกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ๓ คณะที่บัญญัติไว้ในร่าง ข้อบังคับ คือ คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะกรรมาธิการวิสามัญ การปฏิรูปการเมือง และคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามกระบวนการและมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและการประพฤติ
จากนั้นที่ประชุม ได้ขอให้มีการพิจารณาร่างข้อบังคับฯ เป็นการสรุปอีกครั้งใน วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
ปิดประชุมเวลา ๑๙.๐๕ นาฬิกา
-----------------------------------------------------------