พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งแต่ระหว่างวันที่ 9 - 15 ม.ค. 2549

ข่าวทั่วไป Monday January 9, 2006 14:30 —กรมอุตุนิยมวิทยา

          พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร  
วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 4/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 9-15 ม.ค.49
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนอ่อนกำลังลง แต่ยังคงทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็น และมีหมอกเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลงและคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยมี กำลังอ่อนลงอีก ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มขึ้นอีกหลายพื้นที่ในตอนเช้า ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งและคลื่นลมใน อ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงอีก
ข้อควรระวัง
ในระยะนี้ประเทศไทยตอนบนจะมีหมอกเพิ่มมากขึ้น ขอให้ผู้ที่เดินทางระมัดระวังอันตรายในการขับขี่ยานพาหนะบริเวณที่มีหมอก ส่วนชาวเรือในอ่าวไทยบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ขอให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงด้วย
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้
เหนือ
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้มีหมอกในหลายพื้นที่เกษตรกรควรระวังความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตรที่ตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน นอกจากนี้ควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนขณะผ่านบริเวณที่มีหมอก
ตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงที่มีหมอกชาวสวนมะม่วงควรระวังการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา และเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งดังนั้นจึงควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ พืชผัก และไม้ผล
กลาง
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศา ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศา ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในระยะนี้อากาศแห้งเกษตรกรควรระวังการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า โดยดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากใช้งานแล้ว สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง
ตะวันออก
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้มีฝนตกน้อยเกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำให้ได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในไม้ผลโดยเฉพาะที่อยู่ในระยะออกดอก เพราะจะทำให้ตาดอกเหี่ยวแห้ง
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกอากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา ตลอดสัปดาห์ ส่วนตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 30-40 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. และในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-20 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่เกือบตลอดสัปดาห์ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม/ชม.
ทางฝั่งตะวันออกอากาศเย็นในตอนเช้าทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา ตลอดสัปดาห์ ส่วนตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 30-40 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. และในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-20 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่เกือบตลอดสัปดาห์ ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม/ชม. ระยะนี้บริเวณตอนบนของภาคอากาศเย็น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเพิ่มอุณหภูมิน้ำและลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิต่ำสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย สำหรับบริเวณที่ยังมีฝนตกเกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ด้วย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง อนึ่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไปจะมีกำลังแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ