นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ(คต.)ร่วมกับสำนักงานคณะผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปแห่งประเทศไทย จัดสัมมนาระเบียบวัสดุสัมผัสอาหารของสหภาพยุโรปในหัวข้อ “Doing Business with the EU — Understand the Challenges of EU’s Food Contact Materials Requirements” ในวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2549 เวลา 8.30-16.30 น. ณ โรงแรมสวิสโฮเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของไทยรวมทั้งสมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมและผู้สนใจด้านการส่งออกบรรจุภัณฑ์อาหารไปตลาดสหภาพยุโรป สาระสำคัญของระเบียบวัสดุสัมผัสอาหารจะบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพยุโรป ส่วนสาระความรู้เกี่ยวกับการให้บริการตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับระเบียบสหภาพยุโรปและแนวโน้มการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใหม่ที่มีคุณสมบัติในการยืดอายุอาหาร ถนอมอาหารหรือบ่งบอกคุณภาพของอาหารได้ นั้น จะบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐของไทย โดยการสัมมนาครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ในปี 2547 สหภาพยุโรปได้ออกระเบียบว่าด้วยวัสดุสัมผัสอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้สัมผัสอาหารจะไม่ส่งผ่านสารที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของอาหารและก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค โดยระเบียบดังกล่าวจะมีรายละเอียดค่อนข้างมากและลงลึกถึงวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์หรือวัสดุสัมผัสอาหาร นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในแต่ละเรื่องของระเบียบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการบรรจุหีบห่ออาหารที่มีการนำวัสดุและสิ่งใหม่ๆมาใช้ในการผลิต
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ระเบียบดังกล่าวได้กำหนดรายการวัสดุที่อนุญาตให้ใช้ และกำหนดให้ติดฉลาก “suitable for food contact” หรือตราสัญลักษณ์ของสหภาพยุโรปหากได้รับการเห็นชอบให้สามารถวางจำหน่ายได้ใน EU ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสินค้าอาหารไทยที่มีการบรรจุหีบห่อหรือกล่อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีจุดประสงค์เพื่อสัมผัสอาหารด้วย
อนึ่ง สหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย ซึ่งมีมูลค่าส่งออกสูงถึงประมาณปีละ 561,363.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.5 ของมูลค่าการส่งออกในตลาดโลก โดยในปี 2548 ประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารที่มีบรรจุภัณฑ์ไปสหภาพยุโรป เช่น อาหารทะเลกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ผักกระป๋อง สิ่งปรุงรสอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ มูลค่า 67081.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ร้อยละ 20 และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 มีมูลค่าส่งออก 38,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงร้อยละ 23
ทั้งนี้ ท่านผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนาสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักมาตรการทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร 0- 2547-4734 โทรสาร 0-2547-4736 E-mail: [email protected] หรือ เว็บไซต์ www.dft.moc.go.th
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-
ในปี 2547 สหภาพยุโรปได้ออกระเบียบว่าด้วยวัสดุสัมผัสอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้สัมผัสอาหารจะไม่ส่งผ่านสารที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของอาหารและก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค โดยระเบียบดังกล่าวจะมีรายละเอียดค่อนข้างมากและลงลึกถึงวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์หรือวัสดุสัมผัสอาหาร นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในแต่ละเรื่องของระเบียบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการบรรจุหีบห่ออาหารที่มีการนำวัสดุและสิ่งใหม่ๆมาใช้ในการผลิต
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ระเบียบดังกล่าวได้กำหนดรายการวัสดุที่อนุญาตให้ใช้ และกำหนดให้ติดฉลาก “suitable for food contact” หรือตราสัญลักษณ์ของสหภาพยุโรปหากได้รับการเห็นชอบให้สามารถวางจำหน่ายได้ใน EU ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสินค้าอาหารไทยที่มีการบรรจุหีบห่อหรือกล่อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีจุดประสงค์เพื่อสัมผัสอาหารด้วย
อนึ่ง สหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย ซึ่งมีมูลค่าส่งออกสูงถึงประมาณปีละ 561,363.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.5 ของมูลค่าการส่งออกในตลาดโลก โดยในปี 2548 ประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารที่มีบรรจุภัณฑ์ไปสหภาพยุโรป เช่น อาหารทะเลกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ผักกระป๋อง สิ่งปรุงรสอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ มูลค่า 67081.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ร้อยละ 20 และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 มีมูลค่าส่งออก 38,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงร้อยละ 23
ทั้งนี้ ท่านผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนาสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักมาตรการทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร 0- 2547-4734 โทรสาร 0-2547-4736 E-mail: [email protected] หรือ เว็บไซต์ www.dft.moc.go.th
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-