ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เผยทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นอยู่กับภาวะเงินเฟ้อเป็นหลัก ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.จะขึ้นอยู่กับภาวะเงินเฟ้อเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ยังต้องติดตามอัตราเงินเฟ้อต่อไปอีกระยะก่อน เพราะอัตรา
เงินเฟ้อที่ลดลงแค่เดือน ส.ค.เพียงเดือนเดียว ยังไม่สามารถบอกสัญญาณอะไรได้ คงต้องรอให้สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มนิ่งก่อน สำหรับกรณีที่มีการ
ใช้ งปม.ปี 50 แบบขาดดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายการคลังนั้น ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า หากมีการขาดดุล งปม.ไม่เกินร้อยละ 2 ของ
ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ก็ถือว่ายอมรับได้ เพราะในภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวและความไม่แน่นอนหลาย ๆ อย่าง ประกอบกับปีหน้าหลาย
ประเทศคาดการณ์ว่าจีดีพีจะลดลง ผลจากราคาน้ำมันแพงที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้น การใช้ งปม.แบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องที่ดี
(ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, ไทยรัฐ, แนวหน้า)
2. ธปท.ไม่กังวล ธพ.ชะลอปล่อยสินเชื่อช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกเป็นกังวลกรณีที่ ธพ.จะระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากจนเกินไป ในช่วงภาวะเศรษฐกิจขยายตัวใน
ทิศทางชะลอลง เนื่องจาก ธพ.ต้องทำธุรกิจและต้องพิจารณาดีอยู่แล้วว่า สินเชื่อใดที่ควรปล่อยกู้ หรือสินเชื่อประเภทใดไม่ควรปล่อยกู้ ทั้งนี้ ธพ.
ทั้งระบบปล่อยสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 5,813,742 ล้านบาท เป็นสินเชื่อของ ธพ.ที่จดทะเบียนในประเทศจำนวน 5,201,940 ล้านบาท และสาขา
ธ.ต่างประเทศมีจำนวน 611,802 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อรวมในเดือน มิ.ย.นี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค.ที่มียอดสินเชื่อรวม
5,784,783 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนเพิ่ม 28,959 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.50 เท่านั้น (กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
3. ธปท.เผย ก.พาณิชย์ยืนยันได้ข้อมูลเส้นทางการเงินในการตรวจสอบกรณีชินคอร์ปแล้ว ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยถึงกรณี นายธรรยง พวงราช รองปลัด ก.พาณิชย์ .ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการถือหุ้นแทน (นอมินี) ใน
บ.กุหลาบแก้ว จำกัด และ บ.ซีดาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่ไปซื้อหุ้นของ บ.ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอความร่วมมือมายัง ธปท.ในการตรวจ
สอบเส้นทางของเงินว่า ก่อนหน้านี้ทาง ก.พาณิชย์ขอความร่วมมือมายัง ธปท.ในการส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมตรวจสอบในกรณีดังกล่าว และขณะนี้
ธปท.ได้รับการยืนยันจาก ก.พาณิชย์ว่า มีรายละเอียดและข้อมูลของเส้นทางของเงินแล้ว ประกอบกับมีนักกฎหมายอยู่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องส่ง
ตัวแทนจาก ธปท.มาร่วมตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่เจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบเส้นทางของเงินนั้น ทาง ก.พาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดย
ไม่ต้องให้ ธปท.เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเป็นเรื่องปกติหากได้รับข้อมูลเรื่องการตรวจสอบเส้นทางของเงินเรียบร้อยแล้ว (ผู้จัดการรายวัน)
4. สศช.ปรับลดอัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 50 ลงร้อยละ 1 เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ของปีนี้ว่าจะขยายได้ร้อยละ 4.9 จากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ทำให้ครึ่งแรกของปีนี้จีดีพีขยายตัวได้ร้อยละ 5.5 สาเหตุของการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาสนี้มาจากการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี โดย
มูลค่าส่งออกขยายตัวได้ถึงร้อยละ 16.3 ในขณะที่การนำเข้าชะลอตัวต่อเนื่อง โดยมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.2 ชะลอลงจากไตรมาส
1 ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 5.4 ประกอบกับปัจจัยทางภาคเกษตรและการท่องเที่ยวก็ญังขยายตัวได้ดี โดยภาคเกษตรขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5.4 ส่วน
จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 จากปีก่อน นอกจากนี้ ยังคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีในปี 50 ด้วยว่า จะขยายตัวได้ประมาณ
ร้อยละ 4-5 จากที่เคยคาดไว้เดิมก่อนที่จะมีปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 5-6 โดยปัจจัยหลักของการขยายตัวมา
จากราคาน้ำมันที่ถ้าทรงตัวในระดับปัจจุบันได้ ก็จะไม่ทำให้อัตราการขยายตัวต่ำกว่าปี 49 นอกจากนี้ยังได้รับผลบวกจากด้านต่าง ๆ ที่น่าจะกลับเข้า
สู่ภาวะปกติได้ รวมทั้งยังเห็นการเบิกจ่าย งปม.ของรัฐบาลที่น่าจะกลับมาเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ชัดเจนในไตรมาส 3 ของปีหน้า
(กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ, แนวหน้า, ข่าวสด)
5. กรมสรรพากรเตรียมประกาศเพิ่มวงเงินหักค่าใช้จ่ายเป็นร้อยละ 145 แก่ บจ.ที่มีการซ่อมแซมสินทรัพย์เกินกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป
อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เร็ว ๆ นี้จะออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรตามพระราชกฤษฎีกาในการแก้ไขประมวลรัษฎากรเรื่อง การยกเว้น
ภาษีเงินได้ของบริษัทนิติบุคคลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับเงินลงทุนหรือต่อเติมเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นการบำรุง ดูแลรักษา
หรือตกแต่งที่ทำให้สินทรัพย์ดีขึ้น มีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป นำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้เพิ่มอีกร้อยละ 25 จากเดิมที่เงินลงทุนในส่วนนี้หักเป็น
ค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ร้อยละ 100 หรือรวมเป็นร้อยละ 125 ของมูลค่าการลงทุน รวมทั้งสามารถหักค่าเสื่อมได้ปีละร้อยละ 20 แต่ไม่เกิน 5 ปี
ทั้งนี้ การเพิ่มการหักเงินลงทุนอีกร้อยละ 25 จะทำให้บริษัทนำค่าใช้จ่ายมาหักได้เพิ่มขึ้นทั้งสิ้นร้อยละ 145 จากการลงทุนในแต่ละปี จึงถือเป็น
โอกาสที่ดีของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่จะปรับปรุงหรือขยายกิจการออกไป (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่ากรรมาธิการสหภาพยุโรปจะปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 49 ในการประชุมวันพุธนี้ รายงานจาก
บรัสเซล เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 49 นาย Joaquin Almunia กรรมาธิการนโยบายศรษฐกิจและการเงินเสหภาพยุโรปจะเสนอต่อที่ประชุมในวันพุธนี้
เรื่องการปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อของประเทศสมาชิกยูโรโซน 12 ประเทศ รวมถึงคาดการณ์การขยายตัว
ทางเศรษฐกิจ และภาวะเงินเฟ้อในปีนี้ ของประเทศ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี สเปน และโปแลนด์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้สมาชิกสหภาพ
ยุโรปใช้ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัวดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ในการลดการขาดดุลงบประมาณของประเทศลงโดยเร็ว ซึ่งก่อนหน้านั้นคณะ
กรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 2.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.3 เมื่อปีที่แล้ว ในขณะ
ที่เมื่อวานนี้ ธ.กลางยุโรปได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปไว้ที่เฉลี่ยร้อยละ 2.5 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ร้อยละ
2.1 (รอยเตอร์)
2. จีนจะชะลอการขยายตัวของทุนสำรองฯ เพื่อลดผลกระทบต่อค่าเงิน รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.49
Zeng Qinghong รองประธานาธิบดีของจีน เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ณ สิ้นเดือน ก.ค.49 พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่
ระดับ 954.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินหยวน ทำให้รัฐบาลจีนต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการชะลอการขยายตัวของ
ทุนสำรองฯ แม้ว่าจะมีผลดีต่อความสามารถในการป้องกันความเสี่ยง แต่อีกทางหนึ่งก็ได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินหยวนเพิ่มขึ้นด้วย โดยจีนจะปรับ
ลดการส่งออกสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสินค้าที่ต้องใช้พลังงานมากในกระบวนการผลิต รวมถึงการใช้ทุนสำรองฯ ในการนำเข้า
ทรัพยากรที่สำคัญทางยุทธศาสตร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงที่สามารถช่วยยกระดับหน่วยงานของรัฐให้มีความทันสมัยมากขึ้น นอกจากนี้ Zeng
ยังย้ำถึงแผนการในอนาคตที่จะปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและส่งเสริมให้เกิดความสมดุลในระบบการชำระเงินระหว่าง
ประเทศของจีนด้วย รวมถึงปรับปรุงระบบการบริหารทุนสำรองฯ ของจีนและทำให้บริษัทและบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
ต่างประเทศได้มากขึ้น ส่วนปัญหาสำคัญที่จีนกำลังเผชิญจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น Zeng กล่าวว่าในขณะที่สถานการณ์ภาพรวมทางเศรษฐกิจ
ขยายตัวในระดับสูง อัตราการเติบโตของสินเชื่อและการลงทุนยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วมากเกินไป จีนจำเป็นต้องหยุดยั้งการกระทำที่เป็นอันตราย
และกำหนดเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเหล่านั้น ทั้งนี้ ในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมาจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 2 ครั้ง รวม
ทั้งการเพิ่มเงินสำรองของ ธ.พาณิชย์ เพื่อช่วยชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.3 ในไตรมาส 2 ของปีนี้(รอยเตอร์)
3. คาดว่าการส่งออกของมาเลเซียในเดือน ก.ค.49 จะขยายตัวร้อยละ 13.8 สูงสุดในรอบ 5 เดือน รายงานจากกัวลาลัมเปอร์
เมื่อ 4 ก.ย.49 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า การส่งออกของมาเลเซียในเดือน ก.ค.49 จะ
ขยายตัวร้อยละ 13.8 เทียบต่อปี สูงสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.พ.49 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 15.1 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 11.4 ใน
เดือนก่อนหน้า โดยนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักต่อการขยายตัวของการ
ส่งออก ในส่วนของการนำเข้าคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 11.9 เทียบต่อปี สูงสุดในรอบ 4 เดือนนับตั้งแต่เดือน มี.ค.49 ซึ่งขยายตัวร้อยละ
13.9 นอกจากนี้ คาดว่าดุลการค้าจะเกินดุลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 8.1 พัน ล.ริงกิต (2.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เทียบกับที่เกินดุลจำนวน
6.0 พัน ล.ริงกิตในเดือนเดียวกันของปีก่อน (รอยเตอร์)
4. ภาคการผลิตของสิงคโปร์ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค.49 ในขณะที่การจ้างงานกลับลดลง รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ
4 ก.ย.49 ดัชนีชี้วัดธุรกรรมของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์จากผลสำรวจความเห็นของผู้บริหารด้านจัดซื้อของธุรกิจในภาคการผลิต
มากกว่า 150 แห่งหรือที่เรียกว่า PMI เพิ่มขึ้น 1.3 จุดมาอยู่ที่ระดับ 52.3 จุดในเดือน ส.ค.49 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตกำลังขยายตัว แต่อย่างไรก็ดี ดัชนีในส่วนที่ชี้วัดการจ้างงานกลับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 47.3 ต่ำสุด
นับตั้งแต่เดือน ก.พ.45 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 45.2 และนับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันของดัชนีดังกล่าว โดยดัชนีชี้วัดการจ้างงานในภาค
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีสัดส่วนของผลผลิตมากกว่า 1 ใน 3 ของผลผลิตอุตสาหกรรมทั้งประเทศลดลงมาอยู่ที่ระดับ 46.2 จากระดับ 48.9
ในเดือน ก.ค.49 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.9 จากระดับ 50.1 ในเดือน ก.ค.49
สร้างความประหลาดใจให้นักวิเคราะห์ที่คาดว่าผลผลิตจะชะลอตัวลงตามความต้องการที่ชะลอตัวลงจาก สรอ. ชี้ให้เห็นว่าผู้ประกอบการใน
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์หันมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแทนการจ้างคนเพิ่ม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าความต้องการสินค้าไฮเทค เช่น เครื่อง
เล่นเกม Xbox 360 ของ Microsoft เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และกล้องดิจิตอลในช่วงสิ้นปีจะทำให้ผลผลิตอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ใน
อีกหลายเดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 5 ก.ย. 49 4 ก.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.38 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.1964/37.4877 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.1175 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 703.53/11.84 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,050/11,150 11,050/11,150 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 62.71 64.11 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 5 ก.ย. 49 28.09*/27.29* 28.49/27.69 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เผยทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นอยู่กับภาวะเงินเฟ้อเป็นหลัก ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.จะขึ้นอยู่กับภาวะเงินเฟ้อเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ยังต้องติดตามอัตราเงินเฟ้อต่อไปอีกระยะก่อน เพราะอัตรา
เงินเฟ้อที่ลดลงแค่เดือน ส.ค.เพียงเดือนเดียว ยังไม่สามารถบอกสัญญาณอะไรได้ คงต้องรอให้สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มนิ่งก่อน สำหรับกรณีที่มีการ
ใช้ งปม.ปี 50 แบบขาดดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายการคลังนั้น ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า หากมีการขาดดุล งปม.ไม่เกินร้อยละ 2 ของ
ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ก็ถือว่ายอมรับได้ เพราะในภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวและความไม่แน่นอนหลาย ๆ อย่าง ประกอบกับปีหน้าหลาย
ประเทศคาดการณ์ว่าจีดีพีจะลดลง ผลจากราคาน้ำมันแพงที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้น การใช้ งปม.แบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องที่ดี
(ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, ไทยรัฐ, แนวหน้า)
2. ธปท.ไม่กังวล ธพ.ชะลอปล่อยสินเชื่อช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกเป็นกังวลกรณีที่ ธพ.จะระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากจนเกินไป ในช่วงภาวะเศรษฐกิจขยายตัวใน
ทิศทางชะลอลง เนื่องจาก ธพ.ต้องทำธุรกิจและต้องพิจารณาดีอยู่แล้วว่า สินเชื่อใดที่ควรปล่อยกู้ หรือสินเชื่อประเภทใดไม่ควรปล่อยกู้ ทั้งนี้ ธพ.
ทั้งระบบปล่อยสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 5,813,742 ล้านบาท เป็นสินเชื่อของ ธพ.ที่จดทะเบียนในประเทศจำนวน 5,201,940 ล้านบาท และสาขา
ธ.ต่างประเทศมีจำนวน 611,802 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อรวมในเดือน มิ.ย.นี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค.ที่มียอดสินเชื่อรวม
5,784,783 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนเพิ่ม 28,959 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.50 เท่านั้น (กรุงเทพธุรกิจ, มติชน)
3. ธปท.เผย ก.พาณิชย์ยืนยันได้ข้อมูลเส้นทางการเงินในการตรวจสอบกรณีชินคอร์ปแล้ว ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยถึงกรณี นายธรรยง พวงราช รองปลัด ก.พาณิชย์ .ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการถือหุ้นแทน (นอมินี) ใน
บ.กุหลาบแก้ว จำกัด และ บ.ซีดาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่ไปซื้อหุ้นของ บ.ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอความร่วมมือมายัง ธปท.ในการตรวจ
สอบเส้นทางของเงินว่า ก่อนหน้านี้ทาง ก.พาณิชย์ขอความร่วมมือมายัง ธปท.ในการส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมตรวจสอบในกรณีดังกล่าว และขณะนี้
ธปท.ได้รับการยืนยันจาก ก.พาณิชย์ว่า มีรายละเอียดและข้อมูลของเส้นทางของเงินแล้ว ประกอบกับมีนักกฎหมายอยู่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องส่ง
ตัวแทนจาก ธปท.มาร่วมตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่เจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบเส้นทางของเงินนั้น ทาง ก.พาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดย
ไม่ต้องให้ ธปท.เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเป็นเรื่องปกติหากได้รับข้อมูลเรื่องการตรวจสอบเส้นทางของเงินเรียบร้อยแล้ว (ผู้จัดการรายวัน)
4. สศช.ปรับลดอัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 50 ลงร้อยละ 1 เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ของปีนี้ว่าจะขยายได้ร้อยละ 4.9 จากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ทำให้ครึ่งแรกของปีนี้จีดีพีขยายตัวได้ร้อยละ 5.5 สาเหตุของการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาสนี้มาจากการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี โดย
มูลค่าส่งออกขยายตัวได้ถึงร้อยละ 16.3 ในขณะที่การนำเข้าชะลอตัวต่อเนื่อง โดยมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.2 ชะลอลงจากไตรมาส
1 ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 5.4 ประกอบกับปัจจัยทางภาคเกษตรและการท่องเที่ยวก็ญังขยายตัวได้ดี โดยภาคเกษตรขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5.4 ส่วน
จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 จากปีก่อน นอกจากนี้ ยังคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีในปี 50 ด้วยว่า จะขยายตัวได้ประมาณ
ร้อยละ 4-5 จากที่เคยคาดไว้เดิมก่อนที่จะมีปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 5-6 โดยปัจจัยหลักของการขยายตัวมา
จากราคาน้ำมันที่ถ้าทรงตัวในระดับปัจจุบันได้ ก็จะไม่ทำให้อัตราการขยายตัวต่ำกว่าปี 49 นอกจากนี้ยังได้รับผลบวกจากด้านต่าง ๆ ที่น่าจะกลับเข้า
สู่ภาวะปกติได้ รวมทั้งยังเห็นการเบิกจ่าย งปม.ของรัฐบาลที่น่าจะกลับมาเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ชัดเจนในไตรมาส 3 ของปีหน้า
(กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ, แนวหน้า, ข่าวสด)
5. กรมสรรพากรเตรียมประกาศเพิ่มวงเงินหักค่าใช้จ่ายเป็นร้อยละ 145 แก่ บจ.ที่มีการซ่อมแซมสินทรัพย์เกินกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป
อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เร็ว ๆ นี้จะออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรตามพระราชกฤษฎีกาในการแก้ไขประมวลรัษฎากรเรื่อง การยกเว้น
ภาษีเงินได้ของบริษัทนิติบุคคลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับเงินลงทุนหรือต่อเติมเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นการบำรุง ดูแลรักษา
หรือตกแต่งที่ทำให้สินทรัพย์ดีขึ้น มีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป นำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้เพิ่มอีกร้อยละ 25 จากเดิมที่เงินลงทุนในส่วนนี้หักเป็น
ค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ร้อยละ 100 หรือรวมเป็นร้อยละ 125 ของมูลค่าการลงทุน รวมทั้งสามารถหักค่าเสื่อมได้ปีละร้อยละ 20 แต่ไม่เกิน 5 ปี
ทั้งนี้ การเพิ่มการหักเงินลงทุนอีกร้อยละ 25 จะทำให้บริษัทนำค่าใช้จ่ายมาหักได้เพิ่มขึ้นทั้งสิ้นร้อยละ 145 จากการลงทุนในแต่ละปี จึงถือเป็น
โอกาสที่ดีของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่จะปรับปรุงหรือขยายกิจการออกไป (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่ากรรมาธิการสหภาพยุโรปจะปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 49 ในการประชุมวันพุธนี้ รายงานจาก
บรัสเซล เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 49 นาย Joaquin Almunia กรรมาธิการนโยบายศรษฐกิจและการเงินเสหภาพยุโรปจะเสนอต่อที่ประชุมในวันพุธนี้
เรื่องการปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อของประเทศสมาชิกยูโรโซน 12 ประเทศ รวมถึงคาดการณ์การขยายตัว
ทางเศรษฐกิจ และภาวะเงินเฟ้อในปีนี้ ของประเทศ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี สเปน และโปแลนด์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้สมาชิกสหภาพ
ยุโรปใช้ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัวดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ในการลดการขาดดุลงบประมาณของประเทศลงโดยเร็ว ซึ่งก่อนหน้านั้นคณะ
กรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 2.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.3 เมื่อปีที่แล้ว ในขณะ
ที่เมื่อวานนี้ ธ.กลางยุโรปได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปไว้ที่เฉลี่ยร้อยละ 2.5 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ร้อยละ
2.1 (รอยเตอร์)
2. จีนจะชะลอการขยายตัวของทุนสำรองฯ เพื่อลดผลกระทบต่อค่าเงิน รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.49
Zeng Qinghong รองประธานาธิบดีของจีน เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ณ สิ้นเดือน ก.ค.49 พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่
ระดับ 954.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินหยวน ทำให้รัฐบาลจีนต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการชะลอการขยายตัวของ
ทุนสำรองฯ แม้ว่าจะมีผลดีต่อความสามารถในการป้องกันความเสี่ยง แต่อีกทางหนึ่งก็ได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินหยวนเพิ่มขึ้นด้วย โดยจีนจะปรับ
ลดการส่งออกสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสินค้าที่ต้องใช้พลังงานมากในกระบวนการผลิต รวมถึงการใช้ทุนสำรองฯ ในการนำเข้า
ทรัพยากรที่สำคัญทางยุทธศาสตร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงที่สามารถช่วยยกระดับหน่วยงานของรัฐให้มีความทันสมัยมากขึ้น นอกจากนี้ Zeng
ยังย้ำถึงแผนการในอนาคตที่จะปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและส่งเสริมให้เกิดความสมดุลในระบบการชำระเงินระหว่าง
ประเทศของจีนด้วย รวมถึงปรับปรุงระบบการบริหารทุนสำรองฯ ของจีนและทำให้บริษัทและบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
ต่างประเทศได้มากขึ้น ส่วนปัญหาสำคัญที่จีนกำลังเผชิญจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น Zeng กล่าวว่าในขณะที่สถานการณ์ภาพรวมทางเศรษฐกิจ
ขยายตัวในระดับสูง อัตราการเติบโตของสินเชื่อและการลงทุนยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วมากเกินไป จีนจำเป็นต้องหยุดยั้งการกระทำที่เป็นอันตราย
และกำหนดเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเหล่านั้น ทั้งนี้ ในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมาจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 2 ครั้ง รวม
ทั้งการเพิ่มเงินสำรองของ ธ.พาณิชย์ เพื่อช่วยชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.3 ในไตรมาส 2 ของปีนี้(รอยเตอร์)
3. คาดว่าการส่งออกของมาเลเซียในเดือน ก.ค.49 จะขยายตัวร้อยละ 13.8 สูงสุดในรอบ 5 เดือน รายงานจากกัวลาลัมเปอร์
เมื่อ 4 ก.ย.49 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า การส่งออกของมาเลเซียในเดือน ก.ค.49 จะ
ขยายตัวร้อยละ 13.8 เทียบต่อปี สูงสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.พ.49 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 15.1 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 11.4 ใน
เดือนก่อนหน้า โดยนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักต่อการขยายตัวของการ
ส่งออก ในส่วนของการนำเข้าคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 11.9 เทียบต่อปี สูงสุดในรอบ 4 เดือนนับตั้งแต่เดือน มี.ค.49 ซึ่งขยายตัวร้อยละ
13.9 นอกจากนี้ คาดว่าดุลการค้าจะเกินดุลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 8.1 พัน ล.ริงกิต (2.2 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เทียบกับที่เกินดุลจำนวน
6.0 พัน ล.ริงกิตในเดือนเดียวกันของปีก่อน (รอยเตอร์)
4. ภาคการผลิตของสิงคโปร์ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค.49 ในขณะที่การจ้างงานกลับลดลง รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ
4 ก.ย.49 ดัชนีชี้วัดธุรกรรมของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์จากผลสำรวจความเห็นของผู้บริหารด้านจัดซื้อของธุรกิจในภาคการผลิต
มากกว่า 150 แห่งหรือที่เรียกว่า PMI เพิ่มขึ้น 1.3 จุดมาอยู่ที่ระดับ 52.3 จุดในเดือน ส.ค.49 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตกำลังขยายตัว แต่อย่างไรก็ดี ดัชนีในส่วนที่ชี้วัดการจ้างงานกลับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 47.3 ต่ำสุด
นับตั้งแต่เดือน ก.พ.45 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 45.2 และนับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันของดัชนีดังกล่าว โดยดัชนีชี้วัดการจ้างงานในภาค
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีสัดส่วนของผลผลิตมากกว่า 1 ใน 3 ของผลผลิตอุตสาหกรรมทั้งประเทศลดลงมาอยู่ที่ระดับ 46.2 จากระดับ 48.9
ในเดือน ก.ค.49 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.9 จากระดับ 50.1 ในเดือน ก.ค.49
สร้างความประหลาดใจให้นักวิเคราะห์ที่คาดว่าผลผลิตจะชะลอตัวลงตามความต้องการที่ชะลอตัวลงจาก สรอ. ชี้ให้เห็นว่าผู้ประกอบการใน
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์หันมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแทนการจ้างคนเพิ่ม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าความต้องการสินค้าไฮเทค เช่น เครื่อง
เล่นเกม Xbox 360 ของ Microsoft เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และกล้องดิจิตอลในช่วงสิ้นปีจะทำให้ผลผลิตอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ใน
อีกหลายเดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 5 ก.ย. 49 4 ก.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.38 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.1964/37.4877 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.1175 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 703.53/11.84 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,050/11,150 11,050/11,150 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 62.71 64.11 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 5 ก.ย. 49 28.09*/27.29* 28.49/27.69 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--