พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งแต่ระหว่างวันที่ 13 - 19 ก.พ. 2549

ข่าวทั่วไป Tuesday February 14, 2006 07:53 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร วัน จันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 19/2549 คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่วันที่ 13-19 ก.พ. 2549 ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. คลื่นกระแสลมตะวันตกจะยังคงพาดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าว รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ส่วนภาคเหนือมีฝน ลดน้อยลง สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร เว้นแต่ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูง 2 เมตร ในช่วงวันที่ 15-16 ก.พ. คลื่นกระแสลมตะวันตกที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีฝนลดลง ในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศไทย ทำให้มีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจายและอุณหภูมิจะลดลง ส่วนภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ข้อควรระวัง ในระยะนี้ประเทศไทยมีสภาวะอากาศแปรปรวน ขอให้ระมัดระวังอันตรายจากในการขับขี่ยานพาหนะเนื่องจากมีฝนตก ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือและชาวประมงระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือไว้ด้วย ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้ เหนือ มีหมอกในตอนเช้า อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. และ 18-19 ก.พ. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-20 % ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาค มีหมอกในตอนเช้า อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. และ 18-19 ก.พ. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-20 % ของพื้นที่ทางตอนล่างของภาค ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่มาก ดังนั้น ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและ ติดผลอ่อน ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างพอเพียง เพราะหากขาดน้ำจะทำให้การติดผลลดลง นอกจากนี้ควรระวัง การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะราน้ำค้าง ในพืชไร่ พืชผัก และไม้ดอก ตะวันออกเฉียงเหนือ ในตอนเช้ามีหมอกกับอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในตอนเช้ามีหมอกกับอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้มีฝนบางแห่งถึงกระจาย เกษตรควรระวังความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตรที่ตากไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ ในช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน กลาง ในตอนเช้ามีหมอกและอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ในตอนเช้ามีหมอกและอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค บริเวณพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานซึ่งมีฝนตก เกษตรกรควร กักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ด้วย นอกจากนี้ควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นดิน ตะวันออก ในตอนเช้ามีหมอกและอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 16-19 ก.พ. มีฝน เป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 30-60 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในตอนเช้ามีหมอกและอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 16-19 ก.พ. มีฝน เป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 30-60 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในระยะนี้ มีฝนตกเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ด้วย เนื่องจากระยะต่อไปจะมีฝนลดลง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืช อย่างพอเพียง โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลอ่อนหากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่น ใต้ ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป 60-70 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 15-19 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 15-19 ก.พ. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป 60-70 % ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 15-19 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 40-60 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 15-19 ก.พ. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลงเกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับบริเวณที่มีฝนตกเกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ด้วย นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด อนึ่ง ในระยะนี้บริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ