พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 30/2549 คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่วันที่ 10-16 มีนาคม 2549 ในช่วงวันที่ 10-11 มี.ค. ลมใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อน และมีอากาศร้อนจัดบางแห่ง กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. จะมีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะของพายุฝน ฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตก และอุณหภูมิจะลดลง โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนภาคอื่น ๆ ในช่วงวันที่ 15-16 มี.ค. ความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะอ่อนกำลังลง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติดังกล่าวไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2 — 3 เมตร ขอชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้ เหนือ อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่บริเวณจังหวัดตาก และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค เว้นแต่ในตอนเช้าอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก 10-25 กม./ชม. อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่บริเวณจังหวัดตาก และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค เว้นแต่ในตอนเช้าอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง อาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก 10-25 กม./ชม. เกษตรกรควรระวังความเสียหายของผลผลิตการเกษตรที่ตากไว้กลางแจ้ง และสำหรับสภาพอากาศที่แห้งทำให้น้ำระเหยได้เร็ว ดังนั้นจึงควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นของดิน ตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในตอนเช้ามีอากาศเย็นส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ 20-30 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 30-60 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในตอนเช้ามีอากาศเย็นส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ 20-30 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 30-60 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค.มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรผูกยึดและ ค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้แข็งแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง และ ป้ายโฆษณาสูงๆ ขณะลมแรง กลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บางแห่ง ลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30 % ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บางแห่ง ลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เกษตรกรจึงควรหลีกเลี่ยงการ อยู่กลางแจ้งขณะมีฝนฟ้าคะนอง เนื่องจากระยะนี้จะมีอุณหภูมิสูงในตอนกลางวัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยฉีดน้ำบนหลังคา หรือใช้กระสอบป่านชุบน้ำแล้วนำไปวางบริเวณโรงเรือนนอกจากนี้ควรระวังโรค ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ตะวันออก อากาศร้อนทางตอนบนของภาคในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่งตามบริเวณชายฝั่งและเทือกเขา ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 30-60 %ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. อากาศร้อนทางตอนบนของภาคในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่งตามบริเวณชายฝั่งและเทือกเขา ลมใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 30-60 %ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนองและ ลมกระโชกแรง ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นขณะลม พัดแรง นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง ใต้ ทางฝั่งตะวันออกมีเมฆบางส่วน ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 12-15 มี.ค. มีฝน ฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีเมฆบางส่วน ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทางฝั่งตะวันออกมีเมฆบางส่วน ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เว้นแต่ในช่วงวันที่ 12-15 มี.ค. มีฝน ฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีเมฆบางส่วน ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. สำหรับบริเวณที่มีฝนตกน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างพอเพียงโดยเฉพาะต้นพืชที่ปลูกใหม่ ส่วนชาวสวนยางพาราทางภาคใต้ฝั่งตะวันตกควรระวังการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบบริเวณสวน และดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังการจุดไฟใช้งานแล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74-สส-