คำถาม : RAPEX คืออะไร
คำตอบ : RAPEX (Rapid Alert System for Non-Food Products) เป็นระบบการแจ้งเตือนภัยเร่งด่วนสำหรับสินค้าที่มิ
ใช่อาหาร กำหนดโดยคณะกรรมาธิการยุโรป (The European Commission) ภายใต้ระเบียบว่าด้วยความปลอดภัยโดยทั่วไปของสินค้า
(General Product Safety Directive) ของสหภาพยุโรป (European Union : EU)
RAPEX มีจุดเริ่มต้นจากนโยบายคุ้มครองผู้บริโภคของ EU ภายใต้ The EU Consumer Policy Strategy for 2002-2006 ซึ่ง
กำหนดให้ประเทศสมาชิก EU มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันโดยเฉพาะข้อมูลด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค ต่อมาสหภาพยุโรปได้ริเริ่มระบบ
RAPEX สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมที่มิใช่อาหาร (ยกเว้นเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นระบบเตือนภัยสำหรับ ผู้บริโภคในประเทศ
สมาชิก EU ให้ทราบถึงอันตรายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สินค้าดังกล่าวเพื่อหาทางป้องกัน หรือกำหนดระเบียบควบคุมการใช้และการโฆษณา
สินค้าเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที ขั้นตอนการดำเนินการของ RAPEX มีดังนี้
เมื่อประเทศสมาชิก EU ตรวจพบสินค้า (ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า) ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค แต่ละ
ประเทศจะส่งคืนสินค้า ชะลอการนำเข้า ห้ามวางจำหน่าย หรือมีคำสั่งให้ทำลายสินค้าดังกล่าวทันที หลังจากนั้นหน่วยงาน National Contact
Point ของประเทศ ที่ตรวจพบความผิดปกตินั้นจะรายงานถึงอันตรายของสินค้าดังกล่าว ตลอดจนการควบคุมและคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคที่
ได้ดำเนินการไปแล้ว ผ่านหน่วยงาน Directorate-General Health and Consumer Protection ไปยังคณะกรรมาธิการยุโรป
คณะกรรมาธิการยุโรปจะส่งข้อมูลดังกล่าวต่อไปยัง National Contact Point ของประเทศสมาชิก EU อื่น ๆ เพื่อให้ดำเนิน
มาตรการป้องกันความเสี่ยงจากสินค้านั้น โดยจะออกเอกสารแจ้งรายการสินค้าที่เป็นอันตรายเหล่านั้นเป็นรายสัปดาห์ (Weekly Overviews of
RAPEX Notifications)
National Contact Point ของประเทศสมาชิก EU แต่ละประเทศจะตรวจสอบว่ามีสินค้านั้นหลงเหลืออยู่ในตลาดในประเทศหรือไม่
พร้อมทั้งตรวจสอบว่ามีการดำเนินการส่งคืน ชะลอการนำเข้า ห้ามวางจำหน่าย หรือมีคำสั่งให้ทำลายสินค้าดังกล่าวแล้วหรือยัง
ทั้งนี้ ความเสี่ยงของสินค้าตามนิยามของ RAPEX หมายถึง ความเป็นไปได้ที่สินค้านั้นจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและความปลอดภัยของ
ผู้บริโภค ความเสี่ยงของสินค้าแบ่งได้หลายประเภท อาทิ ความเสี่ยงด้านเคมี (Chemical) ด้านกลไก (Mechanical) ไฟฟ้า
(Electrical) ความร้อน (Heat) และรังสี (Radiation) เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงในแต่ละด้านมีระดับแตกต่างกันไปตามประเภทสินค้า เช่น ความ
เสี่ยงด้านกลไก (Mechanical Risks) แบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้
Slight Serious Very Serious
ความเป็นไปได้ในการก่อให้เกิด ความเป็นไปได้ในการก่อให้เกิด ความเป็นไปได้ในการก่อให้เกิด
อุบัติเหตุต่ำ (ต่ำกว่า 2%) ซึ่ง อุบัติเหตุค่อนข้างสูง (ประมาณ อุบัติเหตุสูง (มากกว่า15%) ซึ่ง
หากได้รับบาดเจ็บไม่ต้องเข้ารับ 2-15%) ซึ่งหากได้รับบาดเจ็บ หากได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับ
การรักษาในโรงพยาบาล เช่น ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล การรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน
ถูกบาดเป็นแผลเล็กน้อย เช่น นิ้วขาด หรือระบบการมองเห็น เช่น อวัยวะภายในได้รับความ
และการได้ยินไม่สามารถใช้การได้ กระทบกระเทือน ตาบอด หูหนวก
ชั่วคราว เป็นต้น หรือสูญเสียแขนขา เป็นต้น
ที่มา : Guidelines for the Management of the Community Rapid Information System (RAPEX)
หากประเทศผู้นำเข้าตรวจพบว่าสินค้ามีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายในระดับใด ก็จะดำเนินมาตรการป้องกันเข้มงวดขึ้นเป็นลำดับ เช่น
แจ้งเตือนผู้บริโภค ส่งคืนสินค้า จนกระทั่งห้ามจำหน่ายและทำลาย สินค้าในที่สุด
ในกรณีของประเทศไทย จากรายงานของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่าสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมสินค้าอาหาร) ของ
ไทยหลายรายการ อาทิ เสื้อผ้าเด็กที่ใช้สีที่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตราย ของเล่นเด็กที่ก่อให้เกิดเสียงดังเกินมาตรฐาน และเครื่องใช้ไฟฟ้าบาง
รายการที่ไม่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย ถูกผู้นำเข้าจาก EU แจ้งเตือนภัยไปยังประเทศสมาชิกว่าเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และห้ามวางจำหน่าย
พร้อมทั้งเรียกคืนจากผู้บริโภค
ระบบ RAPEX นับเป็นหนึ่งในมาตรการคุ้มครองสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริโภคซึ่ง EU ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้
ประกอบการไทยจึงควรศึกษาระบบดังกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อปรับปรุงการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานตามที่ EU กำหนด อันจะช่วยลดข้อผิดพลาด
และ ความเสียหายจากการที่สินค้าถูกตีกลับหรือห้ามนำเข้าไปจำหน่ายใน EU ได้อย่างทันท่วงที
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤศจิกายน 2549--
-พห-
คำตอบ : RAPEX (Rapid Alert System for Non-Food Products) เป็นระบบการแจ้งเตือนภัยเร่งด่วนสำหรับสินค้าที่มิ
ใช่อาหาร กำหนดโดยคณะกรรมาธิการยุโรป (The European Commission) ภายใต้ระเบียบว่าด้วยความปลอดภัยโดยทั่วไปของสินค้า
(General Product Safety Directive) ของสหภาพยุโรป (European Union : EU)
RAPEX มีจุดเริ่มต้นจากนโยบายคุ้มครองผู้บริโภคของ EU ภายใต้ The EU Consumer Policy Strategy for 2002-2006 ซึ่ง
กำหนดให้ประเทศสมาชิก EU มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันโดยเฉพาะข้อมูลด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค ต่อมาสหภาพยุโรปได้ริเริ่มระบบ
RAPEX สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมที่มิใช่อาหาร (ยกเว้นเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นระบบเตือนภัยสำหรับ ผู้บริโภคในประเทศ
สมาชิก EU ให้ทราบถึงอันตรายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สินค้าดังกล่าวเพื่อหาทางป้องกัน หรือกำหนดระเบียบควบคุมการใช้และการโฆษณา
สินค้าเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที ขั้นตอนการดำเนินการของ RAPEX มีดังนี้
เมื่อประเทศสมาชิก EU ตรวจพบสินค้า (ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า) ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค แต่ละ
ประเทศจะส่งคืนสินค้า ชะลอการนำเข้า ห้ามวางจำหน่าย หรือมีคำสั่งให้ทำลายสินค้าดังกล่าวทันที หลังจากนั้นหน่วยงาน National Contact
Point ของประเทศ ที่ตรวจพบความผิดปกตินั้นจะรายงานถึงอันตรายของสินค้าดังกล่าว ตลอดจนการควบคุมและคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคที่
ได้ดำเนินการไปแล้ว ผ่านหน่วยงาน Directorate-General Health and Consumer Protection ไปยังคณะกรรมาธิการยุโรป
คณะกรรมาธิการยุโรปจะส่งข้อมูลดังกล่าวต่อไปยัง National Contact Point ของประเทศสมาชิก EU อื่น ๆ เพื่อให้ดำเนิน
มาตรการป้องกันความเสี่ยงจากสินค้านั้น โดยจะออกเอกสารแจ้งรายการสินค้าที่เป็นอันตรายเหล่านั้นเป็นรายสัปดาห์ (Weekly Overviews of
RAPEX Notifications)
National Contact Point ของประเทศสมาชิก EU แต่ละประเทศจะตรวจสอบว่ามีสินค้านั้นหลงเหลืออยู่ในตลาดในประเทศหรือไม่
พร้อมทั้งตรวจสอบว่ามีการดำเนินการส่งคืน ชะลอการนำเข้า ห้ามวางจำหน่าย หรือมีคำสั่งให้ทำลายสินค้าดังกล่าวแล้วหรือยัง
ทั้งนี้ ความเสี่ยงของสินค้าตามนิยามของ RAPEX หมายถึง ความเป็นไปได้ที่สินค้านั้นจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและความปลอดภัยของ
ผู้บริโภค ความเสี่ยงของสินค้าแบ่งได้หลายประเภท อาทิ ความเสี่ยงด้านเคมี (Chemical) ด้านกลไก (Mechanical) ไฟฟ้า
(Electrical) ความร้อน (Heat) และรังสี (Radiation) เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงในแต่ละด้านมีระดับแตกต่างกันไปตามประเภทสินค้า เช่น ความ
เสี่ยงด้านกลไก (Mechanical Risks) แบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้
Slight Serious Very Serious
ความเป็นไปได้ในการก่อให้เกิด ความเป็นไปได้ในการก่อให้เกิด ความเป็นไปได้ในการก่อให้เกิด
อุบัติเหตุต่ำ (ต่ำกว่า 2%) ซึ่ง อุบัติเหตุค่อนข้างสูง (ประมาณ อุบัติเหตุสูง (มากกว่า15%) ซึ่ง
หากได้รับบาดเจ็บไม่ต้องเข้ารับ 2-15%) ซึ่งหากได้รับบาดเจ็บ หากได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับ
การรักษาในโรงพยาบาล เช่น ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล การรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน
ถูกบาดเป็นแผลเล็กน้อย เช่น นิ้วขาด หรือระบบการมองเห็น เช่น อวัยวะภายในได้รับความ
และการได้ยินไม่สามารถใช้การได้ กระทบกระเทือน ตาบอด หูหนวก
ชั่วคราว เป็นต้น หรือสูญเสียแขนขา เป็นต้น
ที่มา : Guidelines for the Management of the Community Rapid Information System (RAPEX)
หากประเทศผู้นำเข้าตรวจพบว่าสินค้ามีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายในระดับใด ก็จะดำเนินมาตรการป้องกันเข้มงวดขึ้นเป็นลำดับ เช่น
แจ้งเตือนผู้บริโภค ส่งคืนสินค้า จนกระทั่งห้ามจำหน่ายและทำลาย สินค้าในที่สุด
ในกรณีของประเทศไทย จากรายงานของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่าสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมสินค้าอาหาร) ของ
ไทยหลายรายการ อาทิ เสื้อผ้าเด็กที่ใช้สีที่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตราย ของเล่นเด็กที่ก่อให้เกิดเสียงดังเกินมาตรฐาน และเครื่องใช้ไฟฟ้าบาง
รายการที่ไม่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย ถูกผู้นำเข้าจาก EU แจ้งเตือนภัยไปยังประเทศสมาชิกว่าเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และห้ามวางจำหน่าย
พร้อมทั้งเรียกคืนจากผู้บริโภค
ระบบ RAPEX นับเป็นหนึ่งในมาตรการคุ้มครองสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริโภคซึ่ง EU ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้
ประกอบการไทยจึงควรศึกษาระบบดังกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อปรับปรุงการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานตามที่ EU กำหนด อันจะช่วยลดข้อผิดพลาด
และ ความเสียหายจากการที่สินค้าถูกตีกลับหรือห้ามนำเข้าไปจำหน่ายใน EU ได้อย่างทันท่วงที
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤศจิกายน 2549--
-พห-