ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 48 ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน รายงานข่าวจาก ธปท. แจ้งถึงภาวะ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 48 ว่า ภาพรวมของธุรกิจชะลอตัวลงอย่างชัดเจนจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงและเลื่อน
การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไป ด้านผู้ประกอบการมีการปรับตัวโดยชะลอการลงทุนออกไปเช่นกันและหันไปพัฒนาที่
อยู่อาศัยที่มีขนาดเล็กและมีราคาต่ำลงมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยในปี 48 การซื้อขายที่ดิน
ทั้งประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 614,837 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 79,502 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 11.5
โดยเดือน ธ.ค.48 เดือนเดียวมูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศลดลงจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 49 ขณะที่พื้นที่ได้รับ
อนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั้งประเทศมีจำนวน 49.63 ล้านตารางเมตร ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
3.06 ล้านตารางเมตร หรือลดลงร้อยละ 13.5 ส่วนราคาที่อยู่อาศัยพบว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินและดัชนี
ราคาทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดินขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8 และร้อยละ 6 ตามลำดับ เทียบกับปี 47
ที่ขยายตัวร้อยละ 5.4 และ 3.5 ทั้งนี้ ราคาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของราคาและค่า
ขนส่งวัสดสุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี สำหรับยอดคงค้างสินเชื่อของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว
ร้อยละ 8.3 ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 14.6 แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการควบ
รวมและยกระดับของ บง. และ บค. เป็น ธ.พาณิชย์ รวม 3 แห่ง ในไตรมาสสุดท้ายปี 48 (มติชน,กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธ.พาณิชย์เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ นายพงศธร สิริโยธิน รอง กก.ผจก.อาวุโส
ธ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารกำลังรอดู
นโยบายเรื่องของ ธปท. ที่ประชุมในวันที่ 8 มี.ค.นี้ พร้อมกับติดตามดูทิศทางดอกเบี้ยของ ธ.พาณิชย์ขนาดใหญ่และ
ธ.ต่างประเทศ ส่วนกรณีที่บางธนาคารได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปนั้นขึ้นอยู่กับช่วงระยะเวลาและความเหมาะสมของแต่ละ
ธนาคาร ด้าน นายตรรก บุนนาค ผอฝ.อาวุโส ฝ่ายบริหารเงิน ธ.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในวันที่ 6 มี.ค.นี้
ธนาคารจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ โดยจะอ้างอิงดอกเบี้ย
ธ.กสิกรไทยที่ได้มีการปรับขึ้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่แหล่งข่าวจาก ธ.นครหลวงไทย กล่าวว่า ในวันที่
6 มี.ค.นี้ ธนาคารจะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อีกร้อยละ 0.25 แต่ในส่วนของดอกเบี้ยเงินฝากยังไม่จำเป็นต้อง
ปรับขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากแล้วหลายครั้ง ด้านแหล่งข่าวจาก
ธ.ทหารไทย กล่าวว่า เชื่อว่าในสัปดาห์นี้ ธ.พาณิชย์ทุกแห่งจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม ธ.กสิกรไทย โดยใน
ส่วนของธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากประจำจะต้องรอผลการ
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ในขณะที่ ดร.ภากร ปิตธวัชชัย ผช.ผจก.ใหญ่
สายบริหารการเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่ปรับดอกเบี้ยตาม ธ.กสิกรไทย เนื่องจากอยู่
ระหว่างการติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นกรณีที่ไม่ปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม โดยสัปดาห์นี้ธนาคารจะมีการประชุมเพื่อพิจารณา
อีกครั้ง รวมถึงต้องรอการประชุมของ กนง. ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.คลังกำหนดจัดทำทีโออาร์โครงการเมกะโปรเจกต์ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน มี.ค.49
นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สนง.บริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลจะเลื่อนการยื่นข้อเสนอทางเทคนิค
ของโครงการโมเดิร์นไนซ์ไทยแลนด์ออกไปอีก 1 เดือน อาจจะส่งผลกระทบให้การพิจารณาทางการเงินต้องล่าช้า
ออกไป แต่ทางด้านคณะทำงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการพิจารณาเงื่อนไขทางการเงินของโครงการยังคงมีการเตรียม
ความพร้อมตามปกติ ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะกระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศหรือไม่นั้น หากโครงการ
ยังไม่เกิดขึ้นก็ยังไม่สามารถรับรู้ว่าจะเป็นการก่อหนี้สาธารณะหรือไม่ จะต้องรอดูผลความชัดเจนของการดำเนิน
โครงการและแผนงานก่อน ถ้าหากโครงการยังไม่เกิดขึ้นการจัดการกับหนี้สาธารณะก็จะง่ายขึ้น เพราะตัวเลขหนี้
สาธารณะจะยังไม่เกิดขึ้น สำหรับรูปแบบขั้นตอนการพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการหลังจากที่เลื่อนการ
เสนอโครงการออกไปเป็นวันที่ 29 พ.ค.นั้น เป็นเรื่องการเสนอทางด้านเทคนิค โดยบางโครงการอาจจะมีการ
กำหนดรูปแบบการดำเนินงานที่แน่นอน หรือบางโครงการไม่มีการกำหนดรูปแบบการดำเนินการที่แน่นอน เมื่อถึง
วันที่ 29 พ.ค.49 คณะทำงานจะเข้ามาดูข้อเสนอของโครงการที่ยื่นมาทั้งหมด ซึ่งจะพิจารณาจากข้อเสนอของผู้
ลงทุนแต่ละราย โดยในขณะนี้คณะทำงานจะต้องเร่งทำร่างทีโออาร์ให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.49 เพื่อออก
เป็นประกาศในเดือน เม.ย.49 จากนั้นจะนำเข้าเสนอ ครม. ถ้าหาก ครม. พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับร่างที่เสนอ
เข้าไป ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย พอถึงเดือน พ.ค.49 ที่มีการยื่นข้อเสนอโครงการมาแล้ว คณะทำงานจะกำหนด
รูปแบบการทำงานที่แน่นอนได้อย่างไร ก็จะนำทีโออาร์ดังกล่าวแนบไปด้วย (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีอุตสาหกรรมภาคบริการของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49 เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ระดับ 60.1 ราย
งานจากนิวยอร์ค เมื่อ 3 มี.ค.49 The Institute for Supply Management (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนี
นอกภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. (อุตสาหกรรมภาคบริการ) ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 80 ของกิจกรรม
ทางเศรษฐกิจโดยรวมของ สรอ.ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องภายหลังจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรินาเมื่อ
เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยในเดือน ก.พ.49 เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ระดับ 60.1 จากระดับ 56.8 ในเดือนก่อนหน้า
และเหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 58.0 ทั้งนี้ สาเหตุที่ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่อง
จากอัตราเงินเฟ้อลดลง ส่วนดัชนีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ว่าความต้องการจะเพิ่มสูงขึ้น
โดยดัชนีราคา ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดภาวะเงินเฟ้อของประเทศ ในเดือน ก.พ.49 ลดลงอยู่ที่ระดับ 64.8 จากระดับ
67.2 ในเดือนก่อน ซึ่งนักวิเคราะห์เห็นว่าเป็นผลมาจากระดับราคาน้ำมันลดลง ขณะที่ดัชนีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ เพิ่ม
ขึ้นอยู่ที่ระดับ 56. จากระดับ 56.0 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนดัชนีการจ้างงานก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันโดยอยู่ที่ระดับ
58.2 จากระดับ 51.1 ในเดือนก่อน เนื่องจากการจ้างงานภายในภาคบริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือน
ส.ค.48 (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดใน
รอบมากกว่า 1 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 6 มี.ค.49 สภาผู้ประกอบการด้านวิศวกรรมหรือ EEF ของอังกฤษ
รายงานดัชนีชี้วัดผลผลิตของผู้ประกอบการด้านวิศวกรรมและด้านอุตสาหกรรมของอังกฤษในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 13 จากระดับ 1 ในเดือน ธ.ค.48 สูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปี 47 เช่นเดียวกับดัชนีชี้
วัดความคาดหวังของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกี่ยวกับผลผลิตในช่วง 3 เดือนข้างหน้าที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 21
จากระดับ 5 ในช่วง 3 เดือนก่อน สูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง โดยความคาดหวังดีขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรมย่อย ทั้งนี้
เป็นผลมาจากการขยายตัวของภาคการส่งออกซึ่งได้รับผลดีจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ
Euro zone ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของอังกฤษ ในขณะที่ความต้องการในประเทศก็กำลังเพิ่มขึ้น โดยคำสั่งซื้อสินค้าจาก
ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากลดลงต่อเนื่องกันสามไตรมาส ทั้งนี้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์เกี่ยวกับ
การขนส่งซึ่งรวมถึงเครื่องบินโดยสารมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากที่สุด เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีผลประกอบการ
ดีขึ้นมากหลังจากอยู่ในภาวะตกต่ำในปี 48 ผลผลิตที่ดีขึ้นดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะยังไม่
ลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีในเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
(รอยเตอร์)
3. นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าเงินหยวนที่เหมาะสมควรจะแข็งค่าขึ้นระหว่างร้อยละ 3.0 — ร้อยละ 50
รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 49 นาย Justin Lin ที่ปรึกษารัฐสภาของจีน ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง
ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เปิดเผยว่า ในระยะเวลาอันใกล้นี้ คาดว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.0 ซึ่งเป็นระดับที่
เหมาะสม และคาดว่าทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนจะชะลอตัวลงในปีนี้ เนื่องจากนโยบายควบคุมเศรษฐกิจมหภาค
ของจีนส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศอ่อนตัวลง และกำลังการผลิตที่มากเกินไปทำให้ผู้ส่งออกต้องส่งออกมากขึ้น ทั้งนี้ที่
ผ่านมาเงินหยวนมีค่าที่เหมาะสมและมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตเงินหยวนน่าจะแข็งค่าขึ้นร้อยละ
3.0 และไม่เกินกว่าร้อยละ 5.0 ในแต่ละปี ทั้งนี้เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้วจีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นร้อยละ
2.1 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. และเปลี่ยนเป็นระบบลอยตัวภายใต้การจัดการ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเงินหยวน
เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอีกร้อยละ 0.9 นอกจากนั้นเขายังเห็นด้วยกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
ภายใต้การจัดการว่าเป็นนโยบายที่เหมาะสมของประเทศกำลังพัฒนาเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของเงินหยวน (รอยเตอร์)
4. จีนประมาณการการขาดดุล งปม.ในปี 49 ลดลงร้อยละ 1.7 จากปีก่อนหน้า รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 5 มี.ค.49
รมว.คลัง (Jin Renqing) เปิดเผยว่า จากรายงานซึ่งเตรียมเสนอต่อ The National People’s Congress
ก.คลังได้ประมาณการรายได้ของรัฐบาลในปี 49 ที่จำนวน 3.542 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปี 48 ขณะ
ที่ประมาณการรายจ่ายที่ระดับ 3.837 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้ประมาณการการ
ขาดดุล งปม.อยู่ที่ระดับ 295 พัน ล.หยวน ลดลงร้อยละ 1.7 จากปี 48 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 300 พัน ล.หยวน ลดลงร้อย
ละ 6 จากปี 47 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 6 มี.ค. 49 3 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ง
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.792 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.6909/38.9863 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.38578 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 753.39/ 13.15 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,300/10,400 10,300/10,400 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 57.8 58.62 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 4 มี.ค. 49 26.74*/25.09** 26.44/24.69 19.69/14.59 ปตท.
**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 4 มี.ค. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 48 ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน รายงานข่าวจาก ธปท. แจ้งถึงภาวะ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 48 ว่า ภาพรวมของธุรกิจชะลอตัวลงอย่างชัดเจนจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงและเลื่อน
การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไป ด้านผู้ประกอบการมีการปรับตัวโดยชะลอการลงทุนออกไปเช่นกันและหันไปพัฒนาที่
อยู่อาศัยที่มีขนาดเล็กและมีราคาต่ำลงมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยในปี 48 การซื้อขายที่ดิน
ทั้งประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 614,837 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 79,502 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 11.5
โดยเดือน ธ.ค.48 เดือนเดียวมูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศลดลงจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 49 ขณะที่พื้นที่ได้รับ
อนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั้งประเทศมีจำนวน 49.63 ล้านตารางเมตร ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
3.06 ล้านตารางเมตร หรือลดลงร้อยละ 13.5 ส่วนราคาที่อยู่อาศัยพบว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินและดัชนี
ราคาทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดินขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8 และร้อยละ 6 ตามลำดับ เทียบกับปี 47
ที่ขยายตัวร้อยละ 5.4 และ 3.5 ทั้งนี้ ราคาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของราคาและค่า
ขนส่งวัสดสุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี สำหรับยอดคงค้างสินเชื่อของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว
ร้อยละ 8.3 ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 14.6 แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการควบ
รวมและยกระดับของ บง. และ บค. เป็น ธ.พาณิชย์ รวม 3 แห่ง ในไตรมาสสุดท้ายปี 48 (มติชน,กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธ.พาณิชย์เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ นายพงศธร สิริโยธิน รอง กก.ผจก.อาวุโส
ธ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารกำลังรอดู
นโยบายเรื่องของ ธปท. ที่ประชุมในวันที่ 8 มี.ค.นี้ พร้อมกับติดตามดูทิศทางดอกเบี้ยของ ธ.พาณิชย์ขนาดใหญ่และ
ธ.ต่างประเทศ ส่วนกรณีที่บางธนาคารได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปนั้นขึ้นอยู่กับช่วงระยะเวลาและความเหมาะสมของแต่ละ
ธนาคาร ด้าน นายตรรก บุนนาค ผอฝ.อาวุโส ฝ่ายบริหารเงิน ธ.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในวันที่ 6 มี.ค.นี้
ธนาคารจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ โดยจะอ้างอิงดอกเบี้ย
ธ.กสิกรไทยที่ได้มีการปรับขึ้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่แหล่งข่าวจาก ธ.นครหลวงไทย กล่าวว่า ในวันที่
6 มี.ค.นี้ ธนาคารจะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อีกร้อยละ 0.25 แต่ในส่วนของดอกเบี้ยเงินฝากยังไม่จำเป็นต้อง
ปรับขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากแล้วหลายครั้ง ด้านแหล่งข่าวจาก
ธ.ทหารไทย กล่าวว่า เชื่อว่าในสัปดาห์นี้ ธ.พาณิชย์ทุกแห่งจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม ธ.กสิกรไทย โดยใน
ส่วนของธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากประจำจะต้องรอผลการ
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ในขณะที่ ดร.ภากร ปิตธวัชชัย ผช.ผจก.ใหญ่
สายบริหารการเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่ปรับดอกเบี้ยตาม ธ.กสิกรไทย เนื่องจากอยู่
ระหว่างการติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นกรณีที่ไม่ปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม โดยสัปดาห์นี้ธนาคารจะมีการประชุมเพื่อพิจารณา
อีกครั้ง รวมถึงต้องรอการประชุมของ กนง. ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.คลังกำหนดจัดทำทีโออาร์โครงการเมกะโปรเจกต์ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน มี.ค.49
นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สนง.บริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลจะเลื่อนการยื่นข้อเสนอทางเทคนิค
ของโครงการโมเดิร์นไนซ์ไทยแลนด์ออกไปอีก 1 เดือน อาจจะส่งผลกระทบให้การพิจารณาทางการเงินต้องล่าช้า
ออกไป แต่ทางด้านคณะทำงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการพิจารณาเงื่อนไขทางการเงินของโครงการยังคงมีการเตรียม
ความพร้อมตามปกติ ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะกระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศหรือไม่นั้น หากโครงการ
ยังไม่เกิดขึ้นก็ยังไม่สามารถรับรู้ว่าจะเป็นการก่อหนี้สาธารณะหรือไม่ จะต้องรอดูผลความชัดเจนของการดำเนิน
โครงการและแผนงานก่อน ถ้าหากโครงการยังไม่เกิดขึ้นการจัดการกับหนี้สาธารณะก็จะง่ายขึ้น เพราะตัวเลขหนี้
สาธารณะจะยังไม่เกิดขึ้น สำหรับรูปแบบขั้นตอนการพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการหลังจากที่เลื่อนการ
เสนอโครงการออกไปเป็นวันที่ 29 พ.ค.นั้น เป็นเรื่องการเสนอทางด้านเทคนิค โดยบางโครงการอาจจะมีการ
กำหนดรูปแบบการดำเนินงานที่แน่นอน หรือบางโครงการไม่มีการกำหนดรูปแบบการดำเนินการที่แน่นอน เมื่อถึง
วันที่ 29 พ.ค.49 คณะทำงานจะเข้ามาดูข้อเสนอของโครงการที่ยื่นมาทั้งหมด ซึ่งจะพิจารณาจากข้อเสนอของผู้
ลงทุนแต่ละราย โดยในขณะนี้คณะทำงานจะต้องเร่งทำร่างทีโออาร์ให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.49 เพื่อออก
เป็นประกาศในเดือน เม.ย.49 จากนั้นจะนำเข้าเสนอ ครม. ถ้าหาก ครม. พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับร่างที่เสนอ
เข้าไป ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย พอถึงเดือน พ.ค.49 ที่มีการยื่นข้อเสนอโครงการมาแล้ว คณะทำงานจะกำหนด
รูปแบบการทำงานที่แน่นอนได้อย่างไร ก็จะนำทีโออาร์ดังกล่าวแนบไปด้วย (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีอุตสาหกรรมภาคบริการของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49 เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ระดับ 60.1 ราย
งานจากนิวยอร์ค เมื่อ 3 มี.ค.49 The Institute for Supply Management (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนี
นอกภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. (อุตสาหกรรมภาคบริการ) ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 80 ของกิจกรรม
ทางเศรษฐกิจโดยรวมของ สรอ.ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องภายหลังจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรินาเมื่อ
เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยในเดือน ก.พ.49 เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ระดับ 60.1 จากระดับ 56.8 ในเดือนก่อนหน้า
และเหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 58.0 ทั้งนี้ สาเหตุที่ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่อง
จากอัตราเงินเฟ้อลดลง ส่วนดัชนีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ว่าความต้องการจะเพิ่มสูงขึ้น
โดยดัชนีราคา ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดภาวะเงินเฟ้อของประเทศ ในเดือน ก.พ.49 ลดลงอยู่ที่ระดับ 64.8 จากระดับ
67.2 ในเดือนก่อน ซึ่งนักวิเคราะห์เห็นว่าเป็นผลมาจากระดับราคาน้ำมันลดลง ขณะที่ดัชนีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ เพิ่ม
ขึ้นอยู่ที่ระดับ 56. จากระดับ 56.0 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนดัชนีการจ้างงานก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันโดยอยู่ที่ระดับ
58.2 จากระดับ 51.1 ในเดือนก่อน เนื่องจากการจ้างงานภายในภาคบริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือน
ส.ค.48 (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตโรงงานอุตสาหกรรมของอังกฤษในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดใน
รอบมากกว่า 1 ปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 6 มี.ค.49 สภาผู้ประกอบการด้านวิศวกรรมหรือ EEF ของอังกฤษ
รายงานดัชนีชี้วัดผลผลิตของผู้ประกอบการด้านวิศวกรรมและด้านอุตสาหกรรมของอังกฤษในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 13 จากระดับ 1 ในเดือน ธ.ค.48 สูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปี 47 เช่นเดียวกับดัชนีชี้
วัดความคาดหวังของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกี่ยวกับผลผลิตในช่วง 3 เดือนข้างหน้าที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 21
จากระดับ 5 ในช่วง 3 เดือนก่อน สูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง โดยความคาดหวังดีขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรมย่อย ทั้งนี้
เป็นผลมาจากการขยายตัวของภาคการส่งออกซึ่งได้รับผลดีจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ
Euro zone ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของอังกฤษ ในขณะที่ความต้องการในประเทศก็กำลังเพิ่มขึ้น โดยคำสั่งซื้อสินค้าจาก
ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากลดลงต่อเนื่องกันสามไตรมาส ทั้งนี้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์เกี่ยวกับ
การขนส่งซึ่งรวมถึงเครื่องบินโดยสารมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากที่สุด เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีผลประกอบการ
ดีขึ้นมากหลังจากอยู่ในภาวะตกต่ำในปี 48 ผลผลิตที่ดีขึ้นดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะยังไม่
ลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีในเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
(รอยเตอร์)
3. นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าเงินหยวนที่เหมาะสมควรจะแข็งค่าขึ้นระหว่างร้อยละ 3.0 — ร้อยละ 50
รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 49 นาย Justin Lin ที่ปรึกษารัฐสภาของจีน ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง
ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เปิดเผยว่า ในระยะเวลาอันใกล้นี้ คาดว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.0 ซึ่งเป็นระดับที่
เหมาะสม และคาดว่าทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนจะชะลอตัวลงในปีนี้ เนื่องจากนโยบายควบคุมเศรษฐกิจมหภาค
ของจีนส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศอ่อนตัวลง และกำลังการผลิตที่มากเกินไปทำให้ผู้ส่งออกต้องส่งออกมากขึ้น ทั้งนี้ที่
ผ่านมาเงินหยวนมีค่าที่เหมาะสมและมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตเงินหยวนน่าจะแข็งค่าขึ้นร้อยละ
3.0 และไม่เกินกว่าร้อยละ 5.0 ในแต่ละปี ทั้งนี้เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้วจีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นร้อยละ
2.1 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. และเปลี่ยนเป็นระบบลอยตัวภายใต้การจัดการ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเงินหยวน
เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอีกร้อยละ 0.9 นอกจากนั้นเขายังเห็นด้วยกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
ภายใต้การจัดการว่าเป็นนโยบายที่เหมาะสมของประเทศกำลังพัฒนาเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของเงินหยวน (รอยเตอร์)
4. จีนประมาณการการขาดดุล งปม.ในปี 49 ลดลงร้อยละ 1.7 จากปีก่อนหน้า รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 5 มี.ค.49
รมว.คลัง (Jin Renqing) เปิดเผยว่า จากรายงานซึ่งเตรียมเสนอต่อ The National People’s Congress
ก.คลังได้ประมาณการรายได้ของรัฐบาลในปี 49 ที่จำนวน 3.542 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปี 48 ขณะ
ที่ประมาณการรายจ่ายที่ระดับ 3.837 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้ประมาณการการ
ขาดดุล งปม.อยู่ที่ระดับ 295 พัน ล.หยวน ลดลงร้อยละ 1.7 จากปี 48 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 300 พัน ล.หยวน ลดลงร้อย
ละ 6 จากปี 47 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 6 มี.ค. 49 3 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ง
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.792 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.6909/38.9863 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.38578 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 753.39/ 13.15 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,300/10,400 10,300/10,400 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 57.8 58.62 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 4 มี.ค. 49 26.74*/25.09** 26.44/24.69 19.69/14.59 ปตท.
**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 4 มี.ค. 49
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--