กรุงเทพ--8 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวานนี้ (7 มีนาคม 2548) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการหารือระหว่างคณะผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยนายนิสสัย เวชชาชีวะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษกับนาย Ekmeleddin Ihsanoglu เลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference — OIC) ที่เมืองเจดดาห์ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2548 สรุปได้ดังนี้
1. ผู้เข้าร่วมหารือฝ่ายไทยประกอบด้วยนายนิสสัย เวชชาชีวะ นายมหดี วิมานะ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน และนายจรัญ มะลูลีม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนา อิสลาม โดยมีอุปทูต ณ กรุงริยาด และกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ เข้าร่วมด้วย สำหรับฝ่าย OIC ผู้เข้าร่วมหารือประกอบด้วยเลขาธิการ OIC นาย Ezzat K. Mufti ผู้ช่วยเลขาธิการฝ่าย การเมือง และนาย Abdullah A. Kharbasb ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการชนกลุ่มน้อยมุสลิม ซึ่ง บรรยากาศของการหารือเป็นไปอย่างเป็นกันเองและตรงไปตรงมา
2. คณะผู้แทนพิเศษได้แจ้งให้เลขาธิการ OIC ทราบถึงความตั้งใจของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ให้คณะมาพบปะหารือกับเลขาธิการ OIC เพื่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกต้องของสถานการณ์ในภาคใต้ของไทย รวมถึงการดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลที่ผ่านมา
3. เลขาธิการ OIC ได้แสดงความขอบคุณพร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเยือนของคณะผู้แทนพิเศษและแจ้งว่าได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทยและมีความห่วงใยเพราะตามข่าวมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากประมาณ 600 คน ซึ่งการที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากผู้แทนของไทยโดยตรง จะทำให้เกิดความกระจ่างกับตนเองและสมาชิก OIC และแจ้งว่า OIC เคารพในอธิปไตยและการดำเนินการของรัฐบาลไทย และไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดแบ่งแยกดินแดนและแบ่งแยกทางศาสนารวมทั้งไม่เห็นด้วยต่อการใช้ความรุนแรง และคัดค้านการฆ่าหรือทำลายผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด
4. คณะผู้แทนพิเศษได้ชี้แจงแก่เลขาธิการ OIC โดยละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ ที่กรือเซะและตากใบ พร้อมทั้งได้มอบเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ด้วย รวมทั้งแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับ การดำเนินการของรัฐบาลในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอิสระกรณีเหตุการณ์ที่กรือเซะและ ตากใบ โดยเฉพาะการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับมาตรการชดใช้ค่าเสียหาย การเยียวยา การดำเนินทางกฎหมายและวินัยต่อผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ทั้งสอง ซึ่งเลขาธิการ OIC ได้แสดงความพอใจและกล่าวขอบคุณที่ฝ่ายไทยได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจน และขอให้ฝ่ายไทยแจ้งให้ทราบผลคืบหน้าของการดำเนินการของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับผู้กระทำผิดในกรณี ที่กรือเซะและตากใบ เพื่อจะได้ชี้แจงให้สมาชิก OIC ทราบต่อไป
5. คณะผู้แทนพิเศษแจ้งแก่เลขาธิการ OIC ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประสงค์จะเชิญเลขาธิการ OIC มาเยือนไทย เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ซึ่งเลขาธิการ OIC ได้ตอบรับในหลักการและแจ้งความประสงค์ที่จะให้มีคณะผู้แทนสันถวไมตรี (Goodwill Mission) มาเยือนไทยเพื่อเป็นการปูทางในเบื้องต้นก่อนเพื่อให้การเยือนของเลขาธิการ OIC ได้ผลมากที่สุด
6. ในการหารือกันครั้งนี้ คณะผู้แทนพิเศษได้ชี้แจงกับฝ่าย OIC ตามที่ OIC ได้เคยแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้ว่า รัฐบาลมีนโยบายระยะยาวในการฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษาแก่ประชาชน ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ ทางด้านการศึกษา รัฐบาลได้ประสานกับมหาวิทยาลัยอัลอาซา ของอียิปต์ ในการจัดตั้งสาขาของมหาวิทยาลัยดังกล่าวในประเทศไทย ตลอดจนการช่วยร่าง หลักสูตร การจัดตั้งธนาคารอิสลาม และความร่วมมือกับมาเลเซียในการจัดตั้งคณะกรรมการ ร่วมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน (JDS) เป็นต้น
7. อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า การส่งคณะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปพบเลขาธิการ OIC ในครั้งนี้ เป็นความริเริ่มของฝ่ายไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่ไทยพร้อมที่จะร่วมมืออย่างสร้างสรรค์กับ OIC ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อการเป็นประเทศผู้สังเกตุการณ์ของไทยใน OIC รวมทั้งเป็นการให้ความสำคัญต่อ ชาวไทยมุสลิมในประเทศไทยด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวานนี้ (7 มีนาคม 2548) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการหารือระหว่างคณะผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยนายนิสสัย เวชชาชีวะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษกับนาย Ekmeleddin Ihsanoglu เลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference — OIC) ที่เมืองเจดดาห์ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2548 สรุปได้ดังนี้
1. ผู้เข้าร่วมหารือฝ่ายไทยประกอบด้วยนายนิสสัย เวชชาชีวะ นายมหดี วิมานะ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน และนายจรัญ มะลูลีม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนา อิสลาม โดยมีอุปทูต ณ กรุงริยาด และกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ เข้าร่วมด้วย สำหรับฝ่าย OIC ผู้เข้าร่วมหารือประกอบด้วยเลขาธิการ OIC นาย Ezzat K. Mufti ผู้ช่วยเลขาธิการฝ่าย การเมือง และนาย Abdullah A. Kharbasb ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการชนกลุ่มน้อยมุสลิม ซึ่ง บรรยากาศของการหารือเป็นไปอย่างเป็นกันเองและตรงไปตรงมา
2. คณะผู้แทนพิเศษได้แจ้งให้เลขาธิการ OIC ทราบถึงความตั้งใจของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ให้คณะมาพบปะหารือกับเลขาธิการ OIC เพื่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกต้องของสถานการณ์ในภาคใต้ของไทย รวมถึงการดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลที่ผ่านมา
3. เลขาธิการ OIC ได้แสดงความขอบคุณพร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเยือนของคณะผู้แทนพิเศษและแจ้งว่าได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทยและมีความห่วงใยเพราะตามข่าวมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากประมาณ 600 คน ซึ่งการที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากผู้แทนของไทยโดยตรง จะทำให้เกิดความกระจ่างกับตนเองและสมาชิก OIC และแจ้งว่า OIC เคารพในอธิปไตยและการดำเนินการของรัฐบาลไทย และไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดแบ่งแยกดินแดนและแบ่งแยกทางศาสนารวมทั้งไม่เห็นด้วยต่อการใช้ความรุนแรง และคัดค้านการฆ่าหรือทำลายผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด
4. คณะผู้แทนพิเศษได้ชี้แจงแก่เลขาธิการ OIC โดยละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ ที่กรือเซะและตากใบ พร้อมทั้งได้มอบเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ด้วย รวมทั้งแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับ การดำเนินการของรัฐบาลในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอิสระกรณีเหตุการณ์ที่กรือเซะและ ตากใบ โดยเฉพาะการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับมาตรการชดใช้ค่าเสียหาย การเยียวยา การดำเนินทางกฎหมายและวินัยต่อผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ทั้งสอง ซึ่งเลขาธิการ OIC ได้แสดงความพอใจและกล่าวขอบคุณที่ฝ่ายไทยได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจน และขอให้ฝ่ายไทยแจ้งให้ทราบผลคืบหน้าของการดำเนินการของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับผู้กระทำผิดในกรณี ที่กรือเซะและตากใบ เพื่อจะได้ชี้แจงให้สมาชิก OIC ทราบต่อไป
5. คณะผู้แทนพิเศษแจ้งแก่เลขาธิการ OIC ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประสงค์จะเชิญเลขาธิการ OIC มาเยือนไทย เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ซึ่งเลขาธิการ OIC ได้ตอบรับในหลักการและแจ้งความประสงค์ที่จะให้มีคณะผู้แทนสันถวไมตรี (Goodwill Mission) มาเยือนไทยเพื่อเป็นการปูทางในเบื้องต้นก่อนเพื่อให้การเยือนของเลขาธิการ OIC ได้ผลมากที่สุด
6. ในการหารือกันครั้งนี้ คณะผู้แทนพิเศษได้ชี้แจงกับฝ่าย OIC ตามที่ OIC ได้เคยแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้ว่า รัฐบาลมีนโยบายระยะยาวในการฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษาแก่ประชาชน ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ ทางด้านการศึกษา รัฐบาลได้ประสานกับมหาวิทยาลัยอัลอาซา ของอียิปต์ ในการจัดตั้งสาขาของมหาวิทยาลัยดังกล่าวในประเทศไทย ตลอดจนการช่วยร่าง หลักสูตร การจัดตั้งธนาคารอิสลาม และความร่วมมือกับมาเลเซียในการจัดตั้งคณะกรรมการ ร่วมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน (JDS) เป็นต้น
7. อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า การส่งคณะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปพบเลขาธิการ OIC ในครั้งนี้ เป็นความริเริ่มของฝ่ายไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่ไทยพร้อมที่จะร่วมมืออย่างสร้างสรรค์กับ OIC ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อการเป็นประเทศผู้สังเกตุการณ์ของไทยใน OIC รวมทั้งเป็นการให้ความสำคัญต่อ ชาวไทยมุสลิมในประเทศไทยด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-