พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 23/2549 คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่วันที่ 22-28 ก.พ. 2549 ในช่วงวันที่ 22-24 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ และอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ในช่วงวันที่ 25-28 ก.พ. ความกดอากาศสูงที่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีกำลังอ่อนลง และมีลมตะวันออกพัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้มีฝนบางแห่งกับมีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า ข้อควรระวัง ระยะนี้เกษตรกรควรงดการเผาหญ้าแห้งและฟางข้าว โดยเฉพาะบริเวณใกล้ถนน เพราะจะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง และป้องกันการเกิดอัคคีภัยด้วย ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้ เหนือ ในตอนเช้ามีหมอกและอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-28 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น ในตอนเช้ามีหมอกและอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-28 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น เนื่องจากระยะนี้จะมีหมอกเพิ่มขึ้น ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะขณะผ่านบริเวณที่มีหมอก สำหรับลำไยที่กำลังออกดอกและติดผลอ่อน เกษตรกรควรดูแลให้น้ำรวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของไรชนิดต่างๆ ตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกกับอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ทางตอนบนของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-28 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น มีหมอกกับอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ทางตอนบนของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-28 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น เกษตรกรควรคลุมแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง เพื่อสงวนความชื้นในดิน สำหรับเกษตรกรที่อยู่นอกเขตพื้นที่ชลประทาน หากต้องการปลูกพืชควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย กลาง มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส ทางตอนบนและด้านตะวันตกของภาคมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-28 ก.พ. อุณหภูมิสูงขึ้น มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส ทางตอนบนและด้านตะวันตกของภาคมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-28 ก.พ. อุณหภูมิสูงขึ้น ระยะนี้มีฝนตกน้อยและอัตราการระเหยของน้ำมีมาก เกษตรกรจึงควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต สำหรับผู้ที่ปลูกไม้ดอกควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ดอกแคระแกร็น อนึ่ง ควรระวังการเกิดอัคคีภัยและงดเว้นการเผาหญ้าแห้ง หรือฟางข้าว ตะวันออก มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30 % ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่งตลอดช่วง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ 10-30 % ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่งตลอดช่วง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของพืชโดยเฉพาะไม้ผลที่กำลังติดผลอ่อน ดังนั้นเกษตรกรจึงควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ ส่วนชาวสวนทุเรียนควรระวังและป้องกันการระบาดของหนอนชนิดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผลอ่อนร่วงหล่น ใต้ ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 22-24 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 %ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-27 ก.พ. มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 %ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 22-24 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 %ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-27 ก.พ. มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 %ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชผักและพืชไร่ควรดูแลให้น้ำ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ส่วนชาวสวนยางพาราโดยเฉพาะทางด้านตะวันตกของภาคควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย เช่น ทำแนวกันไฟรอบๆ พื้นที่การเกษตร ถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74-สส-